องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 728
“แม้นายท่านของพวกเราจะไม่อยู่ แต่ท่านก็ยังจะลงมือหรือ”
“นั่นคือเหตุผลที่พวกข้าต้องลงมือต่างหาก! ถ้าราชาแห่งนรกอยู่ที่นี่ พวกข้าก็คงจะเปลี่ยนแผนเป็นการลอบโจมตีแทน!” เจ้าเจ็ดให้เหตุผล เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาแต่ประการใด
ผู้พิพากษาวิญญาณ : …หน้าด้านไร้ยางอายเสียไม่มี!
ชิงหลงและกิเลนอัคคีคิดว่าการพาสัตว์อสูรกลืนเวหามาด้วยช่างเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง เหมือนดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า นิสัยขอคนเราย่อมได้รับอิทธิพลมาจากคนที่อยู่รอบตัว แม้เด็กคนนี้จะดูเหมือนเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา แต่นายท่านก็เลี้ยงดูให้เขาโตมาเป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนตัวเองไม่มีผิด!
การจับวิญญาณไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกมันเลยแม้แต่นิดเดียว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทั้งสามขยับกรงเล็บเพียงครั้งเดียวก็สามารถรวบจับพวกมันได้จนล้นมือ
ปัญหาใหญ่ของพวกมันคือบุตรแห่งราชานรกที่อยู่ในวังนรกต่างหาก
เขารับมือลำบากเพราะไม่มีใครสามารถอ่านใจหรือความคิดของเขาออก การรับมือกับบุตรแห่งราชานรกตอนโกรธเป็นสิ่งที่ยากลำบากยิ่งกว่าการรับมือกับราชาแห่งนรกเสียอีก
ในอดีตนั้น ตอนที่เจ้านายของพวกมันกำลังดวลกับราชาแห่งนรกอยู่ แม้ชิงหลงกับกิเลนอัคคีจะร่วมมือกัน แต่พวกมันก็ไม่เคยเอาชนะบุตรชายของเขาได้เลย
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเจ้าเด็กนั่นสู้เหมือนคนไม่รักตัวกลัวตาย
เขาใช้ประโยชน์จากการที่ตัวเองเป็นอมตะ และเรียกวิญญาณทั่วทั้งยมโลกออกมา กิเลนอัคคียังจำรอยยิ้มชั่วร้ายที่อยู่บนใบหน้าของเขาในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
“อสูรกลืนเวหา เจ้าเข้าไปก่อนสิ” กิเลนอัคคีบอกเด็กชายตัวน้อย
เด็กชายตัวน้อยส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ก่อนพวกเราจะมาที่นี่ พี่สะใภ้สามบอกว่าไม่ให้ข้าไปสู้กับใคร”
นี่คือคำพูดของคนที่เพิ่งตีพวกข้าไปหรือ! ผู้พิพากษาวิญญาณคิดขณะนอนแผ่หลาอยู่กับพื้น
ชิงหลงขมวดคิ้ว แล้วตอบเขาว่า “เช่นนั้นข้ากับกิเลนอัคคีจะเข้าไปด้วยกัน ให้สัตว์อสูรกลืนเวหาพาวิญญาณพวกนั้นกลับไปก่อนก็แล้วกัน”
“จะกลับแล้วหรือ” บุตรแห่งราชานรกถามพร้อมกับปรากฏตัวขึ้นจากความมืดมิด เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่เกินตัว เขี้ยวของเขาส่องประกายวาววับทันทีที่กระตุกยิ้มขึ้น จากนั้นเขาจึงพูดต่อว่า “เจ้าตัดสินใจบุกเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญอีกทั้งยังไม่ได้พาเจ้านายมาด้วย เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ากลับออกไปได้โดยไม่มีบาดแผลหรอกใช่ไหม”
ทันทีที่เห็นร่างของเขา กิเลนอัคคีก็รู้ว่าสถานการณ์ชักไม่เข้าท่าเสียแล้ว บรรยากาศอันชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาทำให้วิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ แตกตื่นไปตามๆ กัน
แต่…
“ทำไมมือท่านถึงถูกมัดอยู่ล่ะ” รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นั้นไม่อาจรอดพ้นจากสายตาอันเฉียบคมของกิเลนอัคคีไปได้
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี และพวกเจ้าก็เพิ่งเดินเข้ามารนหาที่ตายถึงที่เอง! ข้าเกลียดพวกที่ได้เตร็ดเตร่อยู่บนโลกมนุษย์อย่างพวกเจ้าที่สุด!” บุตรแห่งราชานรกคำรามพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอันร้ายกาจออกมา
ทันใดนั้นผู้พิพากษาวิญญาณอาวุโสคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากด้านข้างเพื่อห้ามบุตรแห่งราชานรกเอาไว้ เขาบอกว่า “นายน้อย ท่านออกมาทำไมขอรับ รีบกลับไปซ่อนตัวเร็วเข้า พวกเขามาที่นี่เพื่อลักพาตัวท่านไปยังโลกมนุษย์นะขอรับ!”
