องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 771 สุดยอดการตอบโต้ของเวยเวย (ตอนที่ 2 การคาดคะเน)
- Home
- องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!
- บทที่ 771 สุดยอดการตอบโต้ของเวยเวย (ตอนที่ 2 การคาดคะเน)
ทุกคนหันไปมองหนีเฟิ่ง
ณ เวลานี้ ทุกคนเข้าใจโดยกระจ่างแล้วว่าคนผิดที่แท้จริงก็คือคุณหนูหนี ไม่ใช่ ’พี่เว่ย’
นิ้วของหนีเฟิ่งกำแน่น แขนเสื้อยาวนั้นช่วยปิดบังเล็บที่กำลังจิกลงไปในฝ่ามือได้เป็นอย่างดี
หนีหู่ไม่สามารถทำตัวอวดดีได้อีกต่อไป และทำได้เพียงถดตัวกลับ เขาเชื่อไม่ลงเลยว่าจะมีใครสามารถเอาชนะพี่สาวของตัวเองได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงสุขุมเยือกเย็นดังเดิม นางเอ่ยขึ้นว่า ”ทีนี้ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าว่าเจ้าสิ่งที่สามารถนำร่างของพวกกัวจื่อมาที่นี่ได้คือตัวอะไร ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงที่นี่ ทุกคนต่างก็สนใจแต่เพียงเรื่องเดียว นั่นคือเรื่องที่ว่าศพพวกนี้มาถึงที่นี่ก่อนพวกเรา เรื่องนี้ทำให้เรามองข้ามจุดสำคัญอย่างสภาพของศพไป”
“เวลาที่คนเราตาย ร่างกายของพวกเขาจะทิ้งร่องรอยต่างๆ ไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ท่าทางอันแปลกประหลาดของศพที่ห้อยอยู่กลางอากาศ แขนขาของพวกเขาราวกับถูกแยกออกเป็นส่วนๆ และห้อยลงมาอย่างผิดธรรมชาติเหมือนกับหุ่นกระบอกที่กำลังถูกเชิด นี่ไม่ใช่เพียงจินตนาการของพวกเรา เพราะร่างของพวกเขาถูกควบคุมอยู่จริงๆ! มีใยชนิดหนึ่งที่แข็งแรงกว่าเชือกที่มนุษย์เราใช้กัน และไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกมันยังเหนียว และสามารถจับเหยื่อของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถมัดพวกเขาได้อย่างแน่นหนาอีกด้วย! ในเวลาปกตินั้นใยจำพวกนี้ยากจะสังเกตเห็นได้ มีเพียงตอนที่ถูกแสงส่องผ่านเท่านั้น ใยพวกนี้จึงจะส่องแสงเป็นประกายสีเงินออกมา”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกคบไฟในมือขึ้น และพยายามส่องไฟให้ถึงร่างที่อยู่ใกล้กับพวกเขาที่สุด เมื่อทุกคนตั้งใจมองดูให้ดี จึงเห็นว่าที่เข่าของศพมีใยสีเงินเส้นเล็กๆ อยู่ ถ้าพวกเขาไม่ได้สังเกตดูให้ดีละก็ พวกเขาย่อมไม่มีทางสังเกตเห็นมันแน่นอน เจ้าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองหนีเฟิ่ง แล้วกล่าวว่า ”ศพของพวกเขาหายไปตอนอยู่ที่ประตูทางทิศตะวันออก แต่ถึงสายลับคนนั้นจะฉวยโอกาสตอนที่เรามองไม่เห็น พวกเขาก็ไม่น่าจะหายตัวไปได้อย่างรวดเร็วจนไม่มีใครในหมู่พวกเรารู้ตัวได้ แต่พอหันหลังกลับมาอีกทีศพของพวกเขาก็หายไปแล้ว ความเร็วนั้นจัดว่าไม่ธรรมดาทีเดียว สิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือไม่ล้วนแต่ต้องทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้บ้าง แต่ที่ประตูทางทิศตะวันออกนั้นกลับไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าจึงรู้สึกเป็นกังวลกับเรื่องนี้อย่างมาก สิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันที่สามารถนำร่างของคนสองคนไปจากที่นั่นได้โดยไม่ต้องปรากฏตัวออกมา ข้านึกไม่ออกจึงไม่เลือกที่จะไปทางประตูทิศตะวันออกนั้น อันที่จริงนั้นหากว่ากันตามตำราฮวงจุ้ยแล้ว ประตูนั้นย่อมอยู่ใกล้กับสุสานหลักที่สุด หึ คุณหนูหนี ตอนที่ท่านเลือกเส้นทางให้กับพวกเรา ท่านดูมีเหตุผลอยู่ในใจหลายข้อทีเดียวมิใช่หรือ ท่านจะช่วยแบ่งปันเหตุผลเหล่านั้นให้พวกเรารู้ได้หรือไม่ว่าทำไมประตูทางทิศตะวันออกถึงเป็นประตูที่อยู่ใกล้กับสุสานหลักที่สุด”
