องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 781 เวยเวยเดาเรื่องลูกๆ ถูก
ปั้ก!
สุดท้าย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็กระทืบเท้าลงบนท้องของแมงมุมพิษ!
เขาไม่จำเป็นต้องออกแรงมากนักเพื่อให้แมงมุมพิษรู้สึกทรมาน เพราะมันกำลังจะตาย และในคอของมันก็ยังมีเลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นมันต้องตายอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ นางคิดกับตัวเองว่าแมงมุมตัวนี้คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งมันจะต้องตายเพราะกินอาหารมากเกินไป
อันที่จริงแล้ว การตายจากการกินอาหารมากเกินไปนั้นทั้งช้าและยังเจ็บปวดกว่าการตายเพราะบาดแผลนับพันเสียอีก
แมงมุมพิษกลั้นหายใจชั่วขณะ ในเฮือกสุดท้ายของชีวิต มันอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ต่อ!
หลังจากจัดการแมงมุมพิษตัวนั้นเสร็จ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงหันกลับมาอีกครั้ง เวลานี้บนใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มอยู่เลยแม้แต่น้อย ทันทีที่สายตาของเขาหยุดลงที่บาดแผลของเฮ่อเหลียนเวยเวย ขนนกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พลันร่วงหล่นลงมาที่ด้านหลังของเขา แม้กระทั่งหินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ยังเริ่มมีรอยร้าวปรากฏขึ้น!
“ถ้าข้าหาเจ้าไม่เจอ ข้าจะจัดการทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่อยู่ในนี้ให้เกลี้ยง” น้ำเสียงของเขายังคงเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังแผ่วเบาจนไม่มีใครสามารถอ่านอารมณ์ของเขาออก
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ดีว่าในเวลานี้ เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ
เมื่อได้เห็นสภาพของกำแพงหินที่เขาทะลวงผ่านมา เป็นใครก็คงบอกได้ทั้งนั้น
นางเข้าใจอย่างชัดเจนว่าต่อให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะดูบริสุทธิ์และสง่างามเพียงใด แต่ลึกๆ แล้วเขาทั้งมืดมนและโหดเหี้ยม
มันขึ้นอยู่กับเขา ว่าเขาจะเลือกแสดงด้านใดให้โลกเห็น
เวลาที่นางอยู่ด้วย เขาจะล้างคราบเลือดจากคนที่ตัวเองฆ่าให้เสร็จเสียก่อน แล้วถึงจะยอมให้นางลืมตาขึ้น
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการรักษาภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดในใจของนางเอาไว้ หรือไม่ก็พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองทำอะไรมากเกินไปเพียงเพราะมีนางอยู่ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นตอนที่หนีหู่ท้าทายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าองค์ชายอยู่คนเดียว เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องคิดให้ยากเลยว่าการตายของหนีหู่จะน่าสมเพชเพียงใด
องค์ชายย่อมมีความสามารถพอที่จะทำให้เขาทุกข์ทรมานเหมือนกับแมงมุมพิษตัวนี้ เขาจะต้องทรมานจนถึงจุดที่ขอยอมตายเพื่อให้พ้นจากความทุกข์นี้
ไม่ว่าจะเป็นแม่แท้ๆ ของเขา หรือจะเป็นพ่อของเขา ทั้งสองต่างก็เกลียดชังเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก
ใช่ว่านางจะไม่เคยเห็นว่าเขาในวัยเด็กเป็นอย่างไร แต่เพราะนางเคยเห็นมันมาก่อน นางจึงสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดใจนี้ได้
