องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 842 หงส์เพลงถูกกักบริเวณ
เขาไม่เคยโง่เขลาถึงเพียงนี้มาก่อน
เขาถึงกับรอให้นางหึง
เขาลืมไปได้อย่างไรว่านางอาจจะไม่ได้สนใจไยดีเขาเลยสักนิดก็ได้
คนบางคนก็ทำตัวเฉยชาเสียจนถึงจุดที่ทำให้คนอื่นผิดหวังได้
ตี้จวินหลุบตาลง ภาพแห่งความสุขที่อยู่ในกระจกวิเศษให้ความรู้สึกเหมือนกับหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของเขา
ซ่า!
กระจกวิเศษถูกโยนทิ้งลงในทะเลสาบสวรรค์ที่อยู่ใกล้ๆ!
เซียนหนุ่มสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เขาไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินตามหลังชายหนุ่มอย่างเชื่อฟัง
วันนั้นที่สวรรค์ชั้นเก้ามีฝนตกหนัก
ทั้งสองคนเป็นคนหยิ่งผยองเหมือนกัน คนหนึ่งกลับไปที่ตำหนักเทพ ส่วนอีกคนหนึ่งกลับไปยังพระพุทธศาสนา
ไม่มีใครคาดคิดว่ากระจกวิเศษบานนั้นจะถูกคนคนหนึ่งเก็บขึ้นมา
คนที่ว่านี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหนึ่งในจิตทั้งเจ็ดของดอกบัวทองคำ… แม่มดสาวนางนั้นนั่นเอง
นางมองกระจกวิเศษพลางชักสีหน้าไม่พอใจ
เย็นวันนั้น สมเด็จเรียกหงส์เพลิงเข้าไปพบ แล้วขังนางไว้ในวัดเหลยอินด้วยเหตุผลว่านางทำผิดศีลของศาสนา
ดอกบัวทองคำยืนอยู่ด้านข้าง และพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาว่า ”พระอรหันต์ ในเมื่อท่านเลิกกับตี้จวินแล้ว ทำไมท่านถึงไม่ตกลงทำตามข้อเสนอของสมเด็จ แล้วแต่งงานกับราชามังกรจากทะเลตะวันออกดูเล่า หากทำเช่นนั้น ท่านจะได้ไม่ต้องถูกกักบริเวณ และเอาแต่ฟังข่าวลือจากโลกภายนอก พระอรหันต์ ตอนนี้ท่านควรรู้แล้วมิใช่หรือว่าภพภูมิทั้งหกมองท่านด้วยสายตาเช่นใด ข้าติดต่อตัวแทนจากทะเลตะวันออกเอาไว้แล้ว และราชามังกรก็ไม่สนใจเรื่องที่ท่านเคยอยู่กับตี้จวินมาก่อนด้วย”
”เจ้าดูจะสนใจเรื่องส่วนตัวของข้ายิ่งนัก” หงส์เพลิงยิ้มอย่างเกียจคร้านพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง คำพูดและการกระทำของนางให้อารมณ์ราวกับท้าทาย
ดอกบัวทองคำไม่ชอบท่าทางของนาง เวลาที่นางยืนอยู่ตรงหน้านาง นางมักรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไม่มีค่าพอที่จะถูกกล่าวถึงแม้แต่นิดเดียว!
