องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 642 เวยเวยตื่นแล้ว ฝ่าบาท
“ปีศาจหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอียงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับเคลื่อนดวงตาเรียวยาวของตัวเองไปทางฮ่องเต้ ตัวอ่อนที่กำลังก่อตัวเป็นรูปร่างสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา มันเป็นสัญญาณบอกว่าร่างมนุษย์กำลังถูกวิญญาณร้ายรุกราน เขามองไปที่ฮ่องเต้พร้อมกับกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”ใครคือปีศาจที่แท้จริง ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจมิใช่หรือ กระแสน้ำและการปล่อยน้ำของคูน้ำจะสามารถควบคุมได้ก็ต่อเมื่อมีคำสั่งที่เขียนด้วยลายมือจากฮ่องเต้เท่านั้น นางกำนัลทุกคนล้วนแต่เสียชีวิตในคูน้ำ แต่ท่านกลับรอแทบไม่ไหวที่จะป้ายความผิดนี้ให้ผู้อื่น เห็นได้ชัดว่าท่านก็เพียงแค่ต้องการกำจัดความสงสัยไปจากตัว แต่ท่านคิดว่าสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ หรือ”
ยิ่งไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเข้าใกล้เขา ฮ่องเต้ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงลมหายใจตัวเองที่หนักขึ้นทุกขณะ ตาซ้ายของเขาพร่ามัวเพราะลูกตาที่กลอกกลับไปด้านหลังศีรษะอย่างรุนแรงจนมองเห็นตาขาว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกด้านหนึ่งนั้น ขันทีเกาที่ยืนอยู่ใกล้ฮ่องเต้ที่สุดกลับหวาดกลัวอย่างสุดแสน เขาเซไปด้านหลังก่อนจะล้มลงกับพื้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ไหล่ซ้ายของฮ่องเต้ ความหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้าของเขาตอนที่เขาถอยหลังกลับไป
ฮ่องเต้หันไปมองข้างตัว ทันใดนั้นเขาก็เห็นศีรษะของเด็กทารกโผล่ขึ้นมาบนไหล่ ท่อนล่างของมันฝังลึกอยู่ในแผ่นหลังของฮ่องเต้ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา ดวงตาแดงฉานที่ปรากฏขึ้นบนศีรษะนั้นชวนให้ขนหัวลุก
ฮ่องเต้ตัวแข็งทื่อ ความหนาวเย็นคืบคลานไปทั่วร่างของเขา เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร เจ้าตัวที่ฝังอยู่ในร่างของเขาคือตัวบ้าอะไรกัน
เขารู้ว่าทุกครั้งที่เขากินยาอายุวัฒนะเข้าไป เขาจะได้ยินเสียงหายใจด้วยความพอใจดังขึ้นข้างหูเสมอ แต่เขาคิดมาตลอดว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของตัวเขาเอง
แต่ตอนนี้… ฮ่องเต้ร้องออกมาอย่างหวาดกลัวสุดขีด ภาพลักษณ์ของผู้ปกครองหายไปในพริบตา น้ำตาพรั่งพรูออกมาจากดวงตาของเขาพร้อมกับความกลัวที่ซัดสาดเข้ามา ”ทหาร! ทหาร เข้ามานี่! เอามันออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้!”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา
แม้กระทั่งเสนาบดีจากกรมขุนนางภายในก็ยังร้องลั่นออกมาด้วยความหวาดกลัว!
ทหารรักษาพระองค์ต่างตะเกียกตะกายใช้ทั้งมือและเท้าคลานหนีห่างจากฮ่องเต้อย่างน้อยก็สิบฉื่อ!
เวลานี้ฮ่องเต้รู้สึกเหมือนตัวคนเดียวอย่างแท้จริง แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือตอนที่เด็กทารกบนไหล่ของเขาเริ่มขยับเข้ามา แล้วแนบใบหน้าราวกับซากศพนั้นเข้ากับใบหน้าของเขา
ฮ่องเต้ทรุดลงกับพื้นและกรีดร้องเสียงแหลม ”ไปให้พ้น ออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้!”