หนีเฟิ่งชะงักไป นางไม่สามารให้คำตอบได้
ทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าตัวเลือกก่อนหน้านี้ของหนีเฟิ่งนั้นมาจากสิ่งที่นางแอบฟังเฮ่อเหลียนเวยเวยพูด
ทำไมประตูทางทิศตะวันออกถึงอยู่ใกล้กับสุสานหลักที่สุดหรือ
นางจะไปรู้เรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร!
หนีเฟิ่งกำมือแน่นขึ้น
ก่อนหน้านี้ทุกคนเพียงจ้องมองนางด้วยความสงสัย แต่ตอนนี้ดวงตาของพวกเขากลับปกคลุมไปด้วยความตกใจ
ที่จริงแล้วคุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนีเอาแต่ขโมยความคิดคนอื่นมาตลอดหรือ
“พี่หญิงขอรับ?” หนีหู่ตื่นตระหนก ใบหน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อซึมชื้น จากนั้นเขาจึงหันไปบอกเฮ่อเหลียนเวยเวยว่า ”พี่เว่ย ท่านอธิบายทุกอย่างมาให้พวกเราฟังตามตรงดีกว่า เลิกถามคำถามพวกนี้กับพี่สาวของข้าได้แล้ว!”
ริมฝีปากบางของเฮ่อเหลียนเวยเวยคลี่ออกเป็นรอยยิ้มในขณะที่นางตอบว่า ”เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว เพราะโดยส่วนมากแมลงกินซากศพจะปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ที่มีคนถูกฝังไว้เป็นจำนวนมาก เดิมทีสุสานหลวงแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามเส้นชีพจรมังกรที่ทอดยาวจากทิศตะวันตกไปจนถึงทิศตะวันออก โดยปกติแล้วนายช่างผู้มีประสบการณ์ย่อมคำนึงถึงเรื่องนี้และกำหนดตำแหน่งของสุสานหลักให้อยู่ในมุมที่ลึกและอยู่ห่างจากเครื่องสังเวยที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นถึงฐานะอันสูงส่งของผู้เป็นเจ้าของสุสานหลวง ข้าเชื่อว่าผู้เฒ่าหลี่ย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าข้าอย่างแน่นอน” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดพร้อมกับมองไปที่ผู้เฒ่าหลี่
ผู้เฒ่าหลี่พยักหน้าเป็นการยืนยันพลางเอ่ยว่า ”น้องเว่ยกล่าวได้ถูกต้อง นายช่างมักจะใช้วิธีการคล้ายๆ กันนี้สำหรับสุสานของบรรดาเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางระดับสูงเพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์เข้ามารบกวนได้ในภายหลัง สุสานของบรรดาเครื่องสังเวยที่อยู่ด้านหน้าจะช่วยปกป้องสุสานจริงที่อยู่ด้านหลัง โจรปล้นสุสานส่วนใหญ่จะไขว้เขวเพราะโลงศพและกับดักที่อยู่ในส่วนหน้าของสุสาน ดังนั้นจึงมีน้อยคนที่จะรอดชีวิตไปจนได้เห็นสุสานหลัก ทางเข้าสุสานหลวงแห่งนี้คือสิ่งที่คนที่แสวงหาถ้ำมังกรก่อนหน้านี้ทิ้งเอาไว้ เมื่อเราไปถึงใจกลางสุสานหลวง ประตูทั้งสี่บานจะปรากฏขึ้น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มแล้วพูดต่อ ”สรุปก็คือสุสานหลักต้องอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับประตูตะวันตก ซึ่งนั่นก็คือประตูทางทิศตะวันออกนั่นเอง! อีกทั้งประตูนี้ยังเป็นประตูที่ใกล้กับสุสานหลักที่สุดอีกด้วย”
เมื่อได้ยินดังนี้ ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายทุกคนก็ถึงกับอึ้งไป
พวกเขาไม่เคยพิจารณาถึงเรื่องตำแหน่งของสุสานมาก่อน แม้ว่าพวกเขาจะได้รับข้อมูลต่างๆ มาตั้งแต่ตอนเริ่มการแข่งขัน แต่พวกเขาก็ไม่เคยใส่ใจกับรายละเอียดเล็กน้อยพวกนั้นเหมือนอย่างนาง
แต่คนแซ่เว่ยผู้นี้กลับเป็นคนละเอียดรอบคอบอย่างมาก เขาสามารถวิเคราะห์ตำแหน่งที่แท้จริงของสุสานหลักได้ทั้งที่มีเบาะแสเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น!
