องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 673 เฮ่อเหลียนเวยเวยกับองค์ชายแสดงความรักต่อกัน
- Home
- องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!
- บทที่ 673 เฮ่อเหลียนเวยเวยกับองค์ชายแสดงความรักต่อกัน
“องค์รัชทายาท!” เซวียนปิงส่งเสียงร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สุนัขล่าเนื้อจะกัดเข้าที่ลำคอของเขา
เวลานี้ ทุกส่วนบนร่างของเซวียนปิงล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล เขาพลันนึกถึงการกระทำอันโหดเหี้ยมที่เขาเคยทำกับสุนัขล่าเนื้อก่อนตาย ในเวลานั้นแม้เขาจะใช้ท่อนไม้หักขาซ้ายของสุนัขล่าเนื้อไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่หยุด และยังใช้กระบี่เฉือนเอ็นร้อยหวายของมันอีกด้วย หากเขาไม่ทำเช่นนั้น ป่านนี้ขาของสุนัขล่าเนื้อตัวนั้นก็คงงอกกลับขึ้นมาได้ ตอนนี้เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ขาข้างซ้ายของเขาถูกสุนัขล่าเนื้อกัดออกครึ่งหนึ่ง ดังนั้นต่อให้มันไม่ได้จู่โจมเข้ามาหาเขาอีก แต่เขาจะตายเพราะเสียเลือดภายในหนึ่งก้านธูปอยู่ดี
เซวียนปิงนอนจมกองเลือดของตัวเอง ริมฝีปากซีดเผือดของเขาสั่นระริกขณะที่เขาครวญครางออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดแสน
เขารู้ว่าไม่มีสิ่งใดสามารถช่วยชีวิตเขาได้อีกแล้ว แม้กระทั่งผู้อาวุโสกับองค์รัชทายาทก็ยังทอดทิ้งเขา
สิ่งเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาก็คือสุนัขล่าเนื้อตัวนั้น
แต่เขาก็ทรมานมันจนตาย
มนุษย์จะนึกเสียใจในสิ่งที่ทำก็ต่อเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า
แต่มันก็สายเกินไปแล้วสำหรับเซวียนปิง เขาทำได้เพียงมองดูยมทูตทั้งสี่ตนดึงวิญญาณของเขาออกมาด้วยโซ่เหล็ก มัดมันอย่างแน่นหนา และจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง!
บรรดาเสนาบดีไม่แน่ใจว่าพวกเขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่พวกเขารู้สึกว่ายมทูตเหล่านี้กำลังพยายามหนีไปจากที่นี่
ไม่มีทางหรอก
พวกเขาคงเข้าใจผิดกันไปเอง
ฮ่าๆ ยมทูตจะกลัวมนุษย์ได้อย่างไร
แต่พวกเขาไม่รู้ในสิ่งที่เหล่ายมทูตกำลังคุยกันอยู่
“เจ้าสี่ เจ้าหันไปมองดูสิว่าราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นั่นตามเรามาหรือเปล่า”
“พี่ใหญ่อย่าทำให้ข้ากลัวสิขอรับ! ข้าเป็นคนขี้กลัวนะ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยผู้รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น : …
แม้คราบเลือดบนกำแพงท้องพระโรงจะดูน่าหวาดหวั่น แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของยมทูตเหล่านั้น ผู้ชมทุกคนต่างก็มั่นใจว่าจุดจบของเซวียนปิงคือผลพวงที่เกิดจากการทำชั่วของเขาเอง
ณ เวลานี้ ผลการแข่งขันดูเหมือนจะเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะในยกนี้!
ยมทูตสิบตน!
นางไม่ได้แค่อัญเชิญพวกเขาออกมา แต่ยังสามารถทำให้พวกเขาพูดได้อีกด้วย!
