องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 683 แพ้ราบคาบ และโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง
บรรดาเสนาบดีหันไปมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างไม่เชื่อ
เสนาบดีอาวุโสสองคนที่เคยคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยและขอให้เขาพิจารณาเรื่องการแต่งงานทางการเมืองอีกครั้งตกใจจนตาแทบถลน
ซงเจิ้งเหวินเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาต้องใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะตั้งสติได้ แต่สีหน้าของเขาก็ยังบึ้งตึงอยู่เช่นเดิม
พวกเขาแพ้
พวกเขาแพ้อย่างราบคาบ…
ทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์ก็หน้าซีด ”เสด็จพี่ ทีนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”
“กลับเดี๋ยวนี้!” ซงเจิ้งเหวินเหรินตอบเสียงเบา ”พวกเราเป็นคณะทูตจากต่างเมือง มีข้อตกลงร่วมกันระหว่างสี่เมืองอยู่ว่าห้ามทำร้ายทูตแม้ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในภาวะสงครามก็ตาม”
ซงเจิ้งอวี้เอ๋อร์พยักหน้า แต่ดวงตาของนางกลับไร้อารมณ์ ผมที่เคยถูกหวีเรียบร้อยของนางยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง
นางมาถึงที่นี่อย่างงดงามและเต็มภาคภูมิ แต่ตอนนี้นางต้องเก็บหางกลับไปจากที่นี่
ซงเจิ้งเหวินเหรินพูดถูก ตราบใดที่พวกนางอยู่ในจักรวรรดิจ้านหลง พวกนางย่อมไม่ได้รับอันตรายใดๆ
แต่ทันทีที่พวกนางเข้าเมืองเซวียนหยวน พวกนางจะต้องถูกไล่ล่าอย่างดุเดือดแน่!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเป็นผู้ชายที่โหดเหี้ยมไร้หัวใจจริงๆ
ผู้อาวุโสซวีอู๋เสียใจอย่างมากที่ยั่วโมโหผู้ชายคนนี้ เขาทรุดลงนั่งกับพื้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง เขาไม่สนใจแล้วว่าผลลัพธ์ในการประลองจะเป็นเช่นไร และคิดเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องรักษาคอของตัวเองไว้ให้ได้!
บุตรแห่งนรกมองเขา ทันใดนั้นคิ้วหนาของเขาก็ขมวดเข้าหากัน ”เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างผิดปกติ!”
“มีอะไรหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วเมื่อนางสัมผัสได้ถึงอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
บุตรแห่งราชานรกยื่นมือออกมา สมุดสีดำปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เขาพลิกหน้ากระดาษจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ชื่อ ”ซวีอู๋” ก่อนหัวคิ้วของเขาจะมุ่นเข้าหากันอีกครั้ง ”ซวีอู๋ฉางคง เกิดปีหนึ่งสี่ ตายตอนสิ้นปีเก้าห้า ชายชราผู้นี้ควรจะตายไปได้สองเดือนแล้ว ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของบุตรแห่งราชานรก ยมทูตที่ยืนอยู่ด้านข้างก็สังเกตเห็นว่าแสงสว่างที่อยู่เหนือศีรษะของผู้อาวุโสซวีอู๋ได้มอดดับไปแล้วจริงๆ ผู้เฒ่าผู้แก่มักกล่าวกันว่า เมื่อคนเราตาย แสงของพวกเขาจะดับไป คำพูดนี้ใช่ว่าจะไม่มีที่มา เพราะดวงวิญญาณทุกดวงล้วนแต่มีโคมไฟอยู่เหนือศีรษะของตัวเอง แน่นอนว่ามนุษย์ธรรมดาหรือแม้กระทั่งปีศาจก็ไม่สามารถมองเห็นมันได้ มีแต่เพียงเจ้าหน้าที่ของยมโลกอย่างเช่นยมทูต ผู้พิพากษาวิญญาณ และราชาแห่งนรกเท่านั้นที่จะมองเห็นมัน แสงสว่างนั้นเป็นตัวบ่งชี้ว่าคนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าแสงเริ่มสลัว นั่นย่อมหมายความว่าเวลาของคนคนนั้นใกล้จะหมดลงแล้ว ทันทีที่โคมไฟดับลง คนคนนั้นจะหยุดหายใจทันที และยมทูตจะได้รับการแจ้งเตือนให้ทำการรับดวงวิญญาณของเขาหรือนางมา เมื่อพวกเขาเป็นวิญญาณของคนที่ตายแล้ว หน้าที่รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้จึงตกเป็นของยมโลกไปโดยปริยาย
