องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 698 แต่งงานกับคนตาย เวยเวยปรากฏตัว
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์หวาดกลัวอย่างมาก ความกลัวนั้นทำให้นางไม่ทันระวังตัวจนทำถ้วยชาในมือตกลงไปแตกกระจายอยู่กับพื้น!
เสียงนั้นดึงความสนใจจากแม่เฒ่าหวังได้ชะงัก นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ รอยยิ้มน่าขนลุกวาดขึ้นบนใบหน้าของนางขณะที่นางเอ่ยว่า ”เจ้าเห็นหมดแล้วใช่หรือเปล่า”
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์แสร้งทำเป็นใจเย็น แต่นางก็ไม่สามารถซ่อนความหวาดกลัวที่อยู่ในดวงตาได้ นางพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ”ท่านยายพูดเรื่องอะไร ข้าเห็นอะไรหรือ เอ่อ ข้าคงต้องขอตัวก่อน ส่วนเรื่องที่ท่านพูดถึงเมื่อครู่นี้ ข้าจะนำกลับไปคิดดู”
ทันทีที่พูดจบ เหยียนหลิ่วเอ๋อร์ก็หมุนตัวกลับ แต่นางกลับไม่สามารถเปิดประตูไม้บานนั้นได้
เวลานี้เหยียนหลิ่วเอ๋อร์รู้สึกลนลานอย่างมาก แม้กระทั่งมือของนางก็ยังเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบขึ้น นางดูเหมือนหนูที่พยายามวิ่งเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง
น้ำเสียงของหญิงชราฟังดูเหมือนคนตาย เสียงนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ”หลิ่วเอ๋อร์ ข้าผิดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะเหมือนกับผู้หญิงพวกนั้น พวกเจ้านิยมคนรวย เกลียดชังคนจน ไม่ว่าภายนอกเจ้าจะแสร้งทำเป็นใจดีเพียงใด แต่ในใจเจ้าก็ยังสนใจแค่เรื่องเงินทองอยู่ดี…”
ครั้งนี้เหยียนหลิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ตอบแม่เฒ่าหวัง เพราะนางมัวแต่ใช้สองมือเขย่าประตูไม้ สิ่งเดียวที่นางต้องการคือออกไปจากสถานที่น่ากลัวแห่งนี้
นางพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่นางกลับรู้สึกหมดเรี่ยวแรงไปทั้งร่าง น้ำเสียงที่ออกมาจึงเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
เป็นเพราะชาที่นางดื่มไปเมื่อครู่นี้นั่นเอง!
มียาพิษอยู่ในน้ำชา!
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์พิงประตูไม้ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น นางไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว แต่นางยังมีสติหลงเหลืออยู่ นางมองเห็นใบหน้าของแม่เฒ่าหวัง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยจ้ำสีเขียวคล้ำราวกับซากศพ และมันกำลังขยับเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ นางพยายามเบือนหน้าออกจากมันอย่างสุดชีวิต
แม่เฒ่าหวังค่อยๆ ยกแขนขึ้น…
ตอนนั้นนั่นเองที่ชายในชุดบัณฑิตปรากฏตัวเยื้องไปทางข้างหน้าของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์และขวางทางนางไว้ เขามองเข้าไปในดวงตาของแม่เฒ่าหวังด้วยสายตาอ้อนวอน ”ท่านแม่ ท่านก็รู้ว่าหลิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่คนเช่นนั้น นางอาจจะยังไม่ได้ไตร่ตรองมันอย่างรอบคอบ ขอเวลาให้นางได้ตัดสินใจด้วยเถิดขอรับ”