บรรดาเสนาบดีของจักรวรรดิจจ้านหลงดูพอใจอย่างมาก พวกเขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับนางเป็นวีรบุรุษ
แม้กระทั่งเสนาบดีอาวุโสที่เคยคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยและแนะนำให้เขาแต่งงานทางการเมืองก็ยังก้มหน้าลงแล้วกล่าวขอโทษต่อเฮ่อเหลียนเวยเวย ”ใต้เท้าอวี๋กับกระหม่อมขอประทานอภัยพระชายาสาม เมื่อครู่นี้เราทั้งสองคงทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอย่างมาก แต่พวกเราเพียงแค่… พวกเราเพียงแค่พยายามที่จะปกป้องบ้านเมืองและประชาชนของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกท่านรับใช้จักรวรรดิของเรามาถึงสามชั่วอายุคน อีกทั้งยังทำงานให้กับอดีตฮ่องเต้อีกด้วย คนที่ท่านทำให้ลำบากใจไม่ใช่ข้าหรอก แต่เป็นองค์ชายสามต่างหาก จริงอยู่ที่เราควรทำตัวสุภาพนอบน้อมต่อทูตจากเมืองข้างเคียง แต่การเป็นคนนอบน้อมไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องอ่อนข้อให้กับพวกเขา จักรวรรดิจ้านหลงอันแข็งแกร่งและมีเอกราชเช่นเราจำเป็นต้องพึ่งการแต่งงานทางการเมืองเพื่อรักษาความภาคภูมิใจของประเทศชาติจริงๆ หรือ ท่านเสนาบดี ท่านควรรู้ว่าชายผู้ยิ่งใหญ่จะสู้ต่อเมื่อต้องสู้เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ท่านควรทำเพื่อรับใช้ฮ่องเต้! การทำความเข้าใจฝ่าบาทไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก เขาซาบซึ้งกับสิ่งที่ท่านทำเพื่อบ้านเมืองจากใจจริง ดังนั้นอย่าได้ทำให้เขาต้องผิดหวัง จงจำสิ่งนี้ไว้ให้ขึ้นใจ ใครก็ตามที่กล้าหาเรื่องกับจักรวรรดิจ้านหลง ต่อให้อยู่ไกลเพียงใด เราก็จะไปจัดการให้สิ้นซาก!”คำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวยทั้งกล้าหาญและสง่างาม ผู้ชมรู้สึกฮึกเหิมและประทับใจอย่างมากโดยเฉพาะกับประโยคสุดท้ายของนาง ”ใครก็ตามที่กล้าหาเรื่องกับจักรวรรดิจ้านหลง ต่อให้อยู่ไกลเพียงใด เราก็จะไปจัดการให้สิ้นซาก!”
แม่ทัพทุกคนที่อยู่ที่นี่พร้อมใจกันชูมือขึ้นก่อนส่งเสียงกู่ร้องดังลั่น!
นี่คืออำนาจและเกียรติยศที่จักรวรรดิจ้านหลงควรมี!
เมื่อนานมาแล้วเคยมีคนกล่าวไว้ว่า
เราเป็นเมืองอันยิ่งใหญ่
การอบรมสั่งสอนสอนให้เราไม่ขโมย ไม่ปล้น และไม่รุกรานใคร
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราอ่อนแอและไร้ความสามารถ
หากมีใครกล้าชี้ดาบมาทางเรา
ก็จงมั่นใจได้เลยว่าเราจะสู้กับคนคนนั้นจนกว่าเขาจะเสียใจ!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่งอยู่บนบัลลังก์พร้อมองครักษ์เงาหลายสิบคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขายกมือซ้ายขึ้นเท้าคางอย่างเกียจคร้านพร้อมกับยื่นมือขวาไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่
ผู้มาเยือนทั้งสองจากเมืองข้างเคียงต่างรู้สึกหวั่นใจและหวาดกลัว นี่แค่ยกที่สองของการประลองเท่านั้น แต่พวกเขากลับรู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ตัดสินใจหาเรื่องไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เดิมทีแผนการของทูตนับว่ายอดเยี่ยมทีเดียว เพราะจักรวรรดิจ้านหลงไม่มีผู้ขับไล่วิญญาณร้าย และยังไม่มีคนที่เคยร่ำเรียนศาสตร์แห่งหยินหยางมาก่อน ยิ่งกว่านั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ องค์ชายที่ไม่เข้าสังคมกับใคร และยังไม่สามารถสร้างสัมพันธไมตรีกับคนอื่นได้เช่นนี้ย่อมไม่คุ้นเคยกับเรื่องการเมือง ดังนั้นนี่จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดให้พวกเขาลงมืออย่างไม่ต้องสงสัย
แต่โชคร้ายที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ จักรวรรดิจ้านหลงไม่เพียงแต่จะสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในได้สำเร็จเท่านั้น แต่เพราะความเป็นผู้นำอันโหดเหี้ยมของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย คนในชาติของพวกเขายังดูเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยิ่งกว่าสมัยที่ฮ่องเต้ยังเรืองอำนาจอยู่เสียอีก ใครก็ตามที่แสดงความไม่พอใจออกมาจะถูกจับกุมและตัดหัวทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วยก็ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
ในการประลองนี้ เมืองเซวียนหยวนต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูก็เพราะเฮ่อเหลียนเวยเวย!