แต่ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสซวีอู๋เป็นวิญญาณของคนที่ตายแล้ว แต่ยมทูตกลับหาตัวเขาไม่เจอ และสามารถอยู่ในร่างมนุษย์ของตัวเองได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าบุตรแห่งราชานรกไม่ได้ตรวจดูให้ดี เขาก็คงไม่สังเกตเห็นดวงวิญญาณที่เล็ดรอดสายตาไปดวงนี้ด้วยซ้ำ
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่” บุตรแห่งนรกย่อมไม่มีวันยอมให้มีความผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของเขา
ท่านพ่อของเขาให้สัญญาไว้ว่าจะยอมให้เขาพบกับเสี่ยวโกวถ้าหากเขาสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้สำเร็จ
แค่มีวิญญาณคนตายหลงทางอยู่นอกยมโลกก็นับว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายพออยู่แล้ว แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือการที่วิญญาณดวงนี้ปลอมตัวเป็นวิญญาณคนเป็นและท่องไปทั่วโลกมนุษย์ต่างหาก ถ้าท่านพ่อของเขารู้เรื่องนี้เข้าละก็ เขาคงไม่มีวันได้เจอหน้ายอดดวงใจของเขาอีก!
บุตรแห่งราชานรกหวาดกลัวยิ่งนักเมื่อคิดได้เช่นนั้น เขารีบกระชากคอเสื้อของยมทูตตนหนึ่งขึ้นมา แล้วเขย่ามันอย่างรุนแรง ”พวกเจ้าจงใจทำเช่นนี้หรือ หา? เจ้ากำลังขัดขวางไม่ให้ข้าได้พบกับเสี่ยวโกวอยู่ใช่ไหม”
“องค์ชาย พวกเรารับวิญญาณตามคำสั่งของผู้พิพากษาวิญญาณพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าท่านคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้กับทางผู้พิพากษาวิญญาณดู จึงจะรู้ว่าเขาปล่อยผู้อาวุโสซวีอู๋ให้รอดพ้นเงื้อมมือพวกเราไปได้อย่างไร” ยมทูตตนนั้นดูทุกข์ใจยิ่งกว่าครั้งใดเมื่อถูกบุตรแห่งราชานรกคว้าตัวได้!
บุตรแห่งราชานรกออกคำสั่งเสียงแข็งโดยไม่ลังเลว่า ”ผู้พิพากษาวิญญาณ ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นผู้พิพากษาวิญญาณในชุดเสื้อคลุมตัวยาวก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับคารวะบุตรแห่งราชานรก ”องค์ชาย มีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่” บุตรแห่งราชานรกถามพลางบุ้ยใบ้ไปที่ผู้อาวุโสซวีอู๋
ผู้พิพากษาวิญญาณมองไปทางผู้อาวุโสซวีอู๋ก่อนจะขมวดคิ้ว ”กระหม่อมก็มิทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่จากการตรวจสอบของกระหม่อม มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวพ่ะย่ะค่ะว่าจะมีสาเหตุมาจากปราณแห่งความเคียดแค้นภายในเมืองหลวง ณ เวลานี้ นอกจากวิญญาณคนตายดวงนี้ ก็ยังมีวิญญาณร้ายอีกจำนวนหนึ่งที่แปดเปื้อนด้วยปราณแห่งความเคียดแค้นเหล่านั้น ตอนนี้ใต้เท้าข่าซั่วและใต้เท้าปิงกำลังชำระล้างวิญญาณที่แปดเปื้อนเหล่านั้นอยู่พ่ะย่ะค่ะ วิญญาณร้ายพวกนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปยมโลก ดังนั้นพวกเราจึงต้องค้นหาและกำจัดพวกมันตอนที่พวกมันยังอยู่ในโลกมนุษย์พ่ะย่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นทันทีที่วิญญาณแปดเปื้อนดวงใดเข้ามาในยมโลก มันจะแพร่กระจายและทำให้ภูตผีวิญญาณตนอื่นๆ ในยมโลกปนเปื้อนไปด้วย หากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เพียงแค่โลกมนุษย์ แต่วิหารแห่งการเกิดใหม่ในยมโลกก็จะถูกทำลายไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ หมวกพยัคฆ์ที่อยู่บนศีรษะของบุตรแห่งราชานรกก็ขยับเล็กน้อย แล้วใบหน้าน่ารักของเขาก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้น ”สรุปว่าแหล่งต้นตอของการติดเชื้อนั้นมีที่มาจากโลกมนุษย์หรือ”
