องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 720 บทสนทนาระหว่างพ่อลูก (ตอนที่ 2)
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเยสังเกตเห็นองค์ชาย นางจึงถามอย่างใจลอยว่า “หมอหลวงหลิวกับคนอื่นๆ ไปไหนกันหรือ”
“พวกเขากลับไปหมดแล้ว” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเล่นกับมือของนางที่อยู่ในมือเขา ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นดูชั่วร้ายกว่าปกติ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ถ้าเหนื่อยก็นอนพักเถอะ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำตอนเจ้าหลับอยู่ วันนี้เราจะไม่จับชีพจรอีก ข้าจะสั่งให้คนอุ่นน้ำแกงมาให้เจ้า เจ้าจะได้ดื่มตอนที่ตื่นขึ้นมา”
“อืม…” เฮ่อเหลียนเวยเวยง่วงยิ่งนัก นางเริ่มมีอาการง่วงอย่างรุนแรงมาตั้งแต่เมื่อวาน ยิ่งกว่านั้นเมื่อองค์ชายอยู่ที่นี่ กลิ่นหอมๆ และเสียงหัวใจที่เต้นอย่างสงบของเขาก็ยิ่งทำให้นางผ่อนคลายลงอย่างมาก
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสางนิ้วไปตามผมสีเข้มของเฮ่อเหลียนเวยเวย จากนั้นจึงก้มหน้าลงแล้วจูบศีรษะของนาง
ตอนแรกขันทีซุนตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมเฮ่อเหลียนเวยเวยตามคำสั่งของอดีตฮ่องเต้ เมื่อเขาเห็นภาพนี้ผ่านผ้าม่าน เขาก็รีบนำนางกำนัลและของขวัญออกไปจากห้องบรรทมอย่างเงียบๆ
คืนนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยหลับลึก ใบหน้าด้านข้างของนางดูสงบเยือกเย็นและสง่างาม
เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ยังซ่อนตัวอยู่ในมิติสวรรค์
ไม่มีสิ่งชั่วร้ายอันใดสามารถเข้าใกล้เฮ่อเหลียนเวยเวยได้หากมีไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ข้างกายนาง
ถ้าพวกมันปรากฏตัวออกมา พวกมันจะผลาญพลังชีวิตส่วนเกินของเฮ่อเหลียนเวยเวยแทน
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม
ในเวลาเดียวกันนี้ของทุกวัน ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะกอดเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้วหลับตาลงสักหนึ่งชั่วยาม
แต่วันนี้เขาไม่ได้หลับ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากลับยืนขึ้นรินน้ำชาร้อนๆ ให้กับตัวเอง จากนั้นจึงนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวโดยไม่ได้กลับไปที่เตียง ก่อนจะยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างาม
เสื้อคลุมโบราณสีดำของเขายิ่งขับเน้นให้ความชั่วร้ายราวราชาปีศาจในค่ำคืนอันมืดมิดของเขาเด่นชัดขึ้น
มันเป็นภาพที่ต่างกันลิบลับจากภาพลักษณ์อันเย็นชาไม่แยแสและสง่างามของเขาในตอนกลางวัน
ตอนนี้ แม้กระทั่งรอยยิ้มของเขาก็ยังเจือไปด้วยความชั่วร้าย
อัญมณีสีดำบนแหวนที่นิ้วก้อยเป็นประกายสว่างไสวขณะที่เขาหมุนถ้วยชาในมือ แสงนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความชั่วร้ายอันรุนแรงของเขา พวกมันเหมือนกำลังรอที่จะกลืนกินบางสิ่งเข้าไป
ที่ด้านหลังของเขามีขนนกร่วงหล่นลงมา และยังมีเสียงเหมือนใครบางคนกำลังขับขานบทเพลงภาษาสันสกฤตโบราณอยู่ เสียงนั้นราวกับสามารถสะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมดบนโลกใบนี้ได้เป็นอย่างดี ท่าทางของเขาดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ไม่มีใครสามารถซ่อนตัวจากเขาได้ และแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ออกมา”
