องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 684 เด็กๆ กับเส้นทางแห่งการเกิดใหม่ที่ถูกปิด
ซงเจิ้งเหวินเหรินไม่ได้ทำตัวอวดดีอีกต่อไปเมื่อเห็นภาพนั้น เขารู้สึกอับอายอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน บุตรแห่งราชานรกก็ลูบคางตัวเองก่อนจะหรี่ตาคู่โตสีอำพันของตัวเองลง แล้วถามเฮ่อเหลียนเวยเวยว่า ”เมื่อครู่นี้เจ้าห็นดวงตาของเขาหรือเปล่า”
“มันเป็นสีแดง” เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบ พร้อมกับเรียกสุนัขล่าเนื้อ ”เสี่ยวเฮย มานี่สิ”
สุนัขล่าเนื้อพยักหน้าก่อนจะวิ่งเข้ามาหาเฮ่อเหลียนเวยเวย มันยืนทางซ้ายของนางเหมือนก่อนหน้านี้
บุตรแห่งราชานรกเหลือบมองสุนัขล่าเนื้อตัวนั้น ก่อนจะพึมพำว่า ”มันเป็นสัญญาณบอกว่าวิญญาณมีการแปดเปื้อน และวิญญาณที่แปดเปื้อนนั้นย่อมไม่สามารถไปสู่นรกได้ และยมทูตเองก็ไม่สามารถทำลายมันได้เช่นกัน ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายของพวกเจ้าอาจจะสามารถกำจัดมันได้ แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว การติดเชื้อของวิญญาณครั้งนี้นับว่าเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ ท่านพ่อของข้าจะต้องตัดสินใจปิดยมโลกเพื่อชำระล้างวิญญาณที่อยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้น เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ย่อมไม่อาจใช้การได้ และทารกแรกเกิดทุกคนจะกลายเป็นคนสติปัญญาเลอะเลือนเพราะพวกเขาไม่มีวิญญาณ…”
“เจ้าหมายความว่าใครที่ตั้งท้องจะมีลูกเป็นเด็กสติไม่ดีหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้ว
บุตรแห่งราชานรกส่งเสียงตอบรับในลำคอก่อนจะดีดนิ้ว แล้วเปิดหนังสือสีดำของตัวเอง เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ”ทันทีที่เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ถูกปิด วิญญาณคนตายจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ยมโลก และวิญญาณคนเป็นก็จะไม่สามารถออกจากยมโลก หรือเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้ ทารกทุกคนที่เกิดมาจะมีแต่เพียงกายเนื้อกลวงๆ แต่สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายขึ้นอีกหากเราไม่ปิดยมโลก มนุษย์จะถูกกวาดล้างโดยทันที เมื่อครู่นี้เจ้าก็ได้เห็นแล้วว่าวิญญาณแปดเปื้อนถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าสู่เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ การอนุญาตให้วิญญาณแปดเปื้อนเข้าสู่ยมโลก ก็เหมือนกับการปล่อยเชื้อโรคสู่กับประชาชน วิญญาณที่อยู่ในยมโลกจะแพร่กระจายเชื้อต่อกันเป็นทอดๆ และพวกเขาจะไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ ปิดยมโลกครั้งหนึ่งใช้เวลาห้าปีกว่าจะเปิดใหม่อีกครั้ง นี่เป็นกฎของฟ้าดิน มิมีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าต้องหาต้นตอของเรื่องนี้ให้เจอก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะกลับมา และตัดสินใจปิดยมโลก!”
ห้าปีหรือ
ห้าปีเป็นเวลาสั้นๆ สำหรับภูตผีที่อยู่ในยมโลก
แต่สำหรับมนุษย์แล้ว ชั่วชีวิตหนึ่งจะมีเวลาห้าปีได้อีกสักกี่ครั้ง
ถ้าเส้นทางแห่งการเกิดใหม่ถูกปิดเป็นเวลาห้าปี มันย่อมหมายความว่าในอีกห้าปีจะไม่มีทารกเกิดใหม่!