ระดับสติปัญญาและความสามารถในการวางกลยุทธ์เช่นนี้ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก!
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงจับจ้องอยู่ที่หนีเฟิ่ง นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างมีนัยยะ ”ข้าเดาว่าตอนนี้คุณหนูหนีคงรู้สึกสงสัยทีเดียวว่าทำไมข้าถึงไม่พูดคำว่า ’สายลับ’ ออกมา ทั้งที่ข้าเหมือนจะพูดถึงมันก่อนหน้านี้ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะข้าอยากเห็นน่ะสิว่าจะมีใครพยายามขโมยความคิดของข้าอีกหรือเปล่า แล้วก็เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ คุณหนูหนีพูดถึงมันขึ้นมาทันที มิหนำซ้ำยังเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก ดูเหมือนว่าคุณหนูหนีคงจะชื่นชอบในเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศมากทีเดียว”
หลังจากที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดจบ ร่างของหนีเฟิ่งก็สั่นอย่างรุนแรง
มันเป็นกับดักมาตั้งแต่ต้น คนคนนี้จงใจพูดไม่จบเพียงเพื่อล่อนางให้ตกหลุมพราง!
ตอนที่จูเก่ออวิ๋นขึ้นเสียงใส่นาง นางคิดว่าเขาคงติดกับนางเข้าแล้ว
ในเวลานั้นคนแซ่เว่ยพูดได้เพียงครึ่งเดียว แต่นางก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาตั้งใจจะพูดคำว่า ’สายลับ’ ออกมา
หนีเฟิ่งเอ่ยขึ้นเพราะนางมั่นใจในเรื่องนั้นอย่างมาก
แม้จะเผชิญหน้ากับจูเก่ออวิ๋น แต่นางก็ไม่กลัวเขาแต่อย่างใด
เหตุผลง่ายๆ เพราะคนที่พูดเรื่องนี้ออกมาก่อนย่อมได้เปรียบ
คำพูดของจูเก่ออวิ๋นมีแต่จะทำให้กลุ่มของเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง
นางไม่เคยคิดเลยว่าคนคนนี้จะคิดคำนวณเรื่องนี้เอาไว้ตั้งแต่แรก
ถ้าเพียงแค่นางไม่เอ่ยปากขึ้น
เพราะทันทีที่นางเอ่ยปากพูด นางก็ตกลงไปในหลุมพรางของคนคนนี้เสียแล้ว
ถ้านางห้ามตัวเองเอาไว้ในตอนที่จูเก่ออวิ๋นพูด นางก็คงรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ได้ อย่างน้อยก็คงไม่มีใครเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ในเวลานั้นนางคิดว่าอีกฝ่ายตกหลุมพรางของนางแล้ว…
แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่นางคิด
คนคนนี้จงใจไม่ขัดขวางนางในเวลานั้น เพื่อทำให้นางหลงผิดคิดว่าตัวเองชนะแล้ว!