องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 638 องค์ชายสาม... เจ้าเจ็ดจะกลายร่างเป็นสัตว์อสูรแล้ว
- Home
- องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!
- บทที่ 638 องค์ชายสาม... เจ้าเจ็ดจะกลายร่างเป็นสัตว์อสูรแล้ว
การตัดสินใจของฮ่องเต้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
เหล่าเสนาบดีทำได้เพียงยืนอยู่รอบๆ อย่างเป็นกังวล พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลืออันใดได้เลย
พลธนูเพลิงไม่ต่ำกว่าร้อยนายล้อมเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้
เด็กชายตัวน้อยลงไปคู้ตัวอยู่ข้างหลังนาง แค่เห็นท่าทางของเขาก็พอที่จะจินตนาการได้แล้วว่าเขากำลังเจ็บปวดทรมานเพียงใด
“เตรียมยิงธนู!” หัวหน้าหน่วยทหารรักษาพระองค์ยกแขนขึ้น
ฟิ้ว!
ทันทีที่ธนูเพลิงถูกง้างขึ้น แสงของมันก็ส่องให้เห็นใบหน้าของเด็กชายตัวน้อย
“ช้าก่อน! ดูนั่นสิ! ดูสิ่งที่อยู่บนหน้าเขาสิ!” พลธนูที่อยู่ใกล้กับเด็กชายที่สุดร้องลั่นขึ้นในทันใด เขาชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่ร่างเล็กๆ นั้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
เสนาบดีสองสามคนนำโดยผู้อาวุโสหันหน้าไปมองเด็กชายตัวน้อย พวกเขาตกใจกลัวทันทีที่ได้เห็นภาพนั้น!
ชิ้นส่วนอะไรบางอย่างคล้ายเกล็ดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าเจ็ด ทันทีที่แสงสว่างจากเปลวไฟส่องลงมาที่เขา ชิ้นส่วนคล้ายเกล็ดนั้นก็ค่อยๆ กระจายตัวออกไปทีละน้อย ในไม่ช้ามันก็เคลื่อนตัวไปจนถึงหน้าผากของเขา
“ปีศาจ!” หนึ่งในฝูงชนตะโกนขึ้น
ทันใดนั้นฝูงชนก็แยกย้ายกันด้วยความหวาดกลัว และหวังเพียงต้องการอยู่ให้ห่างจากเขามากที่สุด
สายตาของพวกเขาที่จับจ้องไปยังเด็กชายตัวเล็กเริ่มเต็มไปด้วยความรังเกียจและหวาดกลัว พวกเขามองเจ้าเจ็ดเหมือนเด็กชายได้กลายเป็นปีศาจไปเสียแล้ว
เด็กชายตัวน้อยที่ถูกความเจ็บปวดนั้นทรมานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหันมองไปรอบๆ อย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของฝูงชน มันเหมือนกับว่าแม้กระทั่งการหายใจก็ยังเจ็บปวดสำหรับเขา…
“เจ้าเจ็ด!” เฮ่อเหลียนเวยเวยหันกลับไปดูอาการของเด็กชายตัวน้อยพร้อมกันกับลูกธนูเพลิงที่พุ่งเข้าใส่พวกเขา นางลดเสียงลงแล้วปลอบเขาว่า ”ทนอีกนิดนะ”
เด็กชายตัวน้อยแทบขยับไม่ได้ แต่เขารู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกประหลาดที่กระจายอยู่ในร่าง เมื่อเขาก้มหน้าลง เขาก็สังเกตเห็นว่าหลังมือของตัวเองถูกปกคลุมไปด้วยขนอ่อนหนึ่งชั้น!
ราวกับราดน้ำมันลงบนกองไฟ ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นว่า ”พระชายาสาม ท่านยังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ดูคนที่อยู่ข้างหลังท่านสิ ท่านยังคิดว่าเขาเป็นองค์ชายเจ็ดของพวกเราอยู่อีกหรือ เขาเป็นปีศาจชัดๆ!”
เจ้าเจ็ดรู้สึกเหมือนศีรษะของเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงจากความเจ็บปวด เขาตอบกลับอย่างโกรธเกรี้ยวทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส ”คนที่เป็นปีศาจคือเจ้าต่างหาก! ถ้าเจ้าแน่จริงก็เข้ามาสิ! ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆ เลยคอยดู!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยเห็นเจ้าเจ็ดหงุดหงิดถึงเพียงนี้มาก่อน หากเป็นในยามปกติ ไม่ว่าจะโมโหเพียงใดเขาก็ไม่เคยพูดอะไรเช่นนั้นมาก่อน เขาจะทำเพียงแค่เดินเข้าไปเตะคนคนนั้นแรงๆ สักทีเท่านั้น ดังนั้นสถานการณ์เลวร้ายที่เขากำลังเผชิญอยู่จึงนับว่าผิดปกติอย่างแท้จริง
“เขากำลังจะกลายร่างเป็นสัตว์อสูร” จู่ๆ หยวนหมิงที่กำลังสังเกตภาพนี้อยู่ก็เอ่ยขึ้น เขาลดเสียงลงแล้วบอกกับเฮ่อเหลียนเวยเวยว่า ”ดูดวงตาของเขาสิ มันเริ่มมีสีอื่นปนเข้ามาแล้ว ในสภาพแวดล้อมที่ปราณแห่งความเคียดแค้นหนาแน่นถึงเพียงนี้ หากเจ้านายของเขาไม่ปรากฏตัวขึ้น และปล่อยให้เขากลายร่างจนเสร็จสมบูรณ์ทั้งอย่างนี้ละก็ ไม่ใช่แค่วังหลวงเท่านั้นที่จะถูกเขาทำลาย แต่สุดท้ายเขาจะทำลายตัวเองไปด้วย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น นางหมุนตัวกลับไป แล้วกอดเด็กชายตัวน้อยที่กำลังทรมานไว้แน่น
เจ้าเจ็ดเงยหน้าขึ้นมองคนที่กอดตัวเองอยู่ และพยายามระบุตัวตนของนางด้วยการมองใบหน้านั้น เขาไม่เข้าใจ ว่ามีคนกล้าพอที่จะเข้าใกล้เขาในเวลานี้ได้อย่างไร เขาไม่ใช่ปีศาจหรือ
“เจ้าเจ็ด ตั้งสติเอาไว้” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเด็กชายตัวน้อย และคว้าไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาพร้อมกับเอ่ยว่า ”ฟังนะ เจ้าจะปล่อยให้ความโกรธควบคุมเจ้าไม่ได้เด็ดขาด เจ้าจำได้หรือเปล่าว่าพี่สามของเจ้าเกลียดเพียงใดเวลาที่มีคนขาดสติเพราะความโกรธ”
พี่สามหรือ สีแดงในดวงตาของเด็กชายตัวน้อยจางลงไปเล็กน้อยขณะที่เขาค่อยๆ หันหน้ามาโดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นนั่นเองที่ธนูไฟดอกหนึ่งพุ่งตรงมาที่พวกเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกร่มขึ้นบังมันพร้อมกับปาใบมีดสีเงินในมือของตัวเองใส่หัวหน้าหน่วยทหารรักษาพระองค์
ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็ป้องกันตัวเองเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที ฝ่ามือของเขากดลงที่ปลายมีดด้านหนึ่งอย่างแรง พลังปราณหนักอึ้งจากอาวุธชนิดนั้นเฉือนลงบนชั้นผิวหนังของเขา แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดจะให้เวลาเขาได้ตั้งตัว นางใช้มือคว้าตัวหัวหน้าหน่วยทหารรักษาพระองค์เข้ามาแล้วกำมือรอบคอของเขา จากนั้นก็ออกแรงกด
กร๊อบ!
เมื่อคนออกคำสั่งสิ้นใจ ลูกธนูเพลิงเหล่านั้นก็เริ่มส่ายสะเปะสะปะ และอ่อนกำลังลง
มันทำให้เด็กชายตัวน้อยมีเวลาได้สงบสติอารมณ์
แต่ฮ่องเต้ผู้เห็นแก่ตัวกลับยังตั้งใจว่าจะฆ่าเขา เขาหันกลับไปมองผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสายตาของฮ่องเต้ เขาจึงสั่งว่า ”บรรดานักพรตฟังคำสั่งของข้าให้ดี! ร่ายอาคมต่อ!”