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วแน่น ในฐานะมนุษย์ นางไม่สามารถทำใจยอมรับกับสถานการณ์ปัจจุบันได้
ดังนั้นนางจะต้องคิดหาวิธีเปลี่ยนแปลงมันให้ได้
“เมื่อครู่นี้เจ้าพูดถึงต้นตอของการติดเชื้อ มันอยู่ที่ไหนหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกมุมปากขึ้นพร้อมกับเดาว่า ”อยู่ในโลกมนุษย์หรือ”
บุตรแห่งราชานรกพยักหน้า ”ลูกน้องของข้ายังหาต้นกำเนิดที่แน่ชัดของมันอยู่ แต่มีคนจากยมโลกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรับรู้ทุกสิ่งได้เหมือนปกติยามเมื่ออยู่ในโลกมนุษย์ นอกจากพวกใต้เท้าปิงแล้ว ก็มีแค่ท่านพ่อของข้ากับข้าเท่านั้น…”
“ข้าจะไปหาต้นตอให้ เจ้ารับผิดชอบดูแลแค่ในส่วนของยมโลกก็แล้วกัน และอย่าปล่อยให้วิญญาณแปดเปื้อนหลุดเข้าไปในยมโลกได้ล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยตัดบทเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ”เจ้าเห็นว่าอย่างไร จะร่วมมือกับข้าหรือเปล่า”
บุตรแห่งราชานรกตกลง ”ข้ายินดีตอบรับทุกความช่วยเหลือ แต่พวกเรามีเวลาไม่มาก ดังนั้นเจ้าต้องรีบลงมือ! ข้าจะเบี่ยงเบนความสนใจของท่านพ่อให้เจ้าสักห้าวัน ห้าวัน พวกเรามีเวลาเพียงแค่ห้าวันเท่านั้น”
“ได้” เฮ่อเหลียนเวยเวยพยักหน้าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
บุตรแห่งราชานรกรู้สึกกังขา เขาจึงเลิกคิ้วขึ้น ”เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าสามารถทำได้ในเวลาห้าวัน”
“อืม ถ้าว่ากันตามทฤษฎีแล้วละก็ ปราณแห่งความเคียดแค้นถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างผลกระทบให้กับผนึก ในเมื่อผนึกขับไล่วิญญาณร้ายอยู่ในเมืองหลวง ต้นตอของการติดเชื้อก็จะต้องอยู่ใกล้ๆ นี้ ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายสองคนนั้นถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงหลังจากพวกเขามาถึงเมืองหลวง แต่ข้ายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสซวีอู๋ เจ้าบอกว่าเขาควรจะตายไปหลายเดือนแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร” เฮ่อเหลียนเวยเวยวิเคราะห์สถานการณ์โดยละเอียด
บุตรแห่งราชานรกยิ้มชั่วร้ายพร้อมกับเอ่ยว่า ”ข้าอาจจะเคยสงสัยในความร่วมมือของเรา แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่าเจ้าคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ข้าเห็นด้วยกับเจ้า และเชื่อเช่นกันว่าต้นตอของการติดเชื้อนี้อยู่ในเมืองหลวง ส่วนเรื่องของผู้อาวุโสซวีอู๋ การตายอันล่าช้าของเขาไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ถ้ามีใครหมายตาผนึกขับไล่วิญญาณร้ายอยู่ละก็ คนพวกนั้นจะต้องวางแผนการเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว จะต้องมีใครทำอะไรกับผู้อาวุโสผู้นั้นอย่างแน่นอน”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยแทบจะสามารถระบุตัวผู้ก่อเหตุได้ทันที ”เจ้าหาชื่อจิ่งอู๋ซวงในบัญชีนรกให้หน่อยได้หรือไม่ ข้าอยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น”
“จิ่งอู๋ซวงหรือ” บุตรแห่งราชานรกพลิกหน้ากระดาษพลางเอ่ยว่า ”ทำไมชื่อนี้ถึงคุ้นหูข้านัก เจอแล้ว! เขาเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้าย! ข้าเกลียดคนของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้าย นอกจากตระกูลเพ่ย ก็ไม่มีใครในตระกูลนั้นสติสมประกอบสักคน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ”ช่วยดูหน่อยว่าเขาจะตายเมื่อใด”
