องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 641 คนที่จะรังแกนางได้มีแค่ข้าคนเดียวเท่านั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มเสแสร้งพร้อมกับออกแรงที่มือ!
วิญญาณร้ายในมือของเขาสลายกลายเป็นแอ่งน้ำสีดำในทันที!
วิญญาณร้ายตนอื่นมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกมันก็รีบลนลานหันหลังหนีทันที
แต่!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้หนี เขาก้าวเท้าเดินผ่านวิญญาณร้ายเหล่านั้นแล้วสั่งว่า ”กิเลน กลืนพวกมันลงไปให้หมด!”
วิญญาณร้ายเหล่านั้นเพิ่งสังเกตเห็นกิเลนอัคคีซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในเงาของชายหนุ่มได้ก็ในตอนนั้นนั่นเอง
สายตาของพวกมันสั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะความหวาดกลัวที่ทะลักออกมาจากหัวใจ พวกมันพยายามซ่อนตัวจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นอย่างสุดชีวิต
แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
เพียงแค่อ้าปากและสะบัดหาง กิเลนอัคคีก็สามารถกลืนพวกมันลงท้องไปได้อย่างง่ายดาย มันย่ำเท้าขนาดมหึมาของตัวเองไปมาระหว่างเคี้ยววิญญาณร้ายเหล่านั้น สิ่งสุดท้ายที่วิญญาณร้ายเหล่านั้นนึกเสียดายก็คือการที่พวกมันประเมินชายผู้นี้ไว้ต่ำเกินไป พวกมันครวญครางออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าขณะที่กำลังจะสิ้นใจ แต่ไม่มีสิ่งใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกมันได้
“ต่อไป…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกมุมปากขึ้นเมื่อสายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ผู้อาวุโสที่กำลังตัวสั่นอย่างแรง ”ก็ถึงตาเจ้าแล้ว”
ผู้อาวุโสไม่สามารถคงรูปลักษณ์ของตัวเองได้อีกต่อไปเพราะความหวาดกลัวที่มีต่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ผลสุดท้ายมันจึงงอกแขนขาและกรงเล็บออกมาฉีกกระชากร่างมนุษย์ของตัวเองออก แล้วใช้กรงเล็บคู่นั้นจิกพื้นอย่างบ้าคลั่งเพื่อพยายามหาทางหลบหนี
ตุบ ตุบ ตุบ…
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา สง่างามแต่ก็กระหายเลือด
บรรดานักพรตที่ยืนอยู่โดยรอบต่างตกตะลึงกับภาพนั้น เพราะพวกเขานึกไม่ถึงว่าที่จริงแล้วหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นปีศาจสวมหนังมนุษย์!
ปีศาจตัวนั้นถีบขาหลังของมันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่บนพื้นหินที่อยู่ข้างหน้ามันกลับมีรอยร้าวปรากฏขึ้นก่อนแล้ว รอยแยกนั้นกระจายตัวออกด้วยความเร็วคงที่ราวกับรอยเลือดสีดำที่ไหลออกมาจากใต้ผิวน้ำแข็งบางๆ
มันรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่นหลัง ความรู้สึกนั้นทำให้มันรู้สึกเหมือนกำลังตกลงไปในนรก และไร้หนทางที่จะหนีพ้นไปได้!
เสียงดังปังได้ยินโดยทั่วกัน!