นักพรตเหล่านั้นพยักหน้าทันทีที่ได้ยินคำสั่งของเขา พวกเขายกนิ้วขึ้น สะบัดเพียงครั้งเดียวอาคมนั้นก็ถูกร่ายขึ้นอีกครั้ง
ยิ่งเจ้าเจ็ดเห็นคนออกห่างจากเขาเพียงใด ความเจ็บปวดที่เขากำลังเผชิญก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้แสงสว่างนั้น แต่ภาพนี้กลับดูคุ้นตาเขาเป็นอย่างยิ่ง
ในความทรงจำอันห่างไกลนั้น เขารู้สึกเหมือนเขาเคยถูกปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้มาก่อน
ดูเหมือนว่ามีใครบางคนหายไปในตอนนั้น
เขารู้สึกหิวยิ่งนัก
แต่เขารู้ดีว่าคงไม่มีใครหาอาหารให้เขากินอีกแล้ว
คงไม่มีใครลูบศีรษะเขา หรือบอกให้เขาทำตัวดีๆ แล้วสั่งให้เขาลงไปอาบน้ำในแม่น้ำ
เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขา สะบัดหางเพื่อค้นหาคนคนนั้น
ในความทรงจำของเขา คนคนนั้นรักความสะอาดอยู่เสมอ
เขามักมีรอยยิ้มบางๆ อยู่บนใบหน้า และริมฝีปากบางอันงดงามที่ดูค่อนข้างเหมือนกับ… พี่สามของเขา
แต่ต่อให้เขาสกปรกเพียงใด คนคนนั้นก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่ตีนเขาชูคบเพลิงในมือขึ้น แล้วมองเขาด้วยความหวาดกลัวขณะพยายามที่จะเผาเขาทั้งเป็น พวกเขาเรียกเขาว่าปีศาจ แล้วปาหินใส่เขา
แม้ว่าหินพวกนั้นจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเพราะขนาดตัวของเขา แต่เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างสุดแสน เขาอยากบอกให้คนพวกนั้นรู้ว่าเขาไม่ใช่ปีศาจ และเขาเพียงแค่กำลังตามหาเจ้านายที่หายตัวไปของเขาเท่านั้น เขาอยากถามว่ามีใครเห็นเจ้านายของเขาหรือไม่
ต่อจากนั้น… จากนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจ้าเจ็ดยกมือขึ้นแล้วยื่นมือคว้าอะไรบางอย่าง
จากนั้นเขาก็รู้ว่าคนพวกนั้นสังหารเจ้านายของเขาไปแล้ว
เขาอยากแก้แค้น!
เขาอยากฉีกพวกมันทั้งหมดให้เป็นชิ้นๆ!
“อ๊าก!” เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้น วงแหวนสีทองอ่อนรอบม่านตาของเขาเปล่งประกายสว่างไสวจนกระทั่งสุดท้ายดวงตาของเขาก็ถูกแสงนั้นบดบัง ยิ่งอยู่ภายใต้แสงสลัว ดวงตาของเขาก็ยิ่งเหมือนอำพันที่ส่องแสงสว่างเจิดจ้า
ภาพนี้ยิ่งทำให้ฝูงชนรู้สึกหวาดกลัว และเสียงกรีดร้องของพวกเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ”อะไร นั่นมันตัวอะไรกัน!”
“ปีศาจ! องค์ชายเจ็ดเป็นปีศาจจริงๆ หรือ!?” เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งบรรดาเสนาบดีที่เคยขอความเมตตาให้กับองค์ชายเจ็ดก็ยังร้องออกมาด้วยความกลัว
ฮ่องเต้พอใจยิ่งนัก นี่คือสิ่งที่เขาอยากเห็นมาตั้งแต่แรก ความจริงแล้วต่อให้ไม่มีนักพรตพวกนี้อยู่ เจ้าเจ็ดก็จะต้องงอกเกล็ดออกมาอยู่วันยังค่ำ เพราะนี่คือสิ่งที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด
แต่เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าอาคมของนักพรตเหล่านี้จะมีผลอย่างรุนแรงจนทำให้เขามีขนงอกออกมาทั่วร่าง…
แม้ว่าสิ่งนี้จะอยู่เหนือความคาดหมายของเขา แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับดียิ่งกว่า
ย่อมไม่มีใครตั้งคำถามได้อีกว่าองค์ชายเจ็ดเป็นฆาตกรได้อย่างไรทั้งที่เขายังเด็กอยู่
เพราะเอกลักษณ์ความเป็นปีศาจของเขาได้อธิบายทุกอย่างแล้ว!