องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 835 เกม
ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนรู้ว่าหงส์เพลิงเป็นคนเดียวที่อยู่ในสายตาของตี้จวิน แต่ก็ยังมีหญิงสาวหลายคนที่ยังคิดที่จะเข้ามาแทนที่นาง
สมเด็จที่ประทับอยู่บนดอกบัวเรียกหงส์เพลิงเข้าไปหาที่แดนอรูปภูมิ
เมื่อพระศากยมุนีเสด็จสู่ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าจะต้องเสด็จผ่านพุทธกัลป์ซึ่งจะอุบัติขึ้นทุกๆ หนึ่งหมื่นปีเพื่อกลับคืนสู่ฐานะเดิม
ดังนั้นหงส์เพลิงจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ชำระล้างบาปทั้งปวงในช่วงระยะเวลานั้น
ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
หงส์เพลิงถือดาบวงพระจันทร์ไว้ในมือ นางยืนอยู่กลางเมฆที่ลอยอยู่ภายในตำหนักต้าสยงพร้อมรับฟังการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนรกอย่างเงียบๆ
”ทะเลเลือดกลับมาแล้ว หงส์เพลิง ถึงตาเจ้าแล้ว อย่าได้พ่ายแพ้ให้กับภพสวรรค์อีก” สมเด็จพูดกับนางขณะพึมพำออกมาว่า อมิตาพุทธ
พระพุทธเจ้าจะเสด็จกลับมาได้ก็ต่อเมื่อทะเลเลือดได้รับการกวาดล้างแล้วเท่านั้น
หงส์เพลิงเข้าใจเรื่องนี้ดี นางรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของพระพุทธเจ้าที่นำทางนางจากนรกมาจนถึงพระพุทธศาสนา
ความรู้สึกนั้นทำให้หงส์เพลิงทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายโดยไม่แม้แต่จะปริปาก
แต่ครั้งนี้…
หงส์เพลิงเหลือบมองดาบวงพระจันทร์ของตัวเอง
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต นางคงลงไปที่นรกทันทีโดยไม่ลังเล
แต่เวลานี้พลังธรรมะของนางยังฟื้นกลับมาไม่เต็มที่ ดังนั้นการกวาดล้างทะเลเลือดด้วยตัวคนเดียวจึงเป็นเรื่องเสี่ยงสำหรับนาง
หงส์เพลิงตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี นางจึงไม่ได้ตรงไปที่แดนนรก
ทะเลเลือดเกิดจากการสั่งสมกันของเลือดและความแค้นที่ปีศาจที่ดุร้ายที่สุดบนโลกปล่อยออกมาขณะที่พวกมันสู้กัน
การกวาดล้างทะเลเลือดจะทำได้ก็ต่อเมื่อสังหารหรือจับปีศาจได้ทุกตัวเหมือนดังเช่นที่ตี้จวินทำ
แต่การจับปีศาจนั้นพูดง่ายแต่ทำยาก หากจิตใจของคนคนนั้นไม่แข็งแกร่งพอ สถานการณ์อาจจะพลิกกลับได้ง่ายๆ
หงส์เพลิงสงสัยว่านางจะขอยืมขวานศักดิ์สิทธิ์จากตี้จวินได้หรือเปล่า แต่นางกลับหาตัวเขาในตำหนักเทพไม่พบ
เซียนที่ทำหน้าที่อารักขาทางเข้าตำหนักบอกนางว่าแม่มดนางหนึ่งจากแดนปีศาจเพิ่งได้รับชีวิตอมตะ ดังนั้นภพสวรรค์จึงจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับนาง คนจากพระพุทธศาสนาเองก็ยังไปร่วมอวยพรให้กับนางเช่นกัน ”อรหันต์หงส์เพลิงขอรับ ตี้จวินไม่ได้เชิญท่านไปที่งานเลี้ยงหรือ” เซียนคนนั้นถาม
หงส์เพลิงไม่รู้เรื่องงานเลี้ยงแม้แต่นิดเดียว แต่ตี้จวินเคยเปรยไว้ว่าเขาไม่ชอบให้นางเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณชน เขาอยากซ่อนนางให้พ้นจากสายตาของคนพวกนั้นมากกว่า
”ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเทพ เช่นนั้นข้าจะไปหาเขาที่งานเลี้ยงของภพสวรรค์แทน”
ภารกิจของนางไม่อาจรอได้ ดังนั้นหงส์เพลิงจึงไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่ในตำหนักเทพ เมื่อนางมาถึงงานเลี้ยงของภพสวรรค์ นางก็เห็นเทพธิดาจำนวนมากนั่งอยู่บนก้อนเมฆ พวกนางเริ่มกระซิบกระซาบกันทันทีที่เห็นหงส์เพลิง
”หงส์เพลิงยังไม่รู้ใช่ไหม”
”ข้าว่านางยังไม่รู้หรอก ถ้านางรู้ ตอนนี้นางก็คงไม่ใจเย็นถึงเพียงนี้หรอก”
”น่าสงสารจริงๆ หึ ใครจะคิดล่ะว่าแม่มดนางนั้นกับตี้จวินจะมีชะตาได้พบกัน นางยังกล่าวอีกด้วยนะว่านางรู้จักตี้จวินมาตั้งแต่ตอนที่พวกเขาอยู่ที่แดนปีศาจ”
”ดูจากนิสัยของตี้จวินแล้วก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่เขาจะทิ้งเก่าไปหาใหม่ ถึงแม่มดนางนั้นจะไม่ได้สวยเท่าหงส์เพลิง แต่ทั้งสองคนล้วนเป็นประเภทที่ป่าเถื่อน จึงไม่แปลกแต่ประการใดหากตี้จวินจะรู้สึกสนใจแม่มดนางนั้นขึ้นมาเหมือนกัน”
หงส์เพลิงเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สนใจระหว่างฟังบทสนทนาของพวกเขา ข้างตัวของตี้จวินมีหญิงสาวสวมชุดสีแดงยืนอยู่ นางงดงามและมีความคล้ายคลึงกับดอกบัวทองคำเล็กน้อย แม้นางจะดูดุดันกว่าก็ตาม ดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยความสุขขณะที่นางก้มหน้าลงพูดกับชายหนุ่ม
สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
คำพูดประโยคนี้ก็แล่นเข้ามาในใจทันทีที่นางเห็นพวกเขา
ทั้งสองดูเหมือนจะสนิทสนมกันอย่างมาก
หงส์เพลิงชะงักไปครู่หนึ่ง แต่นางก็ไม่ได้เดินต่อ นางหยุดอยู่ที่สุดปลายเมฆและกลบเกลื่อนกลิ่นอายของตัวเอง
งานเลี้ยงของภพสวรรค์ดูเหมือนกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมให้นางเข้าไปคุยกับตี้จวิน เพราะเขากำลังคุยกับคนอื่นอยู่ ยิ่งกว่านั้น การขอยืมขวานศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถพูดคุยกันต่อหน้าทุกคนได้
นางกลับไปนั่งที่ด้านหลังขั้นบันไดหินพร้อมกับหลับตาลง แล้วรอให้ตี้จวินเดินผ่านไป
เป็นอย่างที่นางคาดเอาไว้ หลังผ่านไปครู่หนึ่งนางก็ได้ยินเสียงเซียนส่งแขกกลับ
หงส์เพลิงกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงหัวเราะของไท่จื่อดังขึ้นเสียก่อน ”ตี้จวิน มีแม่มดหลงรักท่านอีกคนแล้วหรือ มิหนำซ้ำท่านก็ยังมีคนของพระพุทธศาสนาคนนั้นอยู่ในกำมืออีกด้วย ท่านชนะทุกการเดิมพันเช่นนี้มันจะไปสนุกตรงไหนกัน”
คำพูดของไท่จื่อล้วนแต่ไร้สาระ แต่มันก็ทำให้หงส์เพลิงชะงักไป นางรู้ว่านางควรออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ หรือไม่ก็กลับไปและทำเหมือนกับว่านางไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ขาของนางกลับเหมือนมีตะกั่วถ่วงเอาไว้ มันหนักอึ้งจนนางไม่สามารถขยับได้
เสียงถอนหายใจจากพระพุทธศาสนาปรากฏขึ้นในใจของนางอีกครั้ง
นางรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาในทันใด
แต่เสียงนั้นกลับก้องไปถึงหูของนางอย่างรวดเร็ว
มันเป็นเสียงที่นางคุ้นเคย แต่เวลานี้เสียงนั้นก็ทำให้นางรู้สึกหนาวสะท้าน
”สิ่งใดที่ข้าต้องการ… สิ่งนั้นย่อมต้องตกมาอยู่ในมือข้า” ชายหนุ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาเรียวยาวของเขาระยิบระยับเป็นประกาย
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาอย่างมาก แต่มันก็ทำให้ไท่จื่อรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งสันหลัง ไท่จื่อยิ้มแล้วเอ่ยว่า ”หงส์เพลิงเพียงแค่ลืมหน้าตาเมื่อตอนที่ท่านยังเด็ก และปฏิบัติต่อท่านอย่างเย็นชาเล็กน้อยเท่านั้น ท่านจำเป็นต้องลงโทษนางเช่นนั้นด้วยหรือ ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ทุกครั้งที่ท่านเจ็บ ท่านจะเอาคืนกลับไปเป็นสิบเท่า แต่การทิ้งนางหลังจากที่นางตกหลุมรักท่านเช่นนี้มันจะไม่โหดร้ายเกินไปหรือ หงส์เพลิงดูเหมือนจะชอบท่านมากนะขอรับ วันนี้ท่านวางแผนจะบอกนางเรื่องแม่มดนางนั้นให้นางรู้อย่างไรหรือ”
”เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยหรือ” ชายหนุ่มหัวเราะ เขาดูอารมณ์อารมณ์ดีทีเดียว ดวงตาชั่วร้ายของเขาดูน่าเย้ายวนและน่าหลงใหล ราวกับหน้าผามรณะที่หญิงสาวทุกนางพร้อมกระโดดลงไป… และร่วงสู่ความตายพร้อมกับหัวใจอันชอกช้ำ
บทสนทนาของพวกเขาทำให้มือที่อยู่บนเสาหินของหงส์เพลิงสั่นระริก แม้จะไม่มีใครมองเห็น แต่ริมฝีปากของนางก็โค้งขึ้นอย่างช้าๆ มันไม่ใช่รอยยิ้ม เพราะดวงตาของนางนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
สรุปแล้วความจริงเป็นเช่นนี้นี่เอง
ดูเหมือนฝ่ายที่หมกมุ่นอยู่กับคู่มือฉบับนั้นจะมีแค่นางเพียงฝ่ายเดียว
นางคิดว่าอีกฝ่ายจะทำตามนั้น แต่มันก็เป็นแค่เกมสำหรับเขา
ตราบใดที่เขาได้พบคนที่เขารู้สึกสนใจมากกว่านาง เขาก็สามารถหยุดและไปจากนางได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ
นางคิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่รักกันหวานชื่น แต่ในความเป็นจริงนั้น นางก็เป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงที่เขาต้องการเอาชนะ
หงส์เพลิงผู้หยิ่งผยองกลายเป็นคนโง่เขลาที่สุดในโลกไปได้อย่างไร
หึ ตอนที่นางครวญครางอยู่ในอ้อมกอดของเขา ตอนที่นางฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ในระหว่างที่กอดกัน เขาคงคิดว่าการเอาชนะนางช่างเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน
ถ้าลองคิดดูดีๆ อีกฝ่ายเคยบอกว่ารักนางบ้างหรือเปล่า
ไม่เคยเลย
ทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้วในเวลานี้
ทุกสิ่งทุกอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน
ในเวลานั้น สิ่งที่นางสูญเสียไปไม่ได้มีเพียงแค่ศักดิ์ศรี แต่ยังมีหัวใจหยิ่งยโสที่เต็มใจยอมจำนนต่อเขาอีกด้วย
หงส์เพลิงหลับตาลงอีกครั้ง หัวใจของนางยังคงปวดร้าว แต่นางกลับทำเพียงแค่ลูบหน้าอกของตัวเองอย่างเย็นชา…