องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 832 เรามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ ดีหรือไม่
หงส์เพลิงเก็บกระบอกใส่น้ำศักดิ์สิทธิ์ลงในกระเป๋าพร้อมกับจ้องหน้าเขา
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองนั้นไม่ได้ใกล้กันเกินไปนัก แต่มันกลับให้ความรู้สึกคลุมเครือยากจะอธิบายได้
เพียงแค่ยืนอยู่บนบันไดยาว รูปลักษณ์อันโดดเด่นของทั้งสองก็สามารถก่อความปั่นป่วนให้กับทุกคนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาเป็นถึงตัวแทนของภพสวรรค์และพระพุทธศาสนาอีกด้วย
”กับคนนอนอยู่กับข้าทั้งคืนแล้วหนีไปในวันรุ่งขึ้น ข้าคิดว่าการทักทายนี้ย่อมเหมาะสมแล้ว” ตี้จวินมองนางอย่างเย็นชา เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับโน้มตัวลงอีกครั้ง เงามืดปกคลุมอยู่ในดวงตาของเขา จากนั้นเขาจึงพูดกับนางด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาที่มีแค่เพียงนางกับเขาได้ยินว่า ”หงส์เพลิง ไม่เคยมีใครบอกเจ้ามาก่อนหรือว่าหากเจ้าหลับนอนกับใคร เจ้าต้องรู้จักรับผิดชอบ”
รับผิดชอบหรือ หงส์เพลิงขมวดคิ้ว ”สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ควรเป็นความรับผิดชอบของข้า”
”หืม? เช่นนั้นข้าคงจำผิดไปเอง เจ้าเป็นคนขอร้องให้ข้าอ่อนโยนกับเจ้าให้มากขึ้นมิใช่หรือ” ชายหนุ่มเชยคางของหงส์เพลิงขึ้นด้วยใบหน้าอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ”หงส์เพลิง ใครสอนให้เจ้าหลีกหนีความผิดของตัวเองหรือ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด หงส์เพลิงก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วเหลือบตามองเขา นางปัดมือของเขาออก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า ”เราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะอาหารที่มีเนื้อสัตว์ปะปนอยู่นั่น มันก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านอย่าทำเหมือนกับไม่รู้ว่าข้ากินเนื้อสัตว์ไม่ได้”
หงส์เพลิงละสายตาออกจากเขาทันทีที่พูดจบ นางซ่อนคางของตัวเองเอาไว้ใต้เสื้อคลุมตามนิสัย เป็นสัญญาณบอกว่าบทสนทนาได้จบลงแล้ว จากนั้นนางจึงสาวเท้าเดินต่ออย่างไม่แยแส ราวกับไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
สายตาของชายหนุ่มจมลึกขณะมองร่างสีแดงเข้มเพียงหนึ่งเดียวของพระพุทธศาสนา
เขาคิดว่าหงส์เพลิงจะเผยปฏิกิริยาอะไรออกมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธหรือความละอายใจก็ตาม
แต่นางกลับไม่แสดงพวกมันออกมาแต่อย่างใด ซ้ำยังมีท่าทีเฉยเมยเสียอีก
ชายหนุ่มโยนพระไตรปิฎกในมือทิ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของเขา สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงแค่ดวงตาเย็นชาและริมฝีปากบางที่เม้มเข้าหากันจนกลายเป็นเส้นตรง คิ้วของเขาดกหนา จมูกของเขาโด่งรั้น และดวงตาของเขาราวกับถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอก
ดอกบัวทองคำอยากพูดอะไรกับเขา แต่ก่อนที่นางจะทันได้ทำเช่นนั้น ชายหนุ่มก็เดินจากไปพร้อมกับบรรดาปีศาจหน้าตาดุร้ายที่ด้านหลัง กลิ่นอายคุกคามแผ่ออกมาจากร่างของเขาในเวลานั้น พวกมันกลืนกินคัมภีร์สันสกฤตอันแข็งแกร่งและแสงแห่งพระพุทธคุณทันที