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมยังไม่ทราบเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ใต้เท้าข่าซั่วขอให้องค์ชายกลับยมโลกได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านยังเด็ก และโลกมนุษย์ก็เป็นสถานที่อันตราย เขากังวลว่าปราณแห่งความเคียดแค้นจะทำให้ท่านแปดเปื้อนเอาได้” ผู้พิพากษาวิญญาณเอ่ยเบาๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้
แต่เขาก็ไม่สามารถปิดบังมันจากหูของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยและเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่สุดท้ายสายตาของพวกเขาจะไปหยุดอยู่ที่ผู้อาวุโสซวีอู๋
ฝูงชนไม่รู้ว่าบุตรแห่งราชานรกกับผู้พิพากษาวิญญาณคุยอะไรกัน สิ่งเดียวที่พวกเขาได้ยินก็คือผู้อาวุโสซวีอู๋ตายไปแล้ว และทันใดนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็พลันฉาบไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ถ้าผู้อาวุโสซวีอู๋ตายไปแล้ว เช่นนั้นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือใคร
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายของเมืองเซวียนหยวนเป็นฝ่ายที่ตั้งตัวได้ก่อน พวกเขากำยันต์ผ้าเหลืองในมือแน่น พร้อมกับจ้องมองผู้อาวุโสซวีอู๋ด้วยความระแวดระวัง!
ทูตของเมืองหวงจื่อก็สับสนเช่นกัน
ผู้อาวุโสซวีอู๋เป็นจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ เขารีบกวาดตามองสถานการณ์โดยรอบทันที ก่อนที่จะตัดสินใจหนี
แต่ทันทีที่เขายกเท้าขึ้น ชายเสื้อของเขาก็ถูกสุนัขล่าเนื้อตัวหนึ่งกัดเอาไว้จากด้านหลัง
สุนัขล่าเนื้อตัวนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก ทุกคนตกใจเมื่อเห็นมันปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันจากในกลุ่มหมอก มันใช้เขี้ยวของตัวเองกัดผู้อาวุโสซวีอู๋อย่างแรง ก่อนจะฉีกเนื้อของเขาออก!
วิญญาณของผู้อาวุโสซวีอู๋หลุดออกจากกายเนื้อทันที ร่างของเขากลายเป็นแอ่งน้ำสีดำในชั่วพริบตา!
แต่ดวงตาของวิญญาณดวงนั้นกลับเริ่มเรืองแสงกลายเป็นสีแดงที่ผิดปกติ เขาดูเหมือนกับวิญญาณร้ายที่ยิ้มอย่างน่าขนลุก และพร้อมที่จะเข้าจู่โจมทุกคนได้ทุกเวลา
สุนัขล่าเนื้อตัวนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แพร่เชื้อให้กับคนอื่น มันอ้าปากขึ้นแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว!
ฝูงชนรู้สึกหวาดกลัวต่อภาพที่เห็นอย่างมาก
วันนี้มีเรื่องที่อยู่เหนือเหตุผลเกิดขึ้นมากมายเกินไป
พวกเขาแทบไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับมัน
บรรดาเสนาบดีของจักรวรรดิจ้านหลงย่อมกำลังรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่คณะทูตของเมืองเซวียนหยวนกลับรู้สึกหนาวเหน็บจากก้นบึ้งของหัวใจว
ผู้อาวุโสซวีอู๋ตายไปนานแล้ว ทั้งยังกลายเป็นวิญญาณร้ายอีกด้วย!
เรื่องนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อเมืองเซวียนหยวนอย่างใหญ่หลวง!