“ท่านต้องการให้มันออกไปจากตัวท่านหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะขึ้นอย่างโหดเหี้ยม ”ท่านต้องโง่เขลาถึงเพียงใดกันเชียว ท่านดูดเลือดของหญิงสาวมามากมาย ปราณแห่งความเคียดแค้นก็ต้องสั่งสมอยู่ในร่างของท่านเป็นธรรมดา ความเคียดแค้นพวกนี้นำมาซึ่งความชั่วร้าย และความชั่วร้ายก็มาจากจิตใจของท่าน สุดท้ายมันจะแทนที่ท่านและยึดกายเนื้อของท่านไปเป็นของตัวเอง คิดว่ามันจะยอมละทิ้งปุ๋ยชั้นเลิศเช่นนี้ไปอย่างนั้นหรือ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมองของฮ่องเต้ เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยด้วยสายตาอ้อนวอน ”ลูกสาม เจ้าคงมีทางออกใช่หรือไม่ รีบช่วยข้าเดี๋ยวนี้!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงนิ่ง ความจริงแล้วเขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองฮ่องเต้ด้วยสายตาเฉยเมยไม่แยแส
นี่เป็นภาพที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นตอนที่นางตื่นขึ้นมา
ร่างอันคุ้นตาที่ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งสงคราม ชิงหลงลอยอยู่บนท้องฟ้าในขณะที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อีกตัวหมอบอยู่ใต้เท้าของเขา
แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานคลื่นอันน่าหลงใหลในดวงตาของเขาได้
ดวงตาที่ลึกล้ำและเต็มไปด้วยปริศนานั้นมีลำแสงสีทองจางๆ หมุนวนอยู่ภายใน แสงสว่างสะท้อนใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาของเขา ใบหน้านั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดราวกับมีพลังบางอย่าง ความงดงามนั้นเป็นดั่งปาฏิหาริย์อันน่าทึ่ง
ในเวลานั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยคิดว่านางคงแค่เห็นภาพหลอน นางจึงยกมือขึ้นนวดขมับที่ปวดร้าวของตัวเอง แต่หลังจากนางปรับสายตาได้ คนคนนั้นก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ปฏิกิริยาแรกที่นางมีคือการใช้กระแสจิตสื่อสารกับหยวนหมิง แม้แต่น้ำเสียงเกียจคร้านที่นางมีเป็นปกติก็ยังฟังดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา ”หยวนเสี่ยวหมิง เจ้าเห็นนั่นหรือเปล่า เขากลับมาแล้ว เขากลับมาแล้วจริงๆ!”
หยวนหมิงไม่ตอบนาง
แต่ในขณะเดียวกันนั้น นิ้วมือภายในถุงมือสีดำของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับกระตุกเล็กน้อย เขาเคลื่อนสายตาลงมองฮ่องเต้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น และตั้งใจว่าจะเดินจากไป
ฮ่องเต้ตะโกนขึ้นมาด้วยความสิ้นหวัง ”ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ เจ้าจะไม่ทำอะไรแล้วปล่อยให้พ่อของตัวเองกลายเป็นปีศาจ ไม่ใช่ทั้งมนุษย์และผีเช่นนี้หรือ”
คำพูดของเขาเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ริมฝีปากบางของเขาปะปนไปด้วยความชั่วร้ายที่ชวนอึดอัด ”ไม่ต้องห่วง ท่านคงไม่มีโอกาสได้กลายเป็นมนุษย์หรือผีแน่นอน เพราะตอนนี้มันตื่นแล้ว และน่าจะกำลังหิวมากด้วย”
“อะไรนะ เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ฮ่องเต้ไม่ได้โง่ถึงเพียงนั้น ความเป็นไปได้บางอย่างแล่นเข้ามาในสมองของเขา ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปมองทางด้านซ้ายของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เด็กทารกตื่นแล้วตามคาด และกำลังใช้ดวงตากลวงโบ๋ของมันจ้องมองไปยังฮ่องเต้ เสียงของมันเย็นยะเยือกและชวนให้ขนหัวลุก ”เลือด ข้าอยากกินเลือด”
ก่อนที่ฮ่องเต้จะทันได้ตั้งตัว ลำคอของเขาก็ถูกทารกคนนั้นกัดเข้าอย่างแรง!