บางที นี่อาจจะเป็นความรู้สึกของการรักใครสักคน
ต่อให้เขาจะเป็นฆาตกรที่เคยเข่นฆ่าผู้คนมามากมาย แต่สิ่งเดียวที่เราเป็นห่วงกลับเป็นความรู้สึกของเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยกางแขนกอดองค์ชาย พร้อมเอ่ยว่า ”ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร ท่านมาได้ทันเวลาพอดี”
ร่างสูงของชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย ก่อนความเกลียดชังทั้งหมดจะแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนในขณะที่เขาค่อยๆ ยื่นมือออกมา จากนั้นเขาจึงกดศีรษะของนางให้จมลงในอ้อมกอดของตัวเอง ริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากันระหว่างเอ่ยว่า ”มาพูดเอาใจข้าตอนนี้ก็สายไปแล้ว แต่เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”
ประโยคสุดท้ายนั้นเขาพูดกับตัวเอง
ตอนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยหายตัวไป ในที่สุดไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ได้ลิ้มรสความรู้สึกเสียใจที่มนุษย์เคยพูดถึง
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ
เขาก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจในการกระทำตัวเองมาก่อน
ไม่เคยมีสิ่งใดรอดพ้นจากการควบคุมของเขาไปได้
แต่ในเวลานั้นเขากลับรู้สึกเสียใจ เขาตำหนิตัวเองที่ไม่จับมือของมนุษย์ผู้โง่เขลาคนนี้ไว้ และยังเสียใจที่ตัวเองไม่ได้ตามหาแมงมุมตัวนี้ แล้วฆ่ามันทิ้งตั้งแต่แรก!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้แน่นขึ้น น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำเป็นราวกับทรายดูด ”ข้าควรจับเจ้าขังเอาไว้ เจ้าจะได้ไปไหนไม่ได้”
“ท่านคงทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะข้าจำเป็นต้องหาพระสรีระมาป้อนให้ลูกเรากิน” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างงดงาม จากนั้นนางก็เหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาที่เฉียบแหลมของนางหรี่ลงทันที ”ทำไมแมงมุมตัวนั้นถึงบอกว่าในท้องของข้ามีพลังวิญญาณอยู่เต็มเปี่ยมล่ะ มันควรจะเป็นพลังปีศาจไม่ใช่หรือ แปลกจริงๆ!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้ว ”พูดอีกอย่างก็คือ ที่เจ้าถูกมันหมายตาก็เพราะลูกในท้องนี่เอง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบราวกับยืนยันว่า ”ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนี้เสียหน่อย”
“ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าหนูนี่เป็นตัวปัญหาทั้งที่ยังไม่เกิด” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่พอใจเด็กชายมานานแล้ว ต่อให้เด็กคนนี้จะเป็นลูกของเขา แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดเกลียดอีกฝ่ายได้
ทารกที่ตัวโตกว่าได้ยินสิ่งที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูด แล้วรีบค้านทันทีว่า ”ถ้าจะมีใครเป็นตัวปัญหา ก็ท่านพ่อนั่นแหละ!”
ทารกที่ตัวเล็กกว่าไม่ตอบ เขาก้มหน้าลงเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ทารกที่ตัวโตกว่ายังเยาะต่อว่า ”ถ้าไม่ใช่เพราะความเสน่ห์แรงของท่านพ่อในสมัยก่อน ตอนนี้ก็คงไม่มีพระชายาตัวปลอมโผล่มาแย่งพระสรีระแข่งกับท่านแม่ นอกจากก่อเรื่องในเมืองหลวงแล้ว นางไม่ได้แค่รบกวนท่านแม่ แต่ยังทำให้ข้าต้องแปดเปื้อนปราณหยินไปด้วย! เพราะอย่างนั้นท่านแม่ถึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเข้ามาในสุสานนี่…”
