องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 776 เวยเวยตกอยู่ในอันตราย
“ข้ากำลังพูดกับใจของเจ้าโดยตรง และหัวใจของเจ้าบอกข้าว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วย หลังจากผ่านที่แห่งนี้ไปได้ อุโมงค์ถัดไปจะยิ่งมืด แต่ด้านซ้ายของผนังมีคันยกอยู่อันหนึ่ง ทันทีที่เจ้ากดมันลง คนที่อยู่ข้างหน้าเจ้าจะตกลงไปในหลุมที่มีจุดหมายต่างกัน ต่อให้พวกเขาเอาชีวิตรอดได้ แต่พวกเขาก็ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในสถานที่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคย เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าและกลุ่มของตระกูลหนีของเจ้าก็จะได้ขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง ว่าอย่างไร เจ้าพร้อมที่จะลงมือหรือไม่”
หนีเปียวไม่ตอบ แต่ทันใดนั้นก็มีบางอย่างโผล่ออกมาจากใต้ตาของเขา มันเปล่งประกายอย่างน่าขนลุก
แมงมุมดำรู้ว่าอีกฝ่ายถูกความคิดนี้ล่อลวงเข้าแล้ว มันจึงยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า ”วางใจได้ จะไม่มีใครรู้แน่ว่ามันเป็นฝีมือเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นจะดูเหมือนกับว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะคนข้างหน้าทำให้กับดักสักประเภทในสุสานหลวงแห่งนี้ทำงาน…”
“ตกลง” หนีเปียวตัดบทแมงมุม ”แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะฆ่าสองคนนั้นให้ได้!”
“แน่นอน” แมงมุมดำกระตุกยิ้มพลางเอ่ยตอบ แต่มันก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะท้าทายชายลึกลับผู้มีฐานะเป็นปริศนาคนนั้น เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย มันจึงเพียงแค่ควบคุมมนุษย์คนนี้ที่ถูกปราณแห่งความเคียดแค้นทำลายไปแล้วเท่านั้น มันต้องดึงดูดความสนใจของชายคนนั้นไปอีกทาง มันถึงจะได้ลิ้มรสชาติของทารกที่มันปรารถนามาแสนนานเสียที
เมื่อคิดได้ดังนี้ แมงมุมดำก็แลบลิ้นเลียริมฝีปาก มันรอไม่ไหวอีกต่อไป…
ไม่มีใครได้ยินข้อตกลงระหว่างหนีเปียวกับสัตว์อสูรตนนั้น แม้กระทั่งหนีหู่ผู้เป็นบุตรชายก็ยังไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ท่านพ่อของเขาถึงได้หยุดอย่างกะทันหัน…
ทุกอย่างดูปกติดีหากมองเพียงผิวเผิน บรรดาผู้ขับไล่วิญญาณร้ายมุ่งหน้าเข้าสู่อุโมงค์ยาวทีละคน
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ อุโมงค์นี้ตรงกับที่หนีเปียวได้ยินมาทุกประการ มันทั้งมืดและแคบอย่างมาก ทั้งยังผ่านได้เพียงแค่ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น คนที่ตัวใหญ่กว่านั้นสักหน่อยต้องตะแคงตัวเข้าไป
แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องทำ เพราะนี่คือเส้นทางเส้นเดียวที่เหลืออยู่
สมัยที่เฮ่อเหลียนเวยเวยยังอาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันนั้น นางเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการบุกค้นสุสานมามากมาย โดยปกติแล้วแผนผังทั้งหมดของสุสานหลวงมักจะเชื่อมต่อถึงกัน การเจออุโมงค์แคบๆ เช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าสุสานหลักอยู่ใกล้ๆ นี้นี่เอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าการอยู่ในสุสานหลวงเป็นเวลานานไม่ใช่ความคิดที่ฉลาด นางไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่ห่วงลูกที่ยังไม่เกิดมากกว่า เพราะลูกของนางอาจจะได้รับผลกระทบระหว่างที่อยู่ในสุสานหลวงก็เป็นได้