สุดท้ายปีศาจที่ถูกต้อนจนมุมก็ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษเนื้อและเลือดของมันกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
เสนาบดีทุกคนล้วนแต่ตกตะลึงกับภาพที่เห็น พวกเขาตัวสั่นและไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้
คืนนี้พวกเขาได้เห็นในสิ่งที่คาดไม่ถึงมากเกินไป
ท่ามกลางลมหนาวที่พัดแรงขึ้น มีเพียงรอยยิ้มเสแสร้งอันชั่วร้ายบนใบหน้างดงามแต่เย็นชาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเท่านั้นที่ปรากฏให้เห็น เสื้อคลุมสีดำสนิทสะท้อนแสงทิ้งเงาอยู่ภายใต้แสงจันทร์ราวกับภูตผี จากนั้นร่างของเขาก็หายวับไป ก่อนมาปรากฏตัวอยู่บนหลังคาที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ผู้พิทักษ์แห่งตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายไปจากที่นี่แล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงกลิ่นอายของเขาและปีศาจกินฝันเท่านั้น
“หนีกันเร็วจริงๆ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะเย้ยหยัน
ปีศาจกินฝันตกใจจนตัวแข็งเมื่อมันเห็นใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย มันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองขณะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า ”องค์ราชา ท่าน… ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชำเลืองมองมันด้วยสายตาเหยียดหยาม เขายกมือขึ้นอย่างเกียจคร้าน แต่นั่นกลับทำให้ปีศาจกินฝันกระอักเลือดสีเข้มออกมาเต็มปาก
แต่กระนั้นปีศาจกินฝันก็ยังไม่กล้าต่อต้านเขา มันเอ่ยต่อเสียงสั่นว่า ”องค์ราชา ข้าไม่รู้อะไรเลย ถ้าข้ารู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็คงไม่ฟังคำพูดของคนจากตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายแน่… อั้ก!” ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ พลังที่มองไม่เห็นก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอของมัน มันพยายามจับที่คอของตัวเอง ดวงตาของมันถลนจนแทบจะระเบิดออกมา!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันไปด้านข้าง แล้วจึงเอ่ยข้างใบหูของปีศาจกินฝันด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาตอนที่เดินผ่านกันว่า ”ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะฟังคำสั่งของใคร สิ่งที่ข้าทนไม่ได้ก็คือการที่เจ้าบังอาจแตะต้องเหยื่อของข้าต่างหาก คนที่จะรังแกนางได้มีเพียงแค่ข้าคนเดียวเท่านั้น ส่วนเจ้าน่ะหรือ หึ เจ้าไม่มีสิทธิ์!”
ปัง!
การตายของผู้อาวุโสตามมาด้วยจุดจบของปีศาจอีกตนหนึ่ง!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยวางเด็กชายตัวน้อยที่เขาหนีบไว้ในอ้อมแขนลง เพียงแค่ขยับนิ้วเรียวครั้งเดียว ต่างหูเงินอันเล็กก็ปรากฏขึ้นบนใบหูข้างหนึ่งของเด็กชายตัวน้อย
มันเป็นอุปกรณ์ที่ผู้เป็นนายมักใช้ป้องกันไม่ให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง
จากนั้นเขาจึงผละมือออก และใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วนางดีดนิ้วตัวเอง
เป๊าะ!
ต่างหูอันนั้นหายวับไป
เด็กชายตัวน้อยครางในลำคอขณะที่ขนบนหลังมือของเขาเลือนหายไปจนเผยให้เห็นผิวเนียนนุ่ม
ชิงหลงตกตะลึง ”เขา เขาเป็นตัวอะไรกันแน่”
กิเลนอัคคีก้าวออกมาข้างหน้าพลางใช้อุ้งเท้าหน้าลูบคางตัวเองไปด้วย ”ข้าเดาว่าเขาน่าจะเป็นอสูรกลืนเวหา”
“เด็กคนนี้น่ะรึ เขาคืออสูรกลืนเวหาหรือ” ชิงหลงยังคงรู้สึกคลางแคลงใจ
กิเลนอัคคีตวัดสายตามองเขา ”เจ้าอย่าลืมว่าในสมัยนั้นไม่มีใครในหมู่พวกเราที่เคยเห็นร่างมนุษย์ของอสูรกลืนเวหาเลยสักคน ต้องมีเหตุผลบางประการแน่ที่ทำให้นายท่านห่วงใยเขามากถึงเพียงนี้”
“เจ้าหมายความว่านายท่านจะตามใจคนที่เด็กสุดอย่างนั้นหรือ” ชิงหลงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันแพ้เพราะอายุมากกว่า!
คนอื่นๆ คงไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ได้
แม้จะได้ยินไม่ชัดเจนนักเพราะอาการสะลึมสะลือ แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ไม่ได้หลับลึกก็ได้ยินเสียงนั้นดังอยู่ข้างหู
ท่ามกลางความมืด นางพยายามสื่อสารกับหยวนหมิงผ่านทางกระแสจิต แต่เขาไม่ตอบกลับมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยงุนงง หากพูดโดยรวมแล้ว นางเพิ่งจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับหยวนหมิงไปหมาดๆ และวิญญาณของนางควรจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับปีศาจตนนั้น ป่านนี้เขาควรที่จะปรากฏตัวขึ้นได้แล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่ตอบนางเลยแม้แต่คำเดียวล่ะ
เฮ่อเหลียนเวยเวยลืมตาไม่ขึ้น ดังนั้นนางจึงใช้กระแสจิตของตัวเองเรียกหาหยวนหมิงอีกครั้ง
ในที่สุดครั้งนี้ก็มีการตอบรับกลับมา แต่เสียงนั้นกลับเป็นเสียงลมหายใจลึกลับที่ฟังดูเย็นชาอย่างมาก
เป็นไปได้หรือเปล่าว่าปีศาจตนนั้นจะเบื่อนางแล้วหลังจากได้วิญญาณของนางไป
ยิ่งเฮ่อเหลียนเวยเวยคิดถึงเรื่องนั้นมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งอยากลืมตาตื่นมากขึ้นเท่านั้น นางตระหนักได้ถึงพลังที่มาพร้อมกับพันธสัญญานิรันดร์ดี ความแข็งแกร่งของปีศาจในสัญญาจะเพิ่มมากขึ้นเป็นสิบเท่าหลังจากนางขายวิญญาณให้
หยวนหมิงเคยบอกไว้นานแล้วว่าเขาสูญเสียพลังปีศาจของตัวเองไปค่อนข้างมาก หากเป็นเช่นนี้เขาก็ควรที่จะได้พลังปีศาจกลับคืนมาทันทีหลังจากทำพันธสัญญาเสร็จ
แล้วเจ้าเจ็ดล่ะ ตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
เฮ่อเหลียนเวยเวยทุ่มความพยายามทั้งหมดเพื่อปลุกตัวเอง นิ้วของนางขยับเล็กน้อยเมื่อสัมผัสเข้ากับขนนกที่อ่อนนุ่ม…
…
เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้หรี่ตาลง เขาจ้องมองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดที่วิ่งวนอยู่ในอก นี่ยังเป็นองค์ชายสามที่ข้ารู้จักอยู่หรือไม่
พลังปราณของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแข็งแกร่งกว่าที่ฮ่องเต้คาดเอาไว้อย่างมาก เดิมทีนั้นเขาตั้งใจว่าถ้าองค์ชายสามปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเจ้าเจ็ด เขาจะใช้ทหารรักษาพระองค์หลายพันนายนี้กำราบอีกฝ่ายเสีย
แต่ตอนนี้…
เขาไม่แน่ใจแล้วว่าทหารรักษาพระองค์ของเขาจะยังใช้การได้อยู่หรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์ชายสามมีชิงหลงบินอยู่ด้านหลัง!
มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีมาตั้งแต่โบราณ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนมักกล่าวกันว่าฮ่องเต้เป็นบุตรแห่งมังกร
ในที่สุดมังกรก็ปรากฏตัวขึ้น แต่มันกลับอยู่ที่ด้านหลังของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ฮ่องเต้จะไม่รู้สึกอิจฉาและโกรธเกรี้ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
เสนาบดีจำนวนหนึ่งจากกรมขุนนางภายในเริ่มกระซิบกระซาบกันในหมู่ตัวเองพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองชิงหลง พวกเขาต่างพูดคุยกันว่าอันที่จริงแล้วไป๋หลี่เจียเจวี๋ยต่างหากที่เป็นบุตรแห่งมังกร
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
แต่ฮ่องเต้ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงเริ่มกล่าวหาอีกฝ่าย ”เจ้าสาม ข้ามั่นใจว่าเจ้าเองก็คงเห็นธาตุแท้ของเจ้าเจ็ดที่เจ้ากำลังอุ้มอยู่ในตอนนี้แล้ว เขาเป็นปีศาจ! เจ้ากำลังปกป้องปีศาจอยู่นะ! ข้าจะทำเป็นไม่เห็นความโง่เขลาของเจ้าสักครั้งก็แล้วกันถ้าเจ้ายอมส่งตัวมันให้กับทหารรักษาพระองค์เสียตั้งแต่ตอนนี้!”