สามเณรน้อยหันกลับไปมองชายหนุ่มหลายต่อหลายครั้งตลอดทาง หลังจากหงส์เพลิงกลับมาถึงอาราม เขาก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ไหวว่า ”พระอรหันต์ขอรับ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างท่านกับตี้จวินกันแน่ขอรับ มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร”
”ไม่มีอะไร” หงส์เพลิงเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากพูดจบ นางหยิบคู่มือออกมาแล้วบรรจงขีดฆ่าข้อความที่อยู่บนนั้นอย่างระมัดระวัง
สามเณรน้อยชะโงกหน้าเข้าไปดู คิ้วของเขาขมวดแน่นกว่าเดิม ”ในฐานะฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่า เราต้องทำสงครามเย็นกับคนรักของตัวเองสักครั้ง พระอรหันต์ นี่มันอะไรกันขอรับ”
”มันคือคู่มือสำหรับคู่รักชาวมนุษย์” หงส์เพลิงก้มหน้าลงเพื่อเก็บคู่มือ ไหนๆ นางก็ไม่ลงรอยกับคนคนนั้นอยู่แล้ว นางคงเสียเปรียบน่าดูหากไม่ได้ขีดฆ่าข้อความที่อยู่บนคู่มือฉบับนั้น
สามเณรน้อยเกาด้านหลังศีรษะโล้นเตียนของตัวเอง เขาไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าสิ่งนี้โผล่มาจากที่ไหน
แต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้ เห็นทีครั้งหน้าตอนที่ตี้จวินมาเยี่ยมเยือนพระพุทธศาสนา ทุกอย่างคงไม่ได้สงบสุขเหมือนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
ต่อไปเขาคงต้องเอาใจพระอรหันต์ให้มากๆ และเลี่ยงไม่ให้พวกเขาต่อสู้กัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงได้ถูกกักบริเวณอีกเป็นแน่
หงส์เพลิงเข้าใจถึงความกังวลของสามเณรน้อย นางเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ”เขาคงไม่มาที่นี่อีกแล้ว”
”เขาจะไม่มาที่นี่อีกหรือขอรับ” ดวงตาของสามเณรน้อยเบิกกว้าง ”ทำไมล่ะขอรับ”
ความโอหังของคนคนนั้นย่อมไม่ยอมให้ใครปฏิเสธตัวเองเป็นหนที่สอง ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์เช่นใด แต่ผลที่ออกมาก็จะยังเป็นเช่นเดิม
ที่สำคัญ เขาก็แค่ไม่ชินกับความจริงที่ว่านางเป็นคนแรกที่ทิ้งเขาหลังจากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นเมื่อคืน
ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
หงส์เพลิงตอบตัวเองเงียบๆ ในใจ นางคลี่พระไตรปิฎกในมือออกและไม่ได้พูดอะไรต่อ นางก้มหน้าลงพร้อมกับเริ่มสวดมนต์ ความเงียบนั้นทำให้ใครยากจะสังเกตเห็นตัวตนของนางได้
เป็นอย่างที่หงส์เพลิงคาดการณ์ไว้ ตั้งแต่วันนั้นตี้จวินก็ไม่ได้มาเยี่ยมเยือนพระพุทธศาสนาอีกเลย
ในที่สุดสามเณรน้อยก็สบายใจ เขาใช้ขาสั้นๆ นั้นเดินตามหลังหงส์เพลิง และกำลังจะนำน้ำศักด์สิทธิ์มาให้กับพระอรหันต์
น่าแปลกทีเดียว เขาถามเซียนจากภพสวรรค์มาแล้วถึงสามคน แต่ทุกคนกลับบอกว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ขายหมดเสียแล้ว
ยิ่งกว่านั้น น้ำที่หมดไปไม่ได้ขายให้กับคนของพระพุทธศาสนา แต่กลับขายให้กับตี้จวินที่มาจากภพสวรรค์เหมือนกัน และยังเป็นคนที่ไม่เคยขาดแคลนน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านั่นอีกด้วย
สามเณรน้อยถึงกับงง ”พระอรหันต์ขอรับ ตี้จวินซื้อน้ำศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนั้นไปทำไมกันหรือขอรับ”