“ทั้งหมดเป็นเพราะข้าขอรับ” ทารกที่ตัวเล็กกว่าขัดทารกที่ตัวโตกว่าอย่างสิ้นหวัง ”ถ้าไม่ใช่เพราะข้า ท่านแม่ก็คงไม่เสียทั้งพลังวิญญาณและพลังปราณของตัวเองไป ข้าลองคิดดูแล้วขอรับ ท่านพี่มักจะกินสิ่งที่ท่านจับมาได้จากข้างนอก แต่ข้าต้องอาศัยพลังวิญญาณถึงจะคงรูปลักษณ์ในปัจจุบันเอาไว้ได้ ท่านแม่สูญเสียพลังวิญญาณไปตอนที่ร่างของข้าก่อตัวขึ้น ไม่ใช่แค่นั้น แมงมุมพิษตัวนั้นก็ยังหมายตาท่านแม่เพราะมันได้กลิ่นข้า ถ้าไม่มีข้าอยู่ ท่านแม่ก็คงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้”
ทารกที่ตัวโตกว่าทำได้เพียงแค่มองทารกที่ตัวเล็กกว่าอย่างเงียบๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากนั้น เขาจึงกอดทารกที่ตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขน ความอวดดีของเขาหายไปจนหมด เหลือไว้เพียงความอ่อนโยน ”ถ้าเจ้าคิดอย่างนั้น เช่นนั้นคนที่ไม่ควรจะมีตัวตนอยู่ก็คือข้าต่างหาก ตอนนี้แค่การที่มีข้าอยู่ในท้องก็นำปราณหยินอันมหาศาลมาให้นางแล้ว ตอนที่ข้าเกิด ข้าอาจจะไม่ได้เพียงแค่สูญเสียสติสัมปชัญญะของตัวเองไป แต่ยังมีโอกาสสูงทีเดียวที่ข้าจะทำร้ายท่านแม่ของเราด้วย ทุกครั้งที่ข้าคิดเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกว่าสู้ให้ข้าอยู่ในท้องท่านแม่ตลอดไป หรือไม่มีตัวตนเลยเสียยังดีกว่า อย่างน้อยหากเป็นเช่นนั้น ท่านแม่ก็จะได้ไม่เป็นอันตราย”
“ไม่นะขอรับ ท่านต้องอยู่ที่นี่” ทารกที่ตัวเล็กกว่าก้มหน้าลงอีกครั้ง ”ท่านทำประโยชน์ได้มากนักขอรับ ท่านสามารถปกป้องท่านแม่ในยามคับขันได้”
ทารกที่ตัวโตกว่าไม่ได้ตอบ
ทารกที่ตัวเล็กกว่าก็เงียบไปเช่นกัน
ทั้งสองกอดเพื่อให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน แต่พวกเขาไม่อาจต้านทานความคิดที่อยู่ในใจของตัวเองได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบท้องของตัวเองราวกับรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นได้ นางดูอ่อนโยนยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก สองตาของนางจับจ้องอยู่ที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ขณะอ้าปากขึ้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระจ่างใสว่า ”เขาไม่ได้เป็นปัญหา เขาเป็นคนที่ข้ารักที่สุดรองลงมาจากท่าน”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้เตรียมตัวมาเจอกับคำสารภาพรักอย่างกะทันเช่นนี้ เขายื่นมือออกไปปิดตาของเฮ่อเหลียนเวยเวย ก่อนจะแนบริมฝีปากบางของเขาเข้ากับปากของนาง ลมหายใจของเขาอุ่นร้อน
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพลิดเพลินกับกลิ่นของใบป๋อเหอที่ตัวเองคุ้นเคย แล้วเอนกายลงในอ้อมแขนของเขา นางปล่อยให้เขาดูแผลให้ นิ้วของนางอาจจะไร้เรี่ยวแรง แต่นางก็ยังไม่ลืมที่จะบอกว่า ”ท่านคิดอยู่เสมอใช่หรือเปล่าว่าลูกของเราเป็นปีศาจ”
“อืม” ดวงตาอันลึกล้ำของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจับจ้องอยู่ที่ข้อเท้าที่ยังมีเลือดไหลอยู่ของเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้ว ”แต่แมงมุมพิษบอกว่าเด็กที่อยู่ในท้องของข้ามีพลังวิญญาณและประสาทการรับกลิ่นของมันก็น่าจะแม่นยำทีเดียว นอกเสียจากว่า…”