นางไม่ได้แค่เชี่ยวชาญในการขับไล่วิญญาณร้าย แต่ยังรู้จักกล่าวชื่นชม และนำคนมีความสามารถที่อยู่รอบตัวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อีกด้วย
คำพูดอันเปี่ยมไปด้วยพลังของนางย่อมสามารถทำให้จักรวรรดิจ้านหลงผนึกกำลังรวมกันได้อย่างง่ายดาย!
ดวงตาของหลิวอวี้กับอู่จิ้งเป็นประกายระหว่างที่พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองคู่สามีภรรยาอันทรงเสน่ห์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร
บัลลังก์นั้นมีไว้เพื่อองค์ชายสามเท่านั้น
และคุณหนูเฮ่อเหลียนเป็นคนเดียวที่คู่ควรจะได้นั่งข้างองค์ชายสาม!
นอกจากเฮ่อเหลียนเวยเวย ผู้หญิงคนอื่นล้วนแต่ไม่ดีพอสำหรับองค์ชาย
มีแค่เพียงเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายเท่านั้นที่เหมาะสมกับองค์ชายผู้สง่างามแต่ก็เย็นชาเช่นเขา!
“เจ้าขโมยหัวใจคนอื่นมาอีกแล้วหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยบีบมือเฮ่อเหลียนเวยเวยเบาๆ ราวกับหยอกล้อ
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบโต้ด้วยการยื่นมืออีกข้างของนางออกมาแล้วตอบอย่างซุกซนว่า ”บีบมือขวาข้าด้วยสิ ข้าไม่ได้ขโมยหัวใจใครมาเสียหน่อย ข้าก็แค่ช่วยกำจัดต้นตอความหลงใหลได้ปลื้มอันไม่พึงประสงค์ให้ท่านเท่านั้น คราวหน้าเวลาที่จะออกมาข้างนอก ท่านควรสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอันยากต้านทานนี้เอาไว้เสียบ้างก็ดี การกำจัดความรักของคนอื่นเป็นงานที่เหนื่อยทีเดียว ท่านควรจ่ายเงินให้ข้าด้วยซ้ำ”
“จ่ายเจ้าหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดึงนางเข้ามาใกล้ เขาใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำอันไพเราะนั้นเอ่ยกับนางว่า ”ข้าก็จ่ายให้เจ้าอยู่ทุกคืนมิใช่หรือ ฮูหยินของข้าคิดว่าข้าจ่ายเงินให้น้อยไปเช่นนั้นหรือ”
เหลวไหล!
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกขนลุกเมื่อตกอยู่ใต้ลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ขาของนางแทบจะเหลวเป็นน้ำ ผู้ชายคนนี้รู้จักจุดอ่อนของนางดีเกินไป ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกอดนางไว้ในอ้อมแขนโดยไม่สนใจสายตาใคร
“ท่าน..” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าต่อให้ตั้งคำถามกับองค์ชายไปก็ไร้ประโยชน์ นางจึงทำเพียงแค่เอียงใบหน้าเข้าหาเขาและซุกมันเข้ากับแขนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
กอดนางให้หนำใจได้เลย นางคิดในใจ อย่างไรคนที่จะถูกเสนาบดีพวกนั้นบ่นใส่ก็ไม่ใช่นาง
แต่ในความเป็นจริงนั้น คนโหดเหี้ยมอย่างองค์ชายสามย่อมไม่เคยสนใจเสนาบดีเหล่านี้ รวมถึงเสนาบดีอาวุโสทั้งสองคนก่อนหน้านี้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาต้องการให้เขาไว้ชีวิตพวกเขาละก็ เขาคงสั่งประหารทั้งสองด้วยโทสะไปแล้วด้วยซ้ำ
เขารู้ดีว่าเจ้าตัวเล็กนี่ไม่อยากให้เขาฆ่าคนมากเกินไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะเสียงเบา แล้วไล้นิ้วไปตามผมยาวนุ่มดุจเส้นไหมของเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยท่าทางอ่อนโยนและสง่างาม ท่าทางของเขาเหมือนเขากำลังลูบขนสัตว์เลี้ยงอยู่ก็ไม่ปาน
สวรรค์ประทานใบหน้าอันงดงามเช่นนี้มาให้เขาตั้งแต่เกิด แต่ทันทีที่มุมปากของเขากระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันน่าดึงดูด มันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเห็นหิมะแรกกำลังหลอมละลาย เสนาบดีทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงต่างตกตะลึงกับภาพนี้ยิ่งนัก
พวกเขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นนี้บนใบหน้าขององค์ชายสามมาก่อน!
ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์รู้สึกอิจฉาและขมขื่นอย่างยิ่ง!
ทำไมล่ะ ทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้รับการปฏิบัติจากองค์ชายสามที่แตกต่างจากคนอื่นได้!?