“พี่หลิง!” เหยียนหลิ่วเอ๋อร์รู้สึกว่าในที่สุดนางก็ได้พบคนปกติเสียที นางคว้าแขนของเขาไว้ราวกับมันเป็นเครื่องช่วยชีวิต แล้วถามเบาๆ ว่า ”เกิดอะไรขึ้นกับแม่เฒ่าหวังหรือ สิ่งที่อยู่บนมือและใบหน้าของนางคืออะไร”
หวังหลิงไม่รู้จะตอบเหยียนหลิ่วเอ๋อร์อย่างไร ดังนั้นเขาจึงทำเพียงส่ายหน้า
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์หวาดกลัวอย่างมาก ใบหน้าของนางซีดเผือด แต่นางก็ยังพูดต่อ ”พี่หลิง ข้ารู้ว่าท่านเชื่อฟังแม่เฒ่าหวังมาตลอด แต่…”
แม่เฒ่าหวังไม่อยากได้ยินคำพูดของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ นางจึงตวัดสายตามองหวังหลิงด้วยความไม่พอใจ แต่สุดท้ายนางก็ลดมือลง ดวงตาของนางดำทะมึน
“อาหลิง ไม่ว่าจะทำอะไรเจ้าก็ดีไปเสียหมด แต่เจ้ายังใจแข็งไม่พอ” แม่เฒ่าหวังหัวเราะเย็นชา จากนั้นจึงหันไปทางเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ ”ช่างเถอะ หากว่ากันตามเกณฑ์ของข้า ผู้หญิงอย่างเจ้าย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นภรรยาของอาหลิง แต่อย่างไรอาหลิงก็ชอบเจ้า อีกทั้งข้าเองก็ยังเหลือเวลาอยู่อีกไม่มากนัก เจ้าไม่ต้องกลับบ้านไปคิดหรอก คืนนี้นับว่าเป็นฤกษ์ดี อาหลิง ไปนำชุดแต่งงานที่ข้าเย็บมา เจ้าสวมตัวหนึ่งแล้วให้หลิ่วเอ๋อร์สวมอีกตัว ข้าเห็นว่านางมักจะเป็นห่วงข้าอยู่เสมอ ถ้านางยอมทำตัวดีๆ เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้า นับจากนี้ไปพวกเราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”
หวังหลิงไม่ขยับเขยื้อนราวกับเขากำลังลังเล
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์คว้าแขนเสื้อของเขาแน่น ”พี่หลิง ปล่อยข้ากลับบ้านเถอะ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก อีกอย่างหนึ่ง เวลานี้แม่เฒ่าหวังก็เสียสติไปแล้ว ท่านจะทำตามความคิดของนางไม่ได้นะ พี่หลิง!”
“หลิ่วเอ๋อร์” หวังหลิงตัดบทนาง แต่เขากลับรีบกุมมือของนางไว้ ”ที่จริงแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เจ้านำเสื้อคลุมผ้าฝ้ายเหล่านั้นมาให้พวกเรา ข้าก็ตกหลุมรักเจ้ามาโดยตลอด เจ้าสนิทกับข้ามาตั้งแต่เด็ก ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็คงมีใจให้ข้าเหมือนกันใช่ไหม เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจหรอกว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร แม้ตอนนี้ข้าจะไม่มีอะไร แต่วันที่ข้าจะได้เป็นขุนนางระดับสูงย่อมมาถึงอย่างแน่นอน แล้วคนพวกนั้นเองก็จะได้เห็นเช่นกัน ช่วยคิดเสียว่านี่เป็นการทำให้ความปรารถนาของท่านแม่เป็นจริง และแต่งงานกับข้าในคืนนี้เถิด”
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์ตาโต นางมองหวังหลิงเหมือนเขาเสียสติไปแล้ว ”พี่หลิง ท่านเองก็รู้ดีว่าข้าไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนั้นให้กับท่าน!”
ราวกับคำพูดของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ทำให้เขาเจ็บปวด ดวงตาของหวังหลิงจึงหม่นแสงลง แต่ทั้งที่เป็นเช่นนั้นเขากลับไม่คิดที่จะยอมแพ้ เขายื่นแขนออกไปหมายจะกอดนาง ”ความรู้สึกย่อมเป็นสิ่งที่สร้างกันได้ หลิ่วเอ๋อร์”
สิ่งเดียวที่เหยียนหลิ่วเอ๋อร์รู้สึกคือความรังเกียจ นางพยายามใช้มือขวางเขา ”พี่หลิง ท่านเรียนหนังสือมาหลายปีถึงเพียงนี้ แต่สิ่งเดียวที่ท่านได้เรียนรู้คือการบังคับฝืนใจคนอื่นหรือ”
หวังหลิงเป็นคนซื่อ นอกจากความคิดเพ้อฝันว่าสุดท้ายทุกอย่างจะต้องสวยงามแล้ว เขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด
อันที่จริงก็คงไม่มีหญิงคนใดอยากแต่งงานกับผู้ชายประเภทนี้
เขาไม่ทำอะไรนอกจากเรียนหนังสือไปวันๆ และแม้จะมีความทะเยอทะยานสูง แต่เขาก็ไม่ใช่คนขยัน ยิ่งกว่านั้นความจริงที่ว่าเขามีแม่เฒ่าหวังคอยตามใจมาตลอดก็ทำให้เขาไม่เข้าใจแนวคิดของการทำงานหนักหรือการใช้แรงงาน
แต่คำพูดของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ก็ทำให้เขาสงบลง เขายืนอยู่ข้างนางโดยไม่ได้ทำอะไรอีก
สาเหตุที่เขาออกมาก็เพราะต้องการปกป้องเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ แต่เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมหลิ่วเอ๋อร์ถึงได้ปฏิเสธเขา แน่นอนว่ามันย่อมทำให้เขาทั้งรู้สึกโกรธและผิดหวังไปพร้อมกัน
แต่ใบหน้าของแม่เฒ่าหวังกลับดูน่ากลัวขึ้นเป็นอย่างยิ่งทันทีที่นางได้ยินคำพูดของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ ”อาหลิง เลิกพูดจาไร้สาระกับผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว ไปเอาชุดแต่งงานมาและเตรียมตัวแต่งงานซะ! สองคนเมื่อเช้าที่ปลอมตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยไปที่บ้านตระกูลเหยียนก็ดูมีพิรุธทีเดียว ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นคนของทางราชสำนัก แต่พวกเขากลับดูท่าทางทรงอำนาจกว่าขุนนางพวกนั้น อีกทั้งยังฉลาดกว่าเสียด้วย เพื่อความปลอดภัย หลังจากพวกเจ้าสองคนแต่งงานกันในคืนนี้ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปจากที่นี่ พวกเขาจะได้ไม่กลับมาและค้นหาในสิ่งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเจ้าได้ ชีวิตของแม่มีความปรารถนาอยู่เพียงไม่กี่อย่าง ทั้งหมดที่แม่ต้องการก็คือการได้เห็นเจ้าแต่งงาน จากนั้นแม่จะได้วางใจ”
น้ำเสียงของแม่เฒ่าหวังอ่อนโยนขึ้นระหว่างพูดเช่นนั้น นางดูอารมณ์ดีทีเดียว ”วันนี้สี่เสาแห่งดวงชะตาตกอยู่ในเงามืด ย่อมเหมาะสมให้เจ้าทั้งสองได้แต่งงานกัน หลิ่วเอ๋อร์ ข้าแนะนำให้เจ้าร่วมมือกับเรา ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจได้กลายเป็นเหมือนกับ… คนพวกนี้!” ขณะที่พูด แม่เฒ่าหวังก็ดึงม่านที่อยู่ข้างหลังขึ้น เผยให้เห็นศพสามศพที่ห้อยลงมาจากขื่อหลังคา ทุกศพล้วนแต่ซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งใบหน้าของแต่ละร่างก็ยังดูคุ้นตาอย่างน่าสะพรึงกลัว
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์เซถลาไปด้านหลังอย่างรุนแรงด้วยความสยดสยอง เรี่ยวแรงทั้งหมดที่นางพยายามรวบรวมไว้ถูกใช้ไปจนหมดในทันที ลูกตาของนางสั่นอย่างแรงด้วยความกลัว แม้กระทั่งลมหายใจของนางก็ยังรวดเร็วและไม่เป็นจังหวะ
นางนึกไม่ถึงเลยว่าคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังคดีคนหายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้จะเป็นเพื่อนบ้านของนาง หรือก็คือแม่เฒ่าหวังนี่เอง!
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์รู้สึกหัวใจทั้งดวงถูกอะไรถ่วงเอาไว้ ดึงให้มันจมดิ่งลงอย่างรวดเร็วระหว่างที่ความหนาวเหน็บกัดกินร่างของนาง
ก่อนหน้านี้นางอาจะยังพอมีโอกาสให้หนีได้ แต่ตอนนี้เมื่อนางรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว นางย่อมไม่มีหนทางให้หนีอีก
แม้กระทั่งหวังหลิงก็คงไม่ยอมปล่อยนางจนกว่าพวกเขาจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน!
นางรู้สึกเหมือนเลือดตัวเองกำลังไหลย้อนกลับ ในเวลานี้สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในความคิดของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์มีเพียงความหวาดกลัว นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชุดแต่งงานสีแดงเข้มตัวนี้ถูกสวมทับลงมาบนตัวนางตั้งแต่เมื่อไหร่…