องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 652 รักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ (การท้าทาย ตอนที่ 2)
นางก็คงไม่ได้องค์ชายมาเป็นของตัวเอง
ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะนางศึกษา ‘เคล็ดลับการเอาใจภรรยา’ มานับครั้งไม่ถ้วน
“ข้าหิวแล้ว” หลังจากหยอกนางกำนัลตัวน้อยได้พักหนึ่ง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เริ่มบ่นขึ้นมาอีกครั้ง คางของนางพาดอยู่กับโต๊ะเครื่องแป้ง มือวางอยู่บนหน้าท้อง นางดูน่าสงสารแต่ก็เท่มากทีเดียว ”ข้าอยากกินขาหมู เอาแบบที่ตุ๋นมาแล้ว…”
นางกำนัลตัวน้อยยังต้องเขียนคิ้วอีกข้างของเฮ่อเหลียนเวยเวยให้เสร็จ เมื่อนางมองหน้าอีกฝ่าย แล้วนางก็นึกถึงพี่ใหญ่ผู้แสนพูดน้อยของตัวเองขึ้นมาได้ นางหันหน้าไปหาชิงจ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า ”พี่ชิงจ้าน ดูพระชายา…”
ขณะที่นางกำลังพูดอยู่นั้น จู่ๆ นางก็รู้สึกได้ถึงสายลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่านใบหูของตัวเองไป
เป็นองค์ชายนั่นเอง!
“คารวะองค์ชาย!” นางกำนัลทุกคนต่างรีบคุกเข่าลงกับพื้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยบีบคางของเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับไม่มีใครอยู่ที่นั่น เขาถามว่า ”เจ้าเผยกรงเล็บออกมาอีกแล้วหรือ”
“เปล่าเสียหน่อย” เฮ่อเหลียนเวยเวยผลักเขาออก นางหาว แล้วพยายามถ่วงเวลา ”ข้าหิว”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะขณะหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์มาจากนางกำนัล จากนั้นจึงสวมมันให้กับนางและอุ้มนางขึ้นพร้อมกับบอกว่า ”เมื่อหนึ่งก้านธูปก่อน เจ้าเพิ่งกินปลานึ่งหมดไปด้วยตัวคนเดียว แค่อาหารจานนั้นจานเดียวก็พอที่จะเลี้ยงคนถึงสามคนเลยด้วยซ้ำ”
“แต่ตอนนี้ข้าหิวอีกแล้วนี่” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง นางพยายามดึงหน้าของตัวเองออกมาจากเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวนั้น
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับผลักนางเข้าไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกไม่พอใจ นางถามขึ้นว่า ”ท่านทำอะไรเนี่ย”
“หน้าตาเจ้าน่าเกลียดเกินไป ต้องแต่งเพิ่มเสียหน่อย” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบอย่างใจเย็น เขาหยิบผงไข่มุกสีดำขึ้นมาแล้วทาบางส่วนลงไปบนใบหน้าของนาง เขาดูท่าทางพอใจหลังจากทาเสร็จ จากนั้นจึงยอมปล่อยนางไป
เมื่อมองตัวเองในกระจกสัมฤทธิ์ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เห็นใบหน้าดำคล้ำของตัวเองปรากฏอยู่ในนั้น ”ท่านแน่ใจนะว่าปัญหาของเราไม่ได้มาจากรสนิยมด้านความงามของท่าน” ผลงานที่เหล่านางกำนัลใช้เวลานานนับชั่วยามรังสรรค์ขึ้นถูกทำลายลงด้วยฝีมือขององค์ชาย
“มานี่สิ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนอยู่ข้างหลังนางด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขากำลังเล่นกับแหวนหยกสีดำของตัวเองอยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินเข้าไปหาเขาพลางเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกับถามว่า ท่านคิดจะทำอะไรอีก
แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงพับแขนเสื้อที่ยาวลงมาของนางขึ้น เผยให้เห็นขนสุนัขจิ้งจอกที่ถูกม้วนจนเป็นวงกลมด้วยความประณีต มันยิ่งเสริมให้ผิวอันงดงามของนางเปล่งประกายราวกับหยก
ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างกลั้นหายใจทันทีที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยย่อตัวลง
พวกเขาเคยรับใช้ผู้คนมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งพระชายาท่าทางผู้เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา หรือแม้กระทั่งคนที่ทรงอำนาจที่สุดในวังหลังอย่างมู่หรงฮองเฮา
แต่ไม่มีใครจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเขามากเท่านาง
แต่องค์ชายสามก็แตกต่างจากองค์ชายคนอื่นๆ มาแต่ไหนแต่ไร
เขาเมินเฉยต่อคำสั่งของฮ่องเต้ และมักจะตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยยึดอารมณ์ของตัวเองเป็นหลัก แม้จะดูเหมือนเป็นชายที่โด่งดังที่สุดในแผ่นดิน แต่ก็ยังเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นนัก
เขาเป็นเหมือนกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสูงศักดิ์ แม้แต่สุดยอดสาวงามก็ยังต้องยอมศิโรราบต่อเขา
ตอนแรกพวกเขาเชื่อกันด้วยซ้ำว่าเขาย่อมไม่มีทางยอมจำนนต่อผู้ใด
แต่เวลานี้…
ข้ารับใช้ทุกคนต่างมองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างตกตะลึง
เวลานี้องค์ชายกลับดูอ่อนโยนจนน่าตกใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็ตกใจไม่ต่างกัน นางจ้องมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูกในระหว่างที่เขาช่วยม้วนแขนเสื้อของนางขึ้น เมื่อเสร็จข้างหนึ่งแล้วก็เปลี่ยนไปทำอีกข้างต่อ จากมุมที่นางอยู่ รอยยิ้มของเขาดูนุ่มนวลจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ริมฝีปากของเขาเป็นสีอ่อนจาง และดูมีเสน่ห์ยากจะต้านทานเมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
เฮ่อเหลียนเวยเวยขยับเข้าไปขโมยจูบเขาโดยไม่ลังเล จากนั้นจึงรีบกลับมายืนนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางเหมือนจิ้งจ้อยน้อยจอมเจ้าเล่ห์ไม่มีผิด
เมื่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นและเห็นภาพนี้ เขาก็งอนิ้วแล้วดีดหน้าผากนางเข้าหนึ่งที จากนั้นจึงกระชับผ้าคาดเอวของนางแล้วโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูนั้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า ”เจ้ามีอารมณ์แล้วหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …
“จบมื้อเย็นแล้วข้าจะสนองให้เจ้าจนพอใจเชียว” จากนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ลุกขึ้น แล้วออกไปพร้อมกับคนที่รออยู่ข้างนอก ร่างสูงเพรียวนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศทรงอำนาจประหนึ่งฮ่องเต้
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่มีโอกาสแม้แต่จะคัดค้านเลยด้วยซ้ำ เขาหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าข้ามีอารมณ์เสียแล้ว! ทั้งหมดที่ข้าทำก็แค่จูบเขาครั้งเดียวเท่านั้น! แค่จูบเดียวเขาก็คิดไปไกลถึงขนาดนั้นแล้วหรือ! ป่าเถื่อนนัก!
แต่การได้นอนกับหนุ่มรูปงามก็ถือว่าเป็นรางวัล
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากลองคิดในมุมนั้น แต่ท้องของนางก็ยังรู้สึกว่างเปล่า นางลูบท้องพร้อมกับเดินไปทางหน้าต่างไม้ แล้วทาบนิ้วตัวเองเข้ากับริมฝีปากบางเพื่อผิวปาก ทันใดนั้นทหารรับจ้างคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นพร้อมกับเอ่ยว่า ”คุณหนูใหญ่”
“เรื่องที่ให้ไปสืบมาเป็นอย่างไรบ้าง” เฮ่อเหลียนเวยเวยถามด้วยรอยยิ้ม เวลานี้นางดูอันตรายกว่าตอนอยู่ต่อหน้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างมาก
ทหารรับจ้างคิดกับตัวเองว่า คุณหนูใหญ่อาจจะมอบความรู้สึกดีๆ ของตัวเองให้กับองค์ชายสามไปจนหมดแล้ว ดังนั้นเวลานี้นางจึงมีแค่ความรู้สึกชั่วร้ายมอบให้กับคนอื่น จากนั้นเขาจึงรายงานให้นางฟังว่า ”นอกจากเมืองเซวียนหยวนแล้ว ยังมีคนจากเมืองหวงจื่อและเมืองหยวนจงกำลังมุ่งหน้ามาหาเราด้วยขอรับ”
“พวกเขาวางแผนอะไรอยู่ รวมสามเมืองเข้าด้วยกันหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ
ทหารรับจ้างรู้ว่าคุณหนูใหญ่ของตัวเองฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างยิ่ง เขาพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยว่า ”เมืองหวงจื่อและเมืองหยวนจงไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่พวกเขากลับกล้าท้าทายเราอย่างเปิดเผย การกระทำนี้นับว่ายากเกินกว่าจะเข้าใจได้ขอรับ”
“มีอะไรให้ไม่เข้าใจหรือ เห็นๆ กันอยู่ว่าเมืองเซวียนหยวนหยิบยื่นผลประโยชน์ให้กับพวกเขา” เฮ่อเหลียนเวยเวยหาว รอยยิ้มที่มุมปากของนางเย็นชาขึ้นในทันใด จากนั้นนางจึงเสริมว่า ”ถ้าการตื่นเช้าไม่มีกำไร ก็คงไม่มีใครอยากตื่นขึ้นมาหรอก พวกเขาคิดว่าการสวรรคตของฮ่องเต้ย่อมทำให้จักรวรรดิจ้านหลงตกอยู่ในความวุ่นวาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อตักตวงผลประโยชน์ และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาจับมือกันมาที่เมืองหลวงแห่งนี้”
ทหารรับจ้างรู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ เขากล่าวว่า ”เช่นนั้นพวกเราย่อมมีปัญหาแน่ขอรับ พวกเขาก่อตั้งพันธมิตรกันโดยอ้างว่าพวกตนเป็นกังวลว่าจะมีใครเข้ามาป้องกันผนึกขับไล่วิญญาณร้าย ดังนั้นพวกเขาถึงได้ส่งคนของตัวเองมาที่นี่เพื่อคุ้มครองมัน”
“หึ ฝันไปเถอะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยแค่นหัวเราะ ”องค์ชายสามไม่มีวันเห็นด้วยแน่”
ทหารรับจ้างพึมพำเสียงเบาแสดงความเห็นด้วย ”เป็นเพราะองค์ชายสามไม่เห็นด้วย เมืองเซวียนหยวนจึงตัดสินใจร่วมมือกับอีกสองเมืองสินะขอรับ คงไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาวางแผนอะไรไว้กันแน่”
“ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ ใครจะไปสนล่ะว่าพวกเขาจะทำอะไร” เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มือข้างหนึ่งลูบต้นคอของตัวเองซ้ำๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรว่า ”ในเมื่อพวกเขาอุตส่าห์ถ่อมาถึงจักรวรรดิจ้านหลงขนาดนี้ พวกเราก็ต้องสอนบทเรียนให้พวกเขารู้กันเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์ของราชินีนักรบอย่างข้าคงได้แปดเปื้่อนกันพอดี”
ทหารรับจ้าง : …
สารภาพมาตามตรงเถอะขอรับว่าท่านก็แค่อยากรีดเงินจากพวกเขา
คุณหนูใหญ่ พวกเราก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนะขอรับ มีความจำเป็นอันใดที่ท่านต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ
“โอ๊ะ จริงสิ ยกเลิกเรื่องที่ข้าสั่งให้เจ้าทำเมื่อคราวก่อนไปด้วยล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยดูเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดังนั้นนางจึงหันหน้ากลับไปสั่งเขาว่า ”องค์ชายสามไม่ชอบการเป็นเพื่อนเที่ยวให้กับคนอื่น ไม่ว่าคนคนนั้นจะจ่ายเงินให้มากขนาดไหนก็ตาม เฮ้อ ข้าก็บังคับเขาไม่ได้ด้วยสิ”
ทหารรับจ้าง : …
กระทั่งคิดข้าก็ยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ!
คนที่กล้าคิดจะขอให้องค์ชายสามไปเป็นเพื่อนเที่ยวให้กับคนอื่นเช่นนี้ ก็คงมีแต่คุณหนูใหญ่แค่คนเดียวเท่านั้นล่ะขอรับ!