องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 708 กรรมใดใครก่อ เวยเวย
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าไม่กล้าพอที่จะลงมือกับผู้หญิงคนนี้” วิญญาณร้ายเปิดเผยตัว มันยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมหน้าขณะที่แสงสีแดงราวกับแสงของตาปีศาจวาบขึ้นในดวงตาข้างซ้ายของนาง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวไปทั้งหน้าอย่างน่าสะพรึงกลัว นางลุกขึ้น และยืนตัวตรงจากเดิมที่นั่งอยู่ในท่าคุกเข่า เมื่อเวลาผ่านไป เสียงหัวเราะของนางก็ยิ่งทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ”เจ้าคิดว่าจะกำจัดข้าได้ด้วยมีดธรรมดาๆ อย่างที่มนุษย์ใช้กันหรือ หึๆ ฝันไปเถอะ! แม้เจ้าจะพอรู้อาคม แต่ก็อย่าคิดว่าจะสามารถกำราบข้าได้!”
วิญญาณร้ายคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี แต่ปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงออกหลังจากได้ยินที่มันพูดกลับเป็นสิ่งที่มันคาดไม่ถึง นางไม่ได้แตกตื่นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับมองมันอย่างเยือกเย็น แล้วถามว่า ”เจ้าคิดว่ามีดสั้นพวกนั้นเป็นแค่มีดธรรมดาหรือ”
“อะไรนะ เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ทันทีที่วิญญาณร้ายพูดจบ รอบตัวมันก็สว่างวาบขึ้นด้วยแสงแห่งธรรมแสงนั้นทำหน้าที่เหมือนเป็นเขตอาคมที่ขังมันไว้ตรงกลางอย่างแน่นหนา
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ”เจ้าเป็นวิญญาณร้ายที่ถูกสร้างขึ้นจากปราณแห่งความเคียดแค้น ถ้าปราณแห่งความเคียดแค้นแม้เพียงเสี้ยวเดียวสามารถหนีออกไปได้ เจ้าก็สามารถคืนชีพกลับมาได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาเช่นนั้นเกิดขึ้นในภายภาคหน้า จึงเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ข้าต้องทำก็คือการแยกเจ้าออกจากโลกภายนอก ถึงข้าจะไม่ได้ใช้ยันต์ผ้าเหลืองเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย แต่ข้าก็เข้าใจหลักการของมันเป็นอย่างดี มีดสั้นพวกนี้รมควันธูปจากวัดมาแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาในการทะลวงปราณแห่งความเคียดแค้นของเจ้า แต่มันต้องใช้เวลาในการเชื่อมเครือข่ายอาคมพอดู เมื่อครู่นี้ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ ที่ช่วยให้ความร่วมมือกับข้า”
“เจ้า เมื่อครู่นี้เจ้าเบี่ยงเบนความสนใจข้าอย่างนั้นรึ!” วิญญาณร้ายเข้าใจได้ทันที สีหน้าของมันทวีความดุร้ายมากขึ้น ”เจ้าวางแผนการจะโจมตีข้าเอาไว้ตั้งแต่ต้น! นังผู้หญิงนี่!”
วิญญาณร้ายกระเสือกกระสน และพยายามที่จะพุ่งเข้าใส่เฮ่อเหลียนเวยเวย
แต่แสงแห่งธรรมกลับขัดขวางไม่ให้มันขยับตัวไปไหนได้
มันไม่สามารถกระจายปราณแห่งความเคียดแค้นที่แผ่ออกมาจากดวงตาของตัวเองได้ ดังนั้นพวกมันจึงสะสมอยู่ในนั้น และกลายเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มันกลายเป็นใบหน้าของจางหลิงเอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นหน้าของหญิงสาวคนอื่นๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทุกใบหน้าดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้ากับแม่ลูกคู่นั้นก็เหมือนกัน พวกเจ้ามันโหดเหี้ยมและไร้ยางอาย! พวกข้าทำอะไรผิดหรือ?! ถึงได้สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!? พวกเขาต่างหากที่เป็นฆาตกรตัวจริง แต่เจ้ากลับมาลงโทษพวกข้าแทน นี่คือความยุติธรรมของเจ้าหรือ?! มันก็เป็นแค่ข้ออ้างที่เสแสร้งของมนุษย์เท่านั้น!”