”เขาอยากให้ข้าเป็นฝ่ายไปหาเขาก่อน” น้ำเสียงของหงส์เพลิงแผ่วเบา จากนั้นนางก็หันกลับไปมองสามเณรน้อย ”ไม่ต้องไปร้านอื่นหรอก มุ่งหน้าไปที่ตำหนักเทพเลยก็แล้วกัน” ต่อให้พวกเขาทำการค้นหาต่อ แต่ผลก็คงจะเหมือนเดิม ด้วยนิสัยของชายคนนั้น การที่เขาจะทำเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
น้ำศักดิ์สิทธิ์มารวมกันอยู่ที่ที่เดียวเหมือนอย่างที่นางคิด
ราวกับชายหนุ่มคาดการณ์การมาถึงของนางเอาไว้แล้ว เมื่อเซียนที่อยู่ที่นั่นเห็นนาง เขาก็รีบเดินนำทางนางเข้าไปข้างในทันที
จุดหมายปลายทางนั้นคือห้องบรรทมที่พวกเขาอยู่ด้วยกันเมื่อคืนก่อน
ชายหนุ่มอาจจะจงใจ เขาไม่ได้ปลดโซ่ที่นางทำลายในวันนั้นออก แต่กลับทิ้งมันไว้ที่เดิม
ชายคนนั้นนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง เขามองนางด้วยแววตาเฉยเมยทั้งๆ ที่ยิ้มอยู่ ”หงส์เพลิง เจ้าคงคุ้นเคยกับที่นี่ดี”
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้ามาถึงห้องบรรทมภายในตำหนักเทพได้ ดังนั้นทั้งเซียนคนอื่นและสามเณรน้อยจึงต้องรออยู่ข้างนอก
ชายหนุ่มเป็นตัวอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หงส์เพลิงไม่กลัวเขา นางเดินตรงเข้าไปหาตี้จวิน แล้วหรี่ตาลง ”ท่านต้องการอะไร”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง เขาผุดลุกขึ้นแล้วคว้ามือของนางไว้ ก่อนดึงนางเข้ามา ชายหนุ่มโยนร่างของนางลงบนเตียงที่อยู่ถัดจากพวกเขา แล้วใช้แขนทั้งสองข้างคร่อมนางเอาไว้ เขาโน้มตัวเข้าหานาง และถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า ”เจ้าคิดว่าข้าต้องการอะไรหรือ”
ลมหายใจของทั้งสองสอดประสานเข้าด้วยกัน หน้าอกของพวกเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนกับจะมีอะไรกระโจนออกมา…
ดวงตาหงส์อันใสกระจ่างของหงส์เพลิงจ้องตรงไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย นางไม่ได้พยายามหลบเลี่ยงหรือซ่อนตัวจากเขาแต่อย่างใด ”ถ้าท่านอยากทำเรื่องเช่นนั้น ก็ยังมีคนจากหกภพภูมิอีกมากมายที่ยินยอมพร้อมใจจะทำมันร่วมกับท่าน ไม่ต้องมาหาข้า ข้าไม่ชอบ”
”ไม่ชอบจริงหรือ” ชายหนุ่มก้มหน้าลง เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับริมฝีปากบางเข้าไปใกล้ใบหูของนางเหมือนพยายามที่จะมอบจุมพิตให้กับมัน บรรยากาศในเวลานี้ดูเย้ายวนอย่างมาก ”แต่ปฏิกิริยาของเจ้าในวันนั้นไม่ได้บอกว่าเจ้าไม่ชอบนี่”
หงส์เพลิงเผลอหดคอกลับอย่างเผลอตัวเพื่อหลบลมหายใจของเขา แต่ร่างของนางยังคงถูกชายหนุ่มตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนา ชายหนุ่มแนบหน้าผากของตัวเองเข้ากับนาง พร้อมกับเริ่มส่งยิ้มที่สามารถทำให้หัวใจของทุกคนอบอุ่นให้กับนาง ”หงส์เพลิง พวกเรามาอยู่ด้วยกันจริงๆ ดีหรือไม่ เจ้าชอบสิ่งที่เขียนอยู่ในคู่มือฉบับนั้นมิใช่หรือ ในเมื่อพวกเราได้ทำในสิ่งที่เราควรทำไปแล้ว ทำไมพวกเราไม่มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ เสียเลยล่ะ”
อยู่ด้วยกันจริงๆ หรือ การเคลื่อนไหวของหงส์เพลิงหยุดชะงัก ดวงตาของนางมองตรงเข้าไปในดวงตาลึกล้ำราวกับรัตติกาลของชายหนุ่ม ลมหายใจอันสม่ำเสมอของนางพลันเริ่มเปลี่ยนไป…