องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 702 ถูกองค์ชายปลิดชีพในหนึ่งวินาที
แม่เฒ่าหวังรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งอยู่เหนือการควบคุมของนาง
ชายคนนั้นไม่แม้แต่จะมองนางเลยด้วยซ้ำ เขากลับหันใบหน้าหล่อเหลานั้นไปด้านข้าง แล้วกัดถุงมือสีดำบนมือตัวเอง ทันใดนั้นก็คล้ายกับมีเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตโบราณดังอยู่ไกลๆ พร้อมกับขนนกสีดำที่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาสู่พื้น ความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาทำให้สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดทั้งหมดตัวสั่นงันงก
แม่เฒ่าหวังเห็นเพียงแค่ภาพเงาของเขา จากนั้นในชั่วพริบตาเดียว มือของเขาก็แทงทะลุหัวใจของวิญญาณร้ายห้าตัวพร้อมกัน วิญญาณร้ายกรีดร้องราวราวกับถูกเผา หลังจากนั้นพวกมันก็สลายกลายเป็นแอ่งน้ำสีดำอย่างรวดเร็ว!
หลังจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำเช่นนั้นเสร็จ เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นจึงถอดถุงมือออกแล้วทิ้งลงข้างตัว ทุกการกระทำของเขายังคงเต็มไปด้วยความสง่างาม
เขาทำราวกับว่าสิ่งที่เพิ่งทำลงไปไม่ใช่การกำจัดวิญญาณร้าย แต่เป็นการสัมผัสสิ่งสกปรกโสโครก และมันทำให้เขาจำเป็นต้องทำความสะอาดมือ
ไม่ใช่แค่หวังหลิง แต่แม้กระทั่งแม่เฒ่าหวังที่ตายไปแล้วก็เริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรง นางรู้สึกกลัวชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง!
ความแข็งแกร่งของพวกเขาทำให้นางตกตะลึง วิธีสังหารศัตรูของเขาโหดเหี้ยมยิ่งกว่านางเสียอีก เขาสามารถปลิดชีพทุกสิ่งได้ตามแต่ใจคิด ราวกับมนุษย์และภูตผีเป็นเพียงแค่ของเล่นสำหรับเขา
“เจ้า เจ้าเป็นผู้ขับไล่วิญญาณร้ายหรือ” แม่เฒ่าหวังคิดออกเพียงแค่คำตอบนี้คำตอบเดียว
แต่นางกลับรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะบรรยากาศที่ชายคนนี้แผ่ออกมาไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่เลยแม้แต่น้อย แต่ความสง่างามของเขากลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายจากโบราณกาล
ความชั่วร้ายนั้นทำให้ขาของนางหมดเรี่ยวแรง สิ่งเดียวที่นางต้องการทำในเวลานี้คือคุกเข่าลงแสดงความเคารพต่อเขา!
แต่ชายคนนี้กลับมองนางอย่างเฉยชาราวกับนางไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดกับเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ดีว่าถ้าองค์ชายคิดจะลงมือ เขาย่อมสามารถรับมือกับวิญญาณร้ายได้ทุกตน แต่นางต้องหาตัวหญิงสาวที่หายตัวไปให้เจอเสียก่อน นางถึงจะสามารถทำลายต้นตอของการติดเชื้อนั้นได้โดยสมบูรณ์!
แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยังไม่รู้ว่าแม่เฒ่าหวังใช้วิธีการใดสร้างปราณแห่งความเคียดแค้นที่สามารถแพร่กระจายเชื้อให้กับวิญญาณร้ายได้
สิ่งเดียวที่นางมั่นใจก็คือมันต้องมีความเกี่ยวข้องกับพวกผู้หญิงที่หายตัวไปอย่างแน่นอน
นางต้องรีบหาพวกนางให้เจอ
เป็นเพราะว่าวิญญาณร้ายจำนวนมากกำลังจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า หากแม่เฒ่าหวังสามารถควบคุมพวกมันได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอกจะถูกสิง!
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเครียดขึง สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชา ”แม่เฒ่าหวัง ถึงเวลาที่เจ้าต้องเลือกแล้ว ส่งตัวผู้หญิงพวกนั้นมา ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปข้าไม่ปรานีแน่”
“ทำไม ทำไมทุกคนถึงทำกับพวกข้าเช่นนี้?!” แม่เฒ่าหวังรู้ว่านางไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ในเมื่อทั้งสองมีบุตรชายของนางเป็นตัวประกัน นางแผดเสียงขึ้นราวกับเสียสติว่า ”ทำไมเจ้าไม่ไปยุ่งกับคดีใหญ่ๆ ทำไมต้องมาสนใจพวกข้า?! ถ้าเจ้าอยากจับกุมใคร ก็จับแค่ข้าสิ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับบุตรชายของข้าหรือ?! เขาคือคนที่จะได้เป็นจอหงวนในอนาคตเชียวนะ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหลือบมองแม่เฒ่าหวัง แล้วเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า ”เขาไม่มีทางเป็นจอหงวนได้หรอก”
“เจ้าว่าอะไรนะ?!” ดวงตาของแม่เฒ่าหวังเปลี่ยนเป็นดุร้ายในทันที
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มีดสั้นแตะเข้าเบาๆ ที่ใบหน้าของหวังหลิง ”ในจักรวรรดิจ้านหลงยังมีคนที่เหมือนเขาอีกมากมาย และพวกเขาก็มีความสามารถ มีความขยันขันแข็ง และมีความมุ่งมั่นมากกว่าเขา ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมคนที่เหมาะสมจะเป็นจอหงวนถึงเป็นเขาล่ะ”
“เจ้าเองก็เหมือนกับผู้หญิงพวกนั้น สิ่งเดียวที่เจ้าทำก็คือการทำตัวใจร้ายกับลูกชายข้า และนินทาว่าร้ายเขา! เขาเป็นคนกตัญญูและตั้งใจเรียน ทำไมเขาจะเป็นจอหงวนไม่ได้ เจ้าคิดเช่นนั้นเพราะเห็นว่าพวกเราเป็นเพียงแค่คนยากจน เจ้าเกลียดชังคนจน และชื่นชมแต่คนร่ำรวย เจ้าไร้ซึ่งความละอายแก่ใจ ดังนั้นเจ้าถึงได้เหยียบย่ำพวกเราเช่นนี้! พวกเจ้าทุกคนสมควรที่จะตกนรก!” แม่เฒ่าหวังอยากบีบคอคนที่อยู่ตรงหน้าให้ตายคามือ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหยียดยิ้มเย้ยหยัน ”ในฤดูแล้ง คนที่อยู่แถวชายแดนยังยากจนยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก พวกเขาไม่มีอะไรกินด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ไม่เคยบ่นเหมือนอย่างเจ้า ในเมื่อเจ้ามีเวลาว่างมากนัก สู้เอาเวลาไปคิดหาวิธีพัฒนาตัวเองจะมิดีกว่าหรือ อย่างแรก ถ้าเจ้าอยากให้คนอื่นมองเจ้าในแง่ดี เจ้าก็ควรทำตัวให้คู่ควร แต่ตั้งแต่เขายังเด็ก เขาก็ไม่เคยหาเงินด้วยตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่เคยห่างจากเจ้าที่เป็นแม่ แต่เขากลับมีท่าทางภูมิใจในตัวเอง พวกเจ้าสองคนทำตัวน่าขันยิ่งนัก เจ้าเอาแต่เชิดหน้าใส่คนอื่น และเที่ยวดูถูกหญิงสาวเหล่านั้น แต่เจ้าก็ยังอยากให้พวกนางแต่งงานกับลูกชายของเจ้า พอหญิงสาวพวกนั้นปฏิเสธเจ้า เจ้าก็รำพึงรำพันว่าพวกนางเกลียดชังคนจน ชื่นชมคนรวย ต่อให้นั่นจะเป็นความจริง แต่สิ่งแรกที่เจ้าควรทำก็คือการใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยมาตำหนิคนอื่น ต่อให้ลูกชายของเจ้าได้เป็นจอหงวน เขาก็ไม่มีทางเป็นขุนนางที่ดีได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามีแม่อย่างเจ้า แต่ด้วยนิสัยเห็นแก่ตัวและใจแคบของเขา เวลาที่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขาย่อมไม่มีทางคิดว่าตัวเองผิด เมื่อบวกกับความอิจฉาริษยาอันรุนแรงจนน่ากลัวของเขา ในไม่ช้ามันจะต้องนำปัญหามาให้เขาแน่”
“เจ้ากล้าพูดถึงบุตรชายข้าเช่นนั้นได้อย่างไร! ในไม่ช้ามันจะต้องนำปัญหามาให้เขาหรือ ความอิจฉาริษยาอันรุนแรงจนน่ากลัวหรือ ลูกชายของข้าเป็นคนจิตใจดีงามและมีคุณธรรมที่สุดในแผ่นดินนี้ เจ้าก็แค่อิจฉาลูกชายข้าต่างหาก!” ยิ่งแม่เฒ่าหวังพูด นางก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ นางถึงกับก้าวเท้าออกมาข้างหน้าเลยทีเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองม่านที่กระพืออยู่เหนือเตียงที่ด้านหลังของแม่เฒ่าหวัง และดวงตาของนางก็เป็นประกาย แต่น้ำเสียงของนางกลับยังคงเรียบเฉย ”คนเราจะรวยหรือจนย่อมไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือการอบรมของพ่อแม่ต่างหาก แม่เฒ่าหวัง เจ้าเอาแต่พูดกรอกหูหวังหลิงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนางแพศยา ผู้ชายคนนั้นดีแต่ใช้เงินข่มเหงคนอื่น และคำพูดนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อหวังหลิงที่อยู่ข้างเจ้าได้อย่างง่ายดาย เด็กๆ เรียนรู้จากพ่อแม่ของตัวเอง เพราะสิ่งที่พ่อแม่พูดและทำย่อมมีอิทธิพลต่อพวกเขา เจ้าบอกว่าลูกชายของเจ้าเป็นคนจิตใจดีและมีคุณธรรมหรือ คนที่จิตใจดีและมีคุณธรรมอย่างแท้จริงจะไม่มีวันปล่อยให้แม่ตัวเองฆ่าคนอื่น แม่เฒ่าหวัง ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าคงตายมานานแล้ว น่าจะก่อนฤดูหนาวเสียอีก เวลานี้เจ้าไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าซากศพเท่านั้น”
“เจ้า!” นี่เป็นครั้งที่สองที่แม่เฒ่าหวังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ”เจ้ารู้ได้อย่างไร” ทันทีที่นางรู้เรื่องจางหลิงเอ๋อร์กับคุณชายรองจาง คืนนั้นนางก็ไข้ขึ้นทันที จากนั้นแม่เฒ่าจางก็มาเคาะประตูเพื่อเยาะเย้ยนางถึงบ้าน นางบอกว่าอาหลิงของนางเป็นแค่คนตัวเปล่า แต่กลับเอาแต่ตามกวนใจหลิงเอ๋อร์เหมือนกับคางคกไม่มีผิด นางบอกว่าพวกนางต้องรู้จักมองการณ์ไกลแล้วรีบถอนหมั้นให้เร็วที่สุด ตระกูลทั้งสองจะได้ไม่ต้องเสียหน้ามากนัก ทุกคนในซอยต่างก็รู้เรื่องอื้อฉาวนี้ของตระกูลหวัง ดังนั้นอาการป่วยของนางจึงยิ่งทรุดหนัก ในเวลาเพียงแค่สองวันนางก็เริ่มไอออกมาเป็นเลือด จากนั้นวิญญาณของนางก็ออกจากร่างไป ตอนนั้นเองที่ชายสวมชุดสีขาวก้าวเข้ามาข้างใน นางไม่เคยเห็นคุณชายท่าทางอ่อนโยนเช่นเขามาก่อน และเมื่อเขาถามนางว่านางอยากสอนบทเรียนให้กับคนที่เคยดูถูกนางและบุตรชายหรือไม่ แน่นอนว่านางย่อมตอบว่าต้องการ นางต้องการสั่งสอนพวกเขาแม้กระทั่งในความฝัน!
นางไม่ได้เพียงแค่อยากให้คนชั่วช้าพวกนั้นถูกลงโทษ แต่นางยังอยากเห็นลูกชายของตัวเองได้แต่งงานและมีลูก!
คุณชายคนนั้นไม่ได้ขอสิ่งใดจากนางเป็นการตอบแทน แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากลับสอนนางถึงวิธีการว่าจะก่อคดีนี้ได้อย่างไร…