เสียงกรีดร้องของวิญญาณร้ายทำให้สายลมรอบๆ นั้นพัดขึ้นอย่างแรง ดวงวิญญาณที่มาจากประตูยมโลกเริ่มรวมตัวกันในกลุ่มเมฆที่ลอยอยู่เหนือบ้านตระกูลหวัง!
“ท่าไม่ดีแล้วสิ” บุตรแห่งราชานรกที่สะพายขวานสีดำไว้บนหลังขมวดคิ้ว เขาจ้องมองเมฆสีดำก้อนนั้น แล้วเอ่ยว่า ”วิญญาณอาฆาตที่อยู่รอบๆ นี้ได้ยินว่ามีคนได้รับความไม่เป็นธรรม ตอนนี้พวกมันกำลังจะกลายร่างเป็นวิญญาณร้ายแล้ว!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา ”เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่ไปขวางพวกมันเอาไว้ล่ะ”
“คนในยมโลกของเรานั้นแตกต่างจากมนุษย์อย่างเจ้า พวกเราทำสิ่งต่างๆ ตามหลักการ” บุตรแห่งราชานรกหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม ”เมื่อมีควันก็ย่อมมีไฟ ตราบใดที่วิญญาณคนตายเพียงแค่พยายามหาทางแก้แค้น และไม่มีผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง พวกข้าย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปแทรกแซง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้พูดอะไรกับบุตรแห่งราชานรกต่อ นางเพียงแค่หันกลับไปหาแม่เฒ่าหวัง ”เจ้าได้ยินแล้ว ในฐานะฆาตกร เจ้าต้องชดใช้เรื่องนี้ด้วยชีวิต เจ้าอยากลงมือเอง หรือจะให้ข้าลงมือ”
แม่เฒ่าหวังพูดทั้งน้ำตา ”ใต้เท้า ได้โปรดลงมือด้วยเถิด”
“ไม่! อย่าฆ่าท่านแม่ข้า!” หวังหลิงตะโกน
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางเตะเขาไปข้างๆ ด้วยการยกขาแค่ครั้งเดียว ”เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาค้านหรือ เจ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิดหรือ ต่อให้เจ้าไม่ได้ฆ่าใคร แต่ถ้าเจ้าพยายามทำตัวให้มีประโยชน์มากกว่านี้สักหน่อย และไม่เอาแต่ตัดพ้ออยู่ตลอดเวลา เรื่องก็คงไม่เป็นเช่นที่เป็นในตอนนี้! เจ้าอย่าได้พยายามทดสอบข้าจะดีกว่า ข้าอาจจะหมดความอดทนเข้าจริงๆ แล้วต่อยคนเฮงซวยอย่างเจ้าจนถึงแก่ความตายก็ได้ เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือ เจ้าไม่รู้สึกผิดเลยหรือไรหลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงพวกนั้น”
ทันทีที่หวังหลิงได้ฟังคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย เขาก็คุกเข่าลงแล้วเอ่ยว่า ”ข้าตระหนักถึงความผิดของตัวเองแล้ว ต่อไปข้าจะเป็นคนดี”
“เจ้าจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญสำหรับพวกนาง แต่สิ่งสำคัญก็คือ ชีวิตย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิต เจ้ากำลังให้สัญญาว่าจากนี้ไปเจ้าจะเป็นคนดี แต่ใครล่ะจะมอบโอกาสที่สองให้ผู้หญิงพวกนี้กลับมามีชีวิตและเป็นคนดีได้ ในจำนวนพวกนางไม่ได้มีเพียงแค่ผู้บริสุทธิ์อยู่เท่านั้น แต่ยังมีบางคนที่พวกเจ้าติดหนี้บุญคุณของพวกนางรวมอยู่ด้วยซ้ำ! หลีกไป อย่าให้ข้าต้องหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ!” เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตไปเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยแล้ว นางก็ยิ่งจำเป็นต้องคืนความยุติธรรมให้กับพวกนาง และเมื่อทำเช่นนั้น ความเชื่อมโยงระหว่างวิญญาณร้ายและวิญญาณอาฆาตรอบบริเวณนี้ก็จะหายไป
นางรู้ว่าเวลากำลังจะหมดลง
นางไม่อยากใช้วิธีรุนแรงกำจัดหญิงสาวพวกนั้น เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
นางอยากให้พวกนางไปสู่สุขคติ
บนโลกใบนี้มีความรักอยู่มากมาย
แต่กระนั้น ตั้งแต่เด็กๆ นางก็ไม่ได้สัมผัสกับมันมากเท่าใดนัก
ตอนที่แม่ของนางตกอยู่ในความสิ้นหวังหลังจากรู้ว่าพ่อของนางนอกใจ นางได้เห็นทุกอย่างนั้นกับตาตัวเอง
แต่นางไม่มีวันลืมสีหน้าตอนที่แม่ถักเสื้อกันหนาวให้นางก่อนที่นางจะล้มป่วยลง
ตอนที่นางยังเล็กๆ นางเคยคิดว่าถ้าบนโลกนี้มีวิญญาณอยู่จริงก็คงจะดียิ่งนัก
ถ้าวิญญาณมีจริง ผู้ชายสารเลวพวกนั้นก็จะได้รับผลจากกรรมชั่วที่พวกเขาเคยก่อไว้
เหมือนกับพ่อผู้ไม่ซื่อสัตย์และคนที่เป็นชู้กับเขา!