“พวกเขามาที่นี่เพื่อลักพาตัวข้าหรือ” ความชั่วร้ายในดวงตาของบุตรแห่งราชานรกค่อยๆ จางหายไป ก่อนที่เขาจะทำตาเป็นประกายแล้วเอ่ยทวนว่า “ลักพาตัวข้าไปที่โลกมนุษย์หรือ”
ผู้พิพากษาอาวุโสพยักหน้ารัวเร็ว “รีบซ่อนตัวเร็วเข้าสิขอรับนายน้อย ถ้านายท่านรู้ว่าท่านถูกลักพาตัวไป เขาคงได้พลิกยมโลกแน่!”
“ทำไมเจ้าไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ล่ะ” บุตรแห่งราชานรกยิ้มพร้อมกับหันไปมองชิงหลงกับกิเลนอัคคี เขายื่นมือออกไปด้วยท่าทางเป็นมิตร แล้วบอกว่า “รีบมัดเข้าสิ การสละข้าเพื่อรักษายมโลกไว้ย่อมเป็นการสูญเสียเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ข้าพูดจริงๆ นะ”
ชิงหลงและกิเลนอัคคีสบตากัน จากนั้นสถานการณ์อันตึงเครียดและการต่อสู้ทั้งหมดก็จบลงตามคำสั่งของเขา
บุตรแห่งราชานรกไม่รอให้พวกมันจับเขามัด แต่กลับมุดเข้าไปอยู่ในเชือกที่พวกมันนำมา แล้วจัดแจงมัดร่างของตัวเองจนเสร็จสรรพพร้อมกับบอกว่า “เอาล่ะ พวกเราไม่ควรเอาแต่สู้กัน เราน่าจะทำตัวให้มีอารยธรรมมากกว่านี้” จากนั้นจึงยิ้มออกมาเหมือนกับเด็กได้ขนม
พวกมันเพิ่งเคยเห็นเหยื่อที่ให้ความร่วมมือถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก กิเลนอัคคีกับชิงหลงถึงกับตกตะลึง
ผู้พิพากษาวิญญาณอาวุโสอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขาคำรามออกมาอย่างเดือดดาลว่า “นายน้อย กลับมานะขอรับ! ท่านห้ามไปที่โลกมนุษย์เด็ดขาด! นายท่านสั่งให้ท่านสำนึกผิดในการกระทำของตัวเอง! ท่านสัญญากับนายท่านไว้แล้วมิใช่หรือขอรับ ท่านเพิ่งจะเขียนจดหมายสำนึกผิดได้แค่คำเดียวเองนะขอรับ! แล้วที่เหลืออีกหนึ่งพันคำล่ะจะทำอย่างไร”
“ข้าก็ไม่อยากไปเหมือนกัน แต่ข้าถูกลักพาตัวต่างหาก เจ้าค่อยบอกท่านพ่อก็แล้วกันว่าข้ายอมสละตัวเองให้กับศัตรูเพื่อประโยชน์ของยมโลก และไม่ต้องตามมาช่วยข้าด้วย ข้าน่าจะสบายดีตอนที่อยู่ที่นั่น” บุตรแห่งราชานรกยักไหล่พร้อมกับหันไปทางชิงหลงและกิเลนอัคคี จากนั้นจึงเร่งทั้งสองว่า “รีบไปกันได้แล้ว”
ลักพาตัวหรือ? เหลวไหล! เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าท่านยอมไปกับเขาด้วยตัวเอง!!! ผู้พิพากษาวิญญาณอาวุโสพยายามกลั้นใจไม่ให้ตวาดใส่บุตรแห่งราชานรก
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู เขาก็ไม่อาจทำให้ยมโลกต้องอับอายขายหน้าได้ นอกจากนั้น หากไม่มีนายน้อยนำทัพ พวกเขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลพวกนี้ได้
ในเวลาเดียวกันนั้น แม้ชิงหลงกับกิเลนอัคคีจะไม่แน่ใจนักว่าทำไมบุตรแห่งราชานรกถึงให้ความร่วมมือกับพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่คิดที่จะปล่อยโอกาสหายากเช่นนี้ให้หลุดมือไป พวกมันจับบุตรแห่งราชานรกหิ้วปีก แล้วจึงหันไปเรียกสัตว์อสูรกลืนเวหา จากนั้นจึงรีบวิ่งตรงไปยังประตูทางเข้ายมโลกพร้อมๆ กัน
ทันทีที่บุตรแห่งราชานรกเข้ามาถึงโลกมนุษย์ เขาก็รีบคว้ากระจกอันเล็กขึ้นมาสำรวจใบหน้าตัวเองทันที “เดี๋ยวก่อน ข้าไปหาเสี่ยวโกวในสภาพนี้ไม่ได้ ข้าต้องทำให้ตัวเองดูดีกว่านี้เสียก่อน เฮ้อ ทำไมเสี่ยวโกวถึงไม่ยอมแต่งงานกับข้านะ ข้ามีเสน่ห์ถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ”
ชิงหลงและกิเลนอัคคีรู้สึกปวดหัวตุบๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่หลงตัวเองเช่นเขา
ในไม่ช้าบุตรแห่งราชานรกจึงรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ เขามองไปที่นางกำนัลที่เพิ่งรีบวิ่งผ่านเขาไป ดวงตาเคลิ้มฝันของเขาหรี่ลงอย่างอันตราย จากนั้นจึงคำรามขึ้นว่า “อะไรกัน ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ในยุคโบราณอีกแล้วล่ะ!” ยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีเสี่ยวโกวของเขาด้วยซ้ำ