เขาเอ่ยคำพูดง่ายๆ เพียงสองคำนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงข่มขู่และเย็นชาราวกับน้ำแข็ง จากนั้นเขาจึงเอ่ยต่อว่า “ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่ออกมา เจ้าจะได้รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”
ในท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวยมีหมอกสีดำลอยอยู่กลางอากาศขณะที่เลือดของนางไหลผ่านตัวมันไป ทารกในครรภ์มีลักษณะโปร่งแสงและยังไม่สามารถจำแนกออกมาเป็นรูปร่างได้เพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยชั้นขนบางๆ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาก็เริ่มส่งเสียงออกมา
ขนนกจับตัวรวมกันเกิดเป็นเสียงดังฟุ่บ ก่อนจะเปล่งแสงจางๆ ขึ้นที่มุมหนึ่ง เผยให้เห็นเงาเล็กๆ ดูเลือนราง
เงานั้นมีขนาดเล็กมาก เขาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขาดูเท่และอ่อนโยนอย่างมาก จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านจะตีข้าไม่ได้ ถ้าท่านตีข้า ท่านแม่จะเสียใจ”
“ขู่ข้าหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้ม ขนนกสีดำเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไป
เงาเล็กๆ ถูกขนนกพวกนั้นตรึงให้อยู่กับที่ เขาเอ่ยขึ้นอย่างดื้อรั้นว่า “ก็ท่านพ่อบอกว่าข้าโง่ก่อน”
“แล้วเจ้าไม่โง่หรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่สนใจเขา เขาเพียงยกชาขึ้นดื่มแล้วเอ่ยต่อ “ที่นี่คือโลกมนุษย์ เมื่อกลางวันเจ้ายังก่อปัญหาไว้ไม่มากพออีกหรือ เจ้าพังหูฟังไม้ไผ่ และจงใจใช้เสียงขู่ให้หมอหลวงหลิวกลัว เจ้ารู้จักแค่การเล่นอะไรแผลงๆ เช่นนี้หรือ”
เงาเล็กๆ คำรามออกมาอย่างอวดดี “ข้าจะปล่อยให้มนุษย์หน้าโง่พวกนั้นเห็นร่างเปลือยเปล่าของข้าได้อย่างได้ ถ้าพวกมันอยากเห็นร่างท่าน ท่านจะยอมให้พวกเขาเห็นหรือ”
“ข้าไม่ยอม แต่ข้าก็มีวิธีการมากมายที่จะขัดขวางไม่ให้พวกเขาแอบมองข้าได้ ข้าจะทำลายหูฟังไม้ไผ่พวกนั้นล่วงหน้า แทนที่จะตอบโต้ตอนที่มันสัมผัสตัวข้า การทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขาสงสัยในตัวท่านแม่ของเจ้า ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะใช้วิธีการใด แต่อย่าได้สร้างปัญหาให้กับท่านแม่ของเจ้าอีก” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยเรียบๆ ดวงตาคู่งามกระจ่างใสของเขามีประกายแสงสีทองปรากฏขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยคำเตือน
เงาเล็กๆ เข้าใจดีว่าถ้าคนอื่นรู้ว่าทารกในครรภ์ของท่านแม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาละก็ พวกเขาจะต้องทำร้ายนางอย่างแน่นอน
เมื่อกลางวันเขาเผลอทำเช่นนั้นลงไปเพราะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้
เขารู้สึกเสียใจอย่างมากหลังจากทำอย่างนั้น
หลังจากถูกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดุ ศีรษะเล็กๆ นั้นก็ก้มลงอย่างรู้สึกผิด จากนั้นเขาจึงถามว่า “แล้วท่านพ่อเล่า อย่าคิดว่าข้าอยู่ในท้องท่านแม่แล้วข้าจะไม่ได้ยิน คนพวกนั้นในท้องพระโรงบอกให้ท่านแต่งงานมีนางสนม พวกเขาเองก็สร้างปัญหาให้กับท่านแม่เหมือนกัน ท่านน่าจะฆ่าพวกเขาไปให้หมด ทำไมถึงเหลือไว้คนหนึ่งล่ะ”