บุตรแห่งราชานรกตอบว่า ”…เขาไม่มีวันตาย ผู้พิทักษ์ของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเกิดมาเพื่อปกป้องเส้นทางแห่งความถูกต้องของฟ้าดิน ตราบใดที่เส้นทางแห่งความถูกต้องนี้ยังอยู่ เขาก็จะไม่มีวันตาย”
“ปกป้องเส้นทางแห่งความถูกต้องของฟ้าดินหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยดูไม่ใส่ใจกับคำพูดนี้เท่าใดนัก ”คนของเจ้าระบุที่อยู่ของเขาได้หรือเปล่า”
บุตรแห่งราชานรกส่ายหน้า ”ยมโลกมีหน้าที่จัดการเพียงแค่วิญญาณคนตาย ไม่ใช่คนเป็น”
“แล้วสรุปว่าเจ้าทำอะไรได้บ้างหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยผิดหวังกับคำตอบของเขา
บุตรแห่งราชานรกตอบอย่างภูมิใจว่า ”พวกเราฆ่าคนได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …
ไม่ว่ากระบวนการระหว่างทางจะเป็นเช่นใด แต่พวกเขาก็สามารถวางแผนความร่วมมือออกมาได้ในที่สุด
หลังจากที่เฮ่อเหลียนเวยเวยจัดการเรื่องนี้เสร็จ นางก็หันหลังกลับไป สายตาของนางสบเข้ากับสายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทันที บรรดาเสนาบดีต่างคุกเข่าอยู่ด้านหลังเขา เขาเองก็เพิ่งจัดการเรื่องทางฝั่งของตัวเองเสร็จเช่นกัน และตอนนี้ก็เพียงแค่โยนเสื้อคลุมเปื้อนเลือดให้กับขันทีที่อยู่ด้านหลัง ความสง่างามที่เคยมีในตอนแรกของเขาถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาที่ไร้การควบคุม ดวงตาสีดำสงบเยือกเย็นของเขาแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่แตกต่างจากคนอื่น ”เสร็จแล้วก็มาหาข้า ยิ่งเจ้าเอาแต่ขลุกอยู่กับคนของยมโลกบ่อยเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งโง่ขึ้นเท่านั้น”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ บุตรแห่งราชานรกก็หันหน้ากลับมา แล้วบอกกับเฮ่อเหลียนเวยเวยว่า ”ถ้าเจ้าอยากค้นหาต้นตอที่ว่านั่นจริงๆ ก็อย่าพาราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ไปด้วยจะดีกว่า การปรากฏตัวของเขาสร้างความหวาดกลัวให้ได้แม้กระทั่งกับภูตผี แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์กัน”
“ไม่เป็นไร ข้าสามารถปกปิดกลิ่นอายของเขาได้” เฮ่อเหลียนเวยเวยฝึกปรือกลอุบายนี้มาอย่างช่ำชองแล้ว
บุตรแห่งราชานรกทำหน้าหนักใจทันที มิน่าล่ะตอนที่เขาถูกอัญเชิญมา เขาถึงได้ไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามนี้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ยืนอยู่ตรงนี้ได้โดยไม่เผยกลิ่นอายของตัวเองออกมาได้อย่างไร พวกเขาเอาพันธสัญญามาปรับใช้เพื่อปกปิดกลิ่นอายของเขาเอาไว้นี่เอง ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!
“เช่นนั้นเจ้าก็ควรพาเขาไปด้วย เขาจัดการทุกคนได้แน่” บุตรแห่งราชานรกหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสริมขึ้นว่า ”แต่ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการค้นหาแหล่งที่มาของการติดเชื้อนี้ ถ้าเจ้าหาต้นตอไม่เจอ ทุกสิ่งก็จะสูญเปล่า ผู้ก่อเหตุตัวจริงอาจจะเป็นจิ่งอู๋ซวง แต่ต้นตอของการติดเชื้อนี้อาจไม่ได้อยู่กับเขา อย่างมากเขาก็คงเป็นแค่คนที่เริ่มพิธีนี้เท่านั้น เราจะต้องรู้ให้แน่ชัดว่าเขาเข้าไปข้องเกี่ยวกับใคร…”