“ปล่อยเขาลง” น้ำเสียงลุ่มลึกดังขึ้นจากทางด้านหลังของบุตรแห่งราชานรก
บุตรแห่งราชานรกชะงักกึก เขาลืมไปได้อย่างไรว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลพวกนี้จะเคลื่อนไหวและทำตามคำสั่งก็ต่อเมื่อมีคำสั่งจากราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่ปรากฏกายขึ้นแค่เพียงในยุคโบราณเท่านั้น
เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองจะไม่ได้เจอสุดที่รัก ใบหน้างดงามราวกับตุ๊กตาของเขาก็ห่อเหี่ยวลงทันที เขาถามอีกฝ่ายว่า ท่านมีธุระอะไรกับข้าหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกมาพบบุตรแห่งราชานรกเพียงคนเดียว แล้วถามว่า “ทำไมในบัญชีนรกของยมโลกถึงไม่มีชื่อนางอยู่” สายตาเย็นชาของเขากวาดมองไปทั่วใบหน้าของบุตรแห่งราชานรก
บุตรแห่งราชานรกแค่นหัวเราะ ในดวงตาของเขามีแววตาเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นระหว่างที่ตอบว่า “ท่านรู้เรื่องนี้แล้วสินะ ข้าคิดว่าสมัยนั้นท่านคงยังไม่ทันสังเกต แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในฐานะปีศาจ ท่านเองก็น่าจะรู้ว่ามีแต่เพียงตัวตนพิเศษบางพวกเท่านั้นที่อยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของยมโลก ตัวอย่างของตัวตนพิเศษพวกนั้นยังรวมถึงเทพที่ตกลงมาจากสวรรค์จนกลายเป็นปีศาจอย่างท่านด้วย”
เทพหรือ
ชิงหลงกับกิเลนอัคคีอึ้งกับสิ่งที่พวกมันเพิ่งได้ยิน
เทพอย่างนั้นหรือ
นายท่านของพวกมันเป็นเทพหรือ
ความประหลาดใจอันรุนแรงวาบขึ้นลึกลงไปในดวงตาของพวกมัน
พวกมันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายท่านเป็นเทพ
บางทีแม้กระทั่งนายท่านเองก็อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาถึงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
โดยปกติแล้วเวลาที่เทพตกจากสวรรค์ กระดูกของพวกเขาจะต้องถูกนำออกจากร่าง ร่างกายของพวกเขาจะเริ่มทรุดโทรม และจะสูญเสียกระทั่งความทรงจำไป น้อยคนนักที่จะสามารถเอาชีวิตรอดจากเรื่องนี้ไปได้
แต่นายท่าน...
ตอนที่พวกมันเจอเขาเป็นครั้งแรก ทั่วร่างของเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยพลังปีศาจอันแข็งแกร่ง พวกเขาบอกไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าเขาเคยเป็นเทพมาก่อน
แม้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดสมัยที่ตัวเองเป็นเทพไป แต่เขาก็ยังจำเสียงบทสวดพระพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายและเก้าวันแห่งความโกลาหลได้
“ข้าไม่สนใจเรื่องในอดีต สิ่งเดียวที่ข้าอยากรู้จากเจ้าก็คือตัวตนที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนเวยเวย” สายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนิ่งสงบแต่ก็เป็นประกายโชติช่วงราวกับมีทองคำไหลอยู่ภายใน
บุตรแห่งราชานรกสัมผัสได้ถึงสัญญาณของการกลายร่างเป็นปีศาจในร่างของเขาได้ แต่เขาเองก็ไม่มั่นใจเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนเวยเวยเช่นกัน เขาจึงตอบได้เพียงว่า “ข้าคิดว่านางมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่”
“พลังพุทธคุณของนางแข็งแกร่งกว่าพระบรมสารีริกธาตุ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบอย่างเยือกเย็น
บุตรแห่งราชานรกยักไหล่ แล้วจึงเสริมขึ้นว่า “ข้ารู้เพียงว่าเมื่อชาติก่อน นางคือผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่เจ้าเอาแต่หลบหน้า…”