เขาแต่งงานกับแม่ของนางเพียงเพื่อตำแหน่งหน้าที่การงานและเงินเท่านั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยรักกัน และเคยให้สัจจะสาบานไว้ว่าจะอยู่เคียงข้างกัน
แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นและร่วมมือกับเขาอย่างหน้าด้านๆ แล้วบีบบังคับให้แม่ของนางต้องจบชีวิตลง มิหนำซ้ำพวกเขายังเอามรดกที่แม่ของนางเหลือทิ้งไว้ไปจนหมด
คนเช่นนี้สมควรตาย
ทำไมคำว่ารักที่ผู้หญิงคนนั้นพูดถึงได้น่าขันนักน่ะหรือ
สิ่งที่น่าตลกที่สุดก็คือนางได้รับการให้อภัยทันทีที่นางร้องไห้ออกมา
ยิ่งกว่านั้นนางก็ยังภาคภูมิใจกับมัน แทนที่จะละอายใจ
พวกเขาเคยหยุดคิดถึงคนที่พวกเขาไล่ต้อนเข้าสู่ความตายบ้างหรือเปล่า
แล้วครอบครัวของคนที่ตายล่ะ
เพียงเพราะว่าพวกนางไม่สามารถอ้าปากพูดได้อีกต่อไป พวกนางจึงสมควรถูกมองข้ามหรือ
หญิงชราฟังคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย น้ำตาของนางหยุดไหลไปแล้ว จากนั้นนางจึงผลักหวังหลิงออก ”ลูกเอ๋ย ใต้เท้าพูดถูกแล้ว พวกเราทำผิด และพวกเราต้องชดใช้ หลังจากที่ข้าตายแล้ว เจ้าจงไปสารภาพความผิดที่หน้าปากซอยเสีย ไม่จำเป็นต้องสนใจตระกูลจาง จากที่แม่เฒ่าจางทำกับเรา ชีวิตของข้าคนเดียวก็เพียงพอที่จะชดใช้ให้กับชีวิตของบุตรสาวนางแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากกว่านั้นอีก ตระกูลหลินมีบุตรสาวอยู่คนเดียว พ่อเฒ่าหลินอายุมากแล้ว ขาของเขาไม่ค่อยดี ดังนั้นเจ้าควรอยู่ข้างๆ และดูแลเขา ถ้าเขาตีเจ้า เจ้าก็ต้องอดทน นี่เป็นสิ่งที่พวกเราสมควรได้รับ”
“ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ต่อไปนี้ข้าจะเป็นคนดี ข้า…” หวังหลิงเริ่มร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกผิดมากนัก เขาเพียงรู้สึกว่าช่างโชคดีจริงๆ ที่อีกฝ่ายไว้ชีวิตเขา เพราะอย่างไรตระกูลจางก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่เมื่อเขาตระหนักได้ว่าผู้เป็นแม่กำลังจะตาย ตอนนั้นนั่นเองที่เขาเพิ่งจะตระหนักได้ถึงน้ำหนักอันแท้จริงของบาปที่ตัวเองทำ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหลังจากพวกเขาคุยกันเสร็จ ก่อนจะแทงมีดสั้นสีเงินของตัวเองเข้ากลางอกของแม่เฒ่าหวังทันที!
แม่เฒ่าหวังตายไปแล้ว ดังนั้นทั้งหมดที่เฮ่อเหลียนเวยเวยทำจึงเป็นเพียงการทำให้นางกลับเป็นเถ้าธุลีเท่านั้น!