”ข้าเพียงเป็นห่วงท่าน พระอรหันต์ ข้ากลัวว่าท่านจะไม่สามารถทำใจจากเรื่องนี้ได้” ดอกบัวทองคำพูดพลางเล่นกับกระจกวิเศษในมือ ”ข้ารู้สึกเสียใจกับการเลิกกันของท่านกับตี้จวินอย่างมาก”
หงส์เพลิงเหลือบมองกระจกวิเศษในมือของนาง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มซุกซน ”การเลิกกันของพวกข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้าหรือ”
”มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้า เพียงแต่… ข้าเพียงแต่หวังว่าอรหันต์จะไม่โทษว่านั่นเป็นความผิดของข้า” ดอกบัวทองคำพูด นางสบตากับหงส์เพลิง ”มีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่สุดท้ายข้ากับตี้จวินจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต”
”หมายความว่าเจ้ายังไม่ได้นอนกับเขาหรือ” หงส์เพลิงโยนพระไตรปิฎกในมือลง แล้วมองดอกบัวทองคำด้วยดวงตาเปื้อนรอยยิ้ม ”เจ้าอยากให้ข้าแบ่งปันประสบการณ์นั้นให้ฟังหรือเปล่า แต่..” นางเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง แล้วใช้นิ้วเชยคางดอกบัวทองคำขึ้น และกระตุกยิ้มออกมา ”เจ้าอาจจะไม่มีวันได้นอนกับเขาก็เป็นได้ อย่างไรเจ้าก็ยังฝีมือไม่ถึงขั้น”
นิ้วของดอกบัวทองคำกำเข้าหากันจนเป็นกำปั้น กล้าดีอย่างไร… กล้าดีอย่างไรถึงดูถูกข้า!
”ในเมื่อเจ้าชอบกระจกบานนั้นมากนัก เจ้าก็เก็บไว้ดูเล่นก็แล้วกัน เจ้าดูจะชอบเล่นกับของที่ข้าไม่ต้องการแล้วทั้งนั้น” หงส์เพลิงเคลื่อนสายตาลงมองนาง ”อีกอย่าง อย่าโผล่มาให้ข้าเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าตอนที่ข้าอารมณ์ไม่ดี แต่เจ้าก็เป็นดอกบัวทองคำที่อยู่หน้าประตูแห่งพระอรหันต์ เห็นแก่พระศากยมุนี ข้าจะไม่แตะต้องเจ้า อย่างไรเจ้าก็ไม่ได้มีค่าพอให้ข้าต้องลงมือเองอยู่แล้ว”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ร่างของดอกบัวทองคำก็สั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
เดิมนางคิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้อะไร
แต่แล้วนางก็ค้นพบว่าหงส์เพลิงที่ดูไร้เดียงสาผู้นี้รู้ทุกอย่างมาตลอด
นางมองความคิดและกลอุบายทั้งหมดของนางออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
นางเป็นเพียงแค่ตัวตลกในสายตาของนาง
ดอกบัวทองคำไม่สามารถปกปิดความโกรธในหัวใจได้ ดังนั้นนางจึงกระแทกประตูปิดอย่างแรงจนลมพัดแรงตอนที่กลับไป
อย่าได้คาดเดาไปเองว่านางไม่รู้อะไรเลยจะดีกว่า
หงส์เพลิงสามารถทำให้ทุกอย่างหายไปได้เพียงแค่ดีดนิ้ว
ทะเลเลือดว่างเปล่าแล้วอย่างไร นางนำกุศลผลบุญมากมายมาให้กับพระพุทธศาสนาแล้วอย่างไร
ทันทีที่นางทำอะไรที่เป็นการข่มขู่พระพุทธศาสนา สุดท้ายนางก็จะไม่สามารถหันกลับมาได้อีก
นางจะรอให้ถึงวันนั้น!