ทารกที่ตัวเล็กกว่าได้รับผลกระทบนั้นอย่างชัดเจน ยิ่งนางเดินลึกเข้าไปในสุสานหลวงเท่าใด วิญญาณของเขาก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น
ส่วนทารกที่ตัวโตกว่านั้น... เขากำลังซ้อมหมัดอยู่ในท้องของนางพร้อมกับกวาดสายตามองรอบข้างเพื่อหาวิญญาณกินไปด้วย จากนั้นเขาจึงกอดทารกที่ตัวเล็กกว่าด้วยท่าทางเยือกเย็น แล้วเอ่ยขึ้นว่า ”รอให้เราออกไปจากที่นี่ได้ก่อนเถอะ พี่จะแบ่งพลังวิญญาณที่ได้มาจากท่านแม่ให้กับเจ้า เพราะเจ้าจำเป็นต้องกินให้มากกว่านี้”
“อืม” ทารกที่ตัวเล็กกว่าอ่อนแออย่างมาก เขารู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัวอย่างประหลาด ราวกับว่ามีตัวอะไรสักอย่างกำลังจับตามองพวกเขาอยู่อย่างเงียบๆ
ทารกที่ตัวโตกว่าดูจะสังเกตเห็นความกังวลของทารกที่ตัวเล็กกว่า ดังนั้นเขาจึงจูบหน้าผากของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล แล้วปลอบเขาว่า ”เลิกคิดมากได้แล้ว พี่อยู่นี่”
ทารกที่ตัวเล็กกว่า : ดูเหมือนพี่ชายของเขาจะได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่มาหลายคำ เขารู้จักแม้กระทั่งคำว่า ’คิดมาก’ แต่นี่เป็นคำที่เหมาะสมในสถานการณ์นี้หรือ เอ่อ…
ทารกที่ตัวโตกว่าเข้าใจความลังเลของทารกที่ตัวเล็กกว่าว่านั่นเป็นการชื่นชม เขาดีใจจนยืดอกออกมาอย่างเต็มภาคภูมิ
ทารกที่ตัวเล็กกว่าพูดไม่ออก…
ช่างเถอะ แทนที่จะเปิดเผยพี่ชายตัวเอง สู้ให้เขามีความสุขต่อไปเช่นนี้จะดีกว่า!
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในท้อง นางจึงลูบหน้าท้องของตัวเองก่อนจะเดินต่อ
ตรงกันข้ามกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาใช้นิ้วเรียวของตัวเองดึงนางกลับมา จากนั้นจึงชี้ไปทางด้านหลังของตัวเอง แล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงจริงใจที่เขาจะใช้พูดกับเฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงคนเดียวเท่านั้นว่า ”เจ้าโง่หรือไร ถึงได้รีบเดินขึ้นไปข้างหน้าเช่นนั้นอยู่เสมอ ไปยืนข้างหลังแล้วเดินตามข้า”
“อืม” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าองค์ชายกำลังปกป้องนางอยู่ แม้ว่าวิธีการที่องค์ชายใช้มักจะผิดแปลกจากคนอื่นอยู่เสมอ แต่มันก็ยังพอรับได้เพราะนางเข้าใจเจตนาของเขาดี
ทั้งสองเดินไปพร้อมกันโดยมีคนหนึ่งอยู่ข้างหน้าและอีกคนอยู่ข้างหลัง ทีแรกพวกเขาจับมือกัน แต่การทำเช่นนั้นไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนักเมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยต้องใช้มืออีกข้างถือคบไฟไปด้วย อีกทั้งนางยังต้องตะแคงตัวเดินอยู่หลายครั้ง
ในไม่ช้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็สังเกตเห็นว่านางเหนื่อย ดังนั้นเขาจึงเตือนนางว่า ”ระวังเท้าของเจ้าให้ดี” จากนั้นเขาจึงปล่อยมือจากเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ นางมีฝีมือวรยุทธ์เก่งกาจ และยังเป็นคนมีไหวพริบ ระหว่างที่เดินอยู่นั้นนางจะคอยสังเกตพื้นอยู่เสมอ ดังนั้นนางจึงสังเกตเห็นกับดักและสามารถหลีกเลี่ยงพวกมันได้อย่างทันท่วงที
แต่นางไม่รู้เลยว่าอันตรายไม่ได้อยู่ข้างหน้า แต่กลับอยู่ข้างหลัง
ทันใดนั้น เสียงดังปังก็สะท้อนไปทั่วทั้งอุโมงค์!
ทุกคนร่วงจากพื้นก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว
ความมืดมิดเข้าปกคลุมทัศนวิสัยของพวกเขาในทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงกรีดร้องเสียดหูก็พลันดังก้องไปทั่วสถานที่อันไร้ซึ่งแสงสว่างนั้น
ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยร่วงลงมา นางก็ยังไม่ลืมที่จะปกป้องท้องของตัวเอง
ทันทีที่ลงมาถึงพื้น นางก็รีบใช้แขนเพื่อลดแรงกระแทกนั้น
แม้นางจะสามารถปกป้องท้องของตัวเองเอาไว้ได้ แต่กระดูกบางส่วนของนางก็หักอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้
แต่การลงพื้นของนางก็ยังดีกว่าคนที่ไม่รู้จักวิธีลงพื้นอย่างถูกต้อง
ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะสูญเสียพลังวิญญาณและพลังปราณที่ป้องกันร่างกายไปจนหมด แต่นางก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดได้เพราะประสบการณ์มากมายที่สั่งสมมา กระนั้นนางก็ยังต้องสละแขนไปข้างหนึ่ง แขนข้างนั้นไม่สามารถใช้การได้จากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่นางก็บรรลุจุดประสงค์ในการปกป้องลูกในท้อง และนั่นเป็นเรื่องที่ต้องมาก่อนเรื่องอื่น
อีกด้านหนึ่ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับไม่ได้ทำตัวตามสบายเหมือนอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวย
ขาของเขาลอยอยู่ในอากาศขณะที่ดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้า เสื้อคลุมสีดำของเขาสะบัดอยู่รอบตัวจนเกิดเป็นเสียงดังฟังชัดทำลายความเงียบสงบของสุสานหลวงราวกับสังเกตได้ถึงกลิ่นอายแห่งปีศาจของผู้เป็นนาย
ในเวลานั้น วิญญาณคนตายเกือบทั้งหมดในสุสานหลวงต่างก็เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ใครเข้ามาในสุสาน!
ทำไมพวกเขาถึงได้รู้สึกหวาดกลัวถึงเพียงนี้!
ความหวาดกลัวอันรุนแรงแล่นพล่านไปทั่วเส้นเลือดของพวกเขา ก่อนพุ่งตรงเข้าจับเข้าที่ขั้วหัวใจ ทำให้พวกเขาทรุดลงไปนั่งคุกเข่าอย่างขลาดกลัว
ไม่มีใครตอบได้!
แม้แต่หนีเปียวก็ยังคิดไม่ถึงว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาจะรอดพ้นจากกับดักเมื่อครู่นี้ได้ เขาต้องว่องไวเพียงใดถึงทำเช่นนี้ได้?
ฝีมือของเขายอดเยี่ยมยิ่งนัก มันเยี่ยมเสียจนแทบจะเหนือมนุษย์เลยทีเดียว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่สนใจคนที่อยู่รอบตัว เขาหรี่ตาลงแล้วพุ่งตัวไปทางด้านซ้ายของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้น แมงมุมสีดำไม่รู้ตัวเลยว่ามันได้ยั่วโมโหคนที่มันไม่ควรยุ่งเข้าเสียแล้ว มันจ้องมองเหยื่อที่ตกลงมาจากด้านบนอย่างหิวโหย น้ำลายไหลย้อยลงมาตามช่องว่างระหว่างฟันของมัน…
ตอนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยร่วงลงมาถึงพื้น นางก็รู้สึกได้ว่าที่ด้านหลังของนางมีอะไรบางอย่างอยู่ นางรีบพลิกตัวแล้วมองไปที่เงามืดนั้นทันทีโดยไม่สนใจอาการเจ็บที่แขนของตัวเองแต่อย่างใด!