เสียงดูดเลือดดังชัดเจน มันทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ขนลุกไปตามๆ กัน
ใบหน้าของเสนาบดีหลายคนจากกรมขุนนางภายในซีดเผือด พวกเขามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ขณะเดียวกันนั้นฮ่องเต้ก็ยกมือขึ้นและพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะโยนทารกคนนั้นออกจากไหล่ แต่ความพยายามของเขาก็สูญเปล่าเพราะพวกเขาต่างใช้ร่างเดียวกันอยู่
ฮ่องเต้กระเสือกกระสน เมื่อเขามองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ดวงตาของเขาก็เอ่อท้นไปด้วยความเกลียดชัง!
เขารู้มาแต่แรกแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นคนชั่วร้ายที่ไม่เคยเคารพผู้เป็นบิดาอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่ายิ่งไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโตขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้ได้มากขึ้นเท่านั้น
และตอนนี้เขาถึงกับปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเขา!
คนเช่นนี้สมควรตกนรกหมกไหม้!
ทำไมคนที่ตายถึงเป็นเขาล่ะ!
ครั้งหนึ่งเทพเจ้าเคยบอกเขาว่าตราบใดที่เขาทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เขาก็จะได้เป็นอมตะ!
เทพเจ้าโกหกข้าหรือ
กร๊อบ!
เด็กทารกอ้าปากแล้วกัดกระดูกสันหลังของฮ่องเต้จนหักออกเป็นสองท่อน
ฮ่องเต้ไม่สามารถขัดขืนได้อีกต่อไป เขานอนอยู่บนพื้น จมอยู่ในเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกาย แสงในดวงตาของเขาเลือนหายไปทีละน้อยท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น…
เสนาบดีทั้งหลายถอนหายใจอย่างเงียบๆ เมื่อได้เห็นภาพนี้ แต่ในเวลาเดียวกันนั้นความหวาดกลัวก็พลันเกาะกุมไปทั่วหัวใจของพวกเขา
พวกเขานึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะมีจุดจบเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นฆาตกรที่ฆ่านางกำนัลเหล่านั้น
พวกเขารู้ว่าฮ่องเต้ต้องการมีชีวิตอมตะ
แต่พวกเขานึกภาพไม่ออกเลยว่าความหมกมุ่นของฮ่องเต้จะรุนแรงถึงเพียงนั้น
บนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากรรมอยู่จริงๆ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากชะตากรรมของตัวเองได้!
ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงสิ้นใจจากการถูกเด็กทารกที่โตในร่างของเขาดูดเลือดจนแห้งไปทั้งตัว เด็กทารกใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถหมอบมาอยู่ที่คอของฮ่องเต้ได้ ดวงตาของทารกตนนั้นกลายเป็นสีเขียวดูน่าขนลุก
แต่แน่นอนว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยย่อมไม่ปล่อยให้มันได้กิ่มจนอิ่ม เขาเหลือบมองชิงหลงและเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”ยกให้เจ้า”
“ขอรับ นายท่าน” ชิงหลงดีใจที่ในที่สุดก็ถึงตามันออกโรง มันม้วนตัวแล้วกลืนเด็กทารกลงท้องไปโดยไม่เหลือร่องรอย
จากนั้นทั้งตำหนักเฉียนชิงก็กลับคืนสู่ความสงบสุข
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเริ่มออกเดินอีกครั้ง ช่วงขายาวและรอบเอวอันสมบูรณ์แบบของเขาดูงดงามยากจะหักห้ามใจไม่ให้มองได้ แต่ท่าทางของเขากลับยังคงสง่างามและเย็นชาเฉกเช่นยามปกติ ในเวลานี้ความแตกต่างเดียวที่มีคือปลายเส้นผมของเขากลับเป็นประกายด้วยสีขาวและสีเงินซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย และยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปีศาจอีกด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่แน่ใจว่าเขาเห็นนางหรือเปล่า เขาดูเหมือนจะเห็นนาง… แต่กลับปฏิเสธที่จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของนางหรือ