องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 69 พันธสัญญาของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา แล้วปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจว่า “หม่อมฉันเล่นหมากรุกไม่เป็นเพคะ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขมวดคิ้ว แล้วถามนางว่า “ระหว่างการเขียนพู่กันกับวาดภาพ เจ้าทำสิ่งใดได้ล่ะ”
“ดูเหมือนว่า… จะไม่ได้ทั้งสองอย่างเพคะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยอยากจะบอกเหลือเกินว่านางมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ปกตินางจะเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เกมแข่งรถ ไม่ก็เกมแข่งยิงปืนมากกว่า การเล่นหมากรุก การเขียนพู่กัน หรืออะไรทำนองนั้นไม่เข้ากับบุคลิกของนางเลยสักนิด
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมขมับเหมือนหน่ายใจ “แล้วเจ้าถูกเลือกเข้ามาในการคัดเลือกนี้ได้อย่างไร หือ”
เสียง ‘หือ’ ของเขาให้ความรู้สึกต่างจากปกติ มันมีเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศอยู่ภายใน
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็อยากถามเหมือนกันว่านางได้รับคัดเลือกมาได้อย่างไร อันที่จริงท่านอาจารย์น่าจะแค่ช่วยลงชื่อสมัครให้นางเท่านั้น “สำหรับคำถามนี้ ฝ่าบาทน่าจะต้องไปถามคนที่เลือกหม่อมฉันเข้ามาเองเพคะ”
นิ้วของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงักไป จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยทีเล่นทีจริงว่า “เจ้าพูดถูก หากองค์ชายเช่นข้ามีเวลาว่าง ข้าจะไปถามเขาแล้วกันว่าเหตุใดเจ้าถึงถูกคัดเลือกเข้ามาได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ฟังจากที่เขาพูด ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าคนในวังที่คัดนางเข้าไปคือใคร
ระหว่างที่นางกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ จู่ๆ ความเจ็บปวดก็แล่นพล่านไปทั่วร่างนาง พลังปราณที่แปลกประหลาดสายนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างไปจากเดิมตรงที่ว่าเจ้าแมวขาวเองก็พลอยทรมานไปกับนางด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำมือแน่น เหงื่อเม็ดโตหยดจากหน้าผากลงสู่พื้นดิน นางรู้สึกเหมือนมีพายุหมุนลูกใหญ่อยู่ในร่าง พายุหมุนจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าปะทะกัน ก่อเกิดเป็นกำแพงโปร่งแสงขนาดมหึมา
วงเวทเก่าแก่ปรากฏขึ้นภายในกำแพง มีเจ้าแมวขาวกับเฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอยู่คนละด้าน แต่ละด้านมีแสงเปล่งออกมา
“พันธสัญญาปรากฏขึ้นแล้ว!” กิเลนอัคคีมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกหลานของเผ่าไป๋เจ๋อจะยอมรับผู้หญิงคนนี้จริงๆ
แสงสีขาวเจิดจ้าส่องสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นจึงพุ่งกลับเข้าไปล้อมรอบหนึ่งคนหนึ่งแมวเข้าด้วยกัน
ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
แต่กระนั้นผลจากการทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้ทั้งสองหมดสติไป
เมื่อเห็นสัญลักษณ์ดอกกุหลาบสีขาวที่ข้อมือของนาง ดวงตาอันเยือกเย็นของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็พลันปรากฏคลื่นอารมณ์บางอย่างขึ้นมา
องค์ชายเช่นเขาคุ้นเคยกับสัญลักษณ์แบบนี้เป็นอย่างดี
นางคือเด็กสาวที่เชื่อกันว่าเป็นพระชายาที่สี่ตระกูลใหญ่ตามหาอยู่
เจ้าพวกนั้นไม่เคยยอมอยู่ใต้อาณัติใคร ดังนั้นพวกมันถึงได้วางแผนการยึดบัลลังก์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน
ยิ่งพอหลังจากมีนักบวชทำนายว่าจะมีสตรีที่เป็นพระชายามาเกิด ความทะเยอทะยานของพวกมันก็ยิ่งมากขึ้น และคิดที่จะใช้พระชายาคนที่ว่านี้คุกคามราชวงศ์
ดังนั้น พวกมันจึงวางแผนให้ลูกหลานของตัวเองแฝงตัวเข้ามาในสำนักไท่ไป๋ เพื่อคอยปกป้องเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์
เผื่อว่าวันใดหากหญิงสาวที่เชื่อกันว่าเป็นพระชายาปรากฏตัวขึ้น พวกมันจะได้หานางเจอเป็นคนแรก
หึ ใครเล่าจะรู้ว่าพระชายาตัวจริงกลับไม่ใช่คนที่ภายนอกแสนน่าประทับใจ แต่ภายในกลับไร้ซึ่งคุณค่าอย่างเด็กสาวอัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงคนนั้น
แต่ดันเป็นขยะของคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดี!
“นายท่าน นาง…”
แน่นอนว่ากิเลนอัคคีย่อมสังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นเพราะพันธสัญญานั้นเช่นกัน ดวงตาของเขาดำมืด “ข้าจะลงมือ…”
ยังไม่ทันที่กิเลนอัคคีจะพูดคำว่าลงมือสังหารนาง…
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ตวัดสายตาไปมองเขา สายตาของเขาเย็นชาจนแทบจะสามารถถลกหนังมนุษย์ได้เลยทีเดียว
กิเลนอัคคีสัมผัสได้ถึงความกดดันในอก พร้อมกันนั้นกรงเล็บของเขาก็พลันรู้สึกเจ็บขึ้นมา “นายท่าน…”
เขายังไม่ลืมเหตุการณ์ไฟไหม้ที่วังปีศาจ อำนาจของราชวงศ์กำลังถดถอยลงเรื่อยๆ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่สามารถควบคุมจักรวรรดิได้ ส่วนฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็ทรงชราภาพยิ่งนัก แม้ว่าจะยังพอปราบปรามได้ แต่สี่ตระกูลใหญ่ก็ใช่ว่าจะใจเย็นเหมือนเมื่อก่อน
หากไม่ใช่เพราะว่าพลังของนายท่านยังไม่ตื่นเต็มที่ แผนการกระจอกงอกง่อยนั่นก็คงไม่เพียงพอที่จะจัดการเขาได้
แต่ตอนนี้ นายท่านไม่มีแม้กระทั่งความทรงจำในอดีต อีกทั้งยังเพิ่งจะฟื้นฟูพลังกลับมาได้เพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พลังจะตื่นขึ้นมาเต็มที่เลย
ในปีนั้นเขาทุ่มเทเวลาไปมากมายเพื่อตามหาผู้เป็นนาย จนสุดท้ายก็รวบรวมวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นที่จะใช้ปลุกนายท่านที่กำลังหลับใหลอยู่ภายในร่างมนุษย์ให้ลืมตาตื่นขึ้นมาได้
แต่สุดท้ายเจ้าพวกสี่ตระกูลใหญ่หน้าโง่นั่นก็เผาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นจนไม่เหลือ
ไม่ใช่แค่นายท่านของเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขายังต้องไปจากนายท่านด้วย
เพราะพันธสัญญานายบ่าวมีผลสะท้อนกลับรุนแรง เมื่อใดที่ผู้ทำพันธสัญญาอ่อนแอกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนั้นผู้ทำพันธสัญญาก็จะต้องทรมานจากพลังที่สะท้อนนั้น
โดยปกติแล้ว มนุษย์ที่สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้จะต้องแข็งแกร่งกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากพลังที่สะท้อนกลับของพันธสัญญาได้
นี่เป็นกฏที่รู้กันในหมู่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
นั่นจึงเป็นเหตุให้มันเลือกจะจากไป เพื่อปล่อยให้ผู้เป็นนายของตนได้พักฟื้นและมีชีวิตต่อ
ไม่มีใครรู้ว่ามันตื่นเต้นแค่ไหนตอนที่นายท่านอัญเชิญมันออกมาอีกครั้ง
เพราะนั่นหมายความว่านายท่านของเขากำลังจะตื่นขึ้นในไม่ช้านี้!
แม้ผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้มีท่าทางอันตรายแต่อย่างใด แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่านางจะไม่ถูกสี่ตระกูลใหญ่หลอกใช้
เขาไม่เชื่อในคำทำนายน่าหัวร่อของมนุษย์พวกนั้น แต่เขาจะไม่ยอมให้ใครมาถ่วงเวลาที่นายท่านจะตื่นได้เด็ดขาด!
“กิเลน ข้าจะพูดอีกครั้ง นางเป็นเหยื่อของข้า”
ราวกับมองความคิดของกิเลนอัคคีออกอย่างทะลุปรุโปร่ง น้ำเสียงเย็นชาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงดังขึ้นอีกครั้ง ในน้ำเสียงไร้ซึ่งความเยือกเย็นและสูงส่ง แต่กลับแทนที่ด้วยความกดดันชนิดที่แม้แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องกลัว
กิเลนอัคคีเป็นราชาแห่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อยอมรับอีกฝ่ายเป็นเจ้านายแล้วครั้งหนึ่ง มันก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากต้องเชื่อฟัง
ยิ่งกว่านั้น หากไม่ใช่เพราะนายท่าน เช่นนั้นเขาก็คงไม่มีชีวิตอยู่
“ขอรับ” กิเลนอัคคีก้มศีรษะลง แล้วมองเจ้าแมวกับมนุษย์คนนั้นอีกครั้ง “พันธสัญญาที่ทั้งสองมีก็เป็นพันธสัญญานายบ่าวเหมือนกัน นายท่าน ดูเหมือนว่าขยะที่ใครๆ ต่างก็รู้จักนี้จะไม่ใช่คนไร้ค่าแม้แต่นิดเดียวขอรับ”
แต่นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับผู้หญิงคนนี้
จริงอยู่ที่ว่าหากมนุษย์ทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยอมศิโรราบได้ ทั้งคู่จะได้ทำพันธสัญญากัน
แต่พันธสัญญาเหล่านั้นก็เป็นเพียงคำสัตย์ทั่วไป
ผู้เป็นนายสามารถออกคำสั่งกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของผู้เป็นนายได้
พันธสัญญาประเภทนี้จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ทันรู้ตัวเท่านั้น
แต่พันธสัญญาแบบนายบ่าวไม่ใช่ของตื้นเขินเหมือนชื่อของมัน มันมีความเสี่ยงอยู่
ตราบใดที่ผู้เป็นนายมีพลังปราณอันยิ่งใหญ่อยู่กับตัว เช่นนั้นก็จะไม่มีผู้ใดสามารถทำให้ลูกหลานของเผ่าไป๋เจ๋อยอมรับได้อีก
แต่เขากลับสัมผัสถึงพลังปราณอันยิ่งใหญ่จากนางไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เป็นไปได้หรือไม่ว่าพลังอันยิ่งใหญ่นั้นถูกผนึกอยู่ในร่างของนาง
แต่ต่อให้มีบางอย่างถูกผนึกเอาไว้ในร่างนางจริง นางก็ไม่ควรทำพันธสัญญานายบ่าวโดยพละการเช่นนี้
เพราะนางอาจจะได้รับผลสะท้อนจากพลังของทายาทเผ่าไป๋เจ๋อได้
ตอนนี้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งทีเดียว
หากนางไม่สามารถต้านทานผลสะท้อนของพลังนั้นได้ เช่นนั้นเห็นทีว่าวันนี้คงจะเป็นวันตายของนาง!
ดวงตาของกิเลนอัคคีดำมืด ดูเหมือนว่ามันคงไม่จำเป็นต้องกังวลแล้วว่าผู้หญิงคนนี้จะถ่วงแข้งถ่วงขานายท่าน เพราะวันนี้นางอาจจะไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกก็เป็นได้
หรือต่อให้นางลืมตาตื่นขึ้นมา สติปัญญาของนางก็จะถูกกลืนกิน และกลายเป็นคนโง่ไปในที่สุด…