ดอกบัวทองคำหัวเราะพร้อมกำกระจกวิเศษในมือ
นางไม่เชื่อหรอกว่าหงส์เพลิงจะไม่สนใจไยดีมันจริงๆ
ไม่มีใครไม่สนใจสมบัติเช่นนี้…
ที่ด้านในของอารามสร้างจากไม้ มีกลิ่นไม้จันทน์ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
สามเณรน้อยเดินตามหลังหงส์เพลิง เขาถามขึ้นอย่างอดไม่ไหวว่า ”พระอรหันต์ขอรับ ทำไมท่านถึงเลิกกับตี้จวินล่ะ ข้าเชื่อว่าท่านเองก็คงไม่ชอบอยู่คนเดียวนี่ สำหรับข้าแล้ว วันหนึ่งข้าก็ต้องกลายเป็นพระอรหันต์ เมื่อวันนั้นมาถึง จะไม่มีใครอยู่ข้างท่านนะขอรับ ดูสามเณรพวกนั้นสิขอรับ ไม่มีใครในจำนวนนั้นสามารถรับใช้ท่านได้สักคน อีกอย่าง คนในภพภูมิทั้งหกก็มักจะหมายตาท่านเอาไว้เสมอ อย่างน้อยถ้าท่านมีตี้จวินอยู่ข้างๆ เขาก็สามารถรับมือกับปัญหาน่ารำคาญเช่นนั้นได้ และท่านก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกกักบริเวณได้ด้วย”
เมื่อได้ฟังคำพูดของสามเณรน้อย ดวงตาของหงส์เพลิงก็หม่นแสงลง
ถึงนางจะไม่อยากยอมรับ แต่นางก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า ถ้าเพียงแต่เขาจะเข้าใจความโดดเดี่ยวของนางเช่นเดียวกันกับที่สามเณรน้อยเข้าใจนางบ้าง
ถ้าเพียงแต่เขาจะเป็นคนที่เข้าใจนาง ทุกอย่างคงสมบูรณ์แบบ
แต่เมื่อนางคิดถึงใบหน้าหยิ่งผยองและชั่วร้าย ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดนั้นขึ้นมา นางก็พลันรู้สึกว่าความดื้อรั้นของนางช่างน่าขันและน่าสมเพชในเวลาเดียวกัน
ทุกอย่างที่นางเคยได้ เขาสามารถมอบมันให้กับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย
หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา เขาสนใจไยดีมันมากถึงเพียงใดกันแน่
อันที่จริง นางยังรู้สึกสงสัยด้วยซ้ำว่าตอนที่เขาวางเดิมพันกับไท่จื่อนั้น เขาเคยคิดหรือไม่ว่านางจะรู้สึกเสียใจเพียงใด
เป็นเพราะนางชอบเขา ดังนั้นเขาถึงสามารถทำร้ายนางได้โดยไม่สนใจความรู้สึกของนางหรือ เขาคิดว่าเขาสามารถทำร้ายนางได้ตามอำเภอใจ แล้วนางจะไม่เลิกรักเขาหรือ
นางเองก็มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง
ดังนั้น ยุติทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้คงดีกว่า
นางจะไม่ออกไปนอกพระพุทธศาสนาอีกเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีต่อจากนี้
หงส์เพลิงหลุบตาลง แล้วมองข้ามไหล่ตัวเองไป เงาอันโดดเดี่ยวของนางเผยความเด็ดเดี่ยวออกมา…
พระอาทิตย์ลาลับฟ้า ณ ตำหนักอันงดงามตระการตาแห่งหนึ่ง
ไท่จื่ออดเป็นห่วงคนคนหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงหยิบเหยือกเหล้าออกมาแล้วไปพบตี้จวิน ”บอกข้ามาตามตรงดีกว่าว่าท่านกับหงส์เพลิงจบกันแล้วหรือ ท่านน่าจะยังไม่เบื่อนางนี่นา ที่ผ่านมาท่านบอกข้าเองมิใช่หรือว่าการอยู่กับหงส์เพลิงก็สนุกดีทีเดียว ใครทิ้งใครก่อนหรือ”
ตี้จวินมองเขา แล้วหัวเราะขึ้นมาทันที ”ไท่จื่อ”
”อะไร!” จะตำหนิว่าไท่จื่อใช้น้ำเสียงไม่สุภาพก็ไม่ได้ เพราะเวลาที่ชายคนนี้เรียกเขาด้วยตำแหน่งเมื่อใด มันเป็นอันต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเมื่อนั้น อีกทั้งหากเป็นเวลาปกติ คนคนนี้คงไล่ตะเพิดไท่จื่อออกไปแล้วด้วยซ้ำ
ตี้จวินเท้าคางแล้วหันใบหน้าหล่อเหลาไปด้านข้าง ”เจ้าอยากรู้จริงๆ หรือว่าใครทิ้งใคร