“เจ้าหนู ในฐานะปีศาจ เจ้าควรรู้จักทำความเข้าใจมนุษย์ให้ดีเสียก่อน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหมุนถ้วยชาแล้วยกขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจนักพร้อมกับบอกว่า “นอกจากฆ่าพวกเขา เรามีหนทางที่จะทำให้มนุษย์ทุกข์ทรมานได้อีกมาก”
เงาเล็กๆ ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขารู้ว่ามนุษย์ทั้งละโมบและโง่เขลาอย่างมาก ตัวอย่างก็เช่นเสนาบดีสองคนที่อยู่ในท้องพระโรงวันนี้ พวกเขาช่างน่ารังเกียจจริงๆ
ปฏิกิริยาแรกที่เขามีคือฆ่าคนพวกนี้ทิ้งให้หมด
ตอนนี้เมื่อเขาลองมาคิดดูให้ดี บางทีสิ่งที่พวกเขากลัวยิ่งกว่าความตายอาจจะเป็นการสูญเสียอำนาจในมือมากกว่า
“อีกอย่างหนึ่ง เรื่องมารยาทการกินของเจ้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปรายตามองเขา แล้วพูดต่อ “เจ้าควรค่อยๆ กินทีละน้อย และอย่าได้จำกัดอยู่เพียงที่เดียว บนแผ่นดินนี้มีผู้ขับไล่วิญญาณร้ายอยู่ไม่น้อย เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะลงมือโดยไม่ทิ้งร่องรอย และต้องรู้จักการอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์อันสง่างามสมบูรณ์แบบเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยในตัวเจ้า”
“เช่นนั้นข้าจะคิดให้ดีว่าคนที่เสียมารยาทต่อท่านแม่ของข้ากลัวอะไร จากนั้นข้าจะแอบจัดการพวกเขา แล้วค่อยหาแพะรับบาปมารับโทษแทน” สมเป็นพ่อลูกกันไม่มีผิด เงานั้นรู้ว่าเสด็จพ่อของเขาหมายความว่าอย่างไรแม้ไม่ต้องอธิบาย เขากำมือเข้าหากันแน่นแล้วกล่าวด้วยสีหน้าขึงขังจริงจังว่า “แต่ท่านจะให้ท่านแม่รู้ว่าเด็กคนอื่นๆ ที่อยู่ในวังหลวงกลัวข้าจนหนีไปไม่ได้!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้ววางถ้วยชาในมือลงอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะตอบว่า “ข้าขอดูพฤติกรรมของเจ้าก่อนแล้วจึงจะตัดสินใจเรื่องนั้นอีกที เอาล่ะ ทีนี้เจ้าก็กลับไปได้แล้ว”
“ฮึ่ม!” ขนนกสีดำโปรยปรายพร้อมกับเงาเล็กๆ ที่เลือนหายไปในความมืด
สองพ่อลูกไม่ถูกชะตากันอย่างเห็นได้ชัด
แต่พวกเขากลับเหมือนกันอย่างมากเมื่อเป็นเรื่องของการปกป้องเฮ่อเหลียนเวยเวย
คืนนั้น เครื่องมือแพทย์ทุกชิ้นในสถาบันหมอหลวงที่เกี่ยวข้องกับหูฟังเหล่านั้นถูกทำลายทั้งหมด
ทุกคนในตระกูลหลี่ที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวงอ้างว่าพวกเขาโดนผีหลอก พวกเขาต่างหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะเดินออกจากบ้าน อีกทั้งหลี่จื้อสยงก็ยังเสียสติก่อนที่อดีตฮ่องเต้จะทันได้ลงโทษเขาเสียอีก ผู้คนต่างพูดกันว่านี่คือผลกรรมที่เขาเคยทำไว้ และยังกล่าวอีกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการแก้แค้นของประชาชนที่ถูกตระกูลหลี่ฆ่าตาย
แต่อันที่จริงนั้น…
“ท่านพี่ ท่านทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะโดนท่านพ่อดุเป็นการส่วนตัวอีกหรือ”
ทารกสองคนที่อยู่ในท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวยเอียงศีรษะเข้าหากัน และสื่อสารกันด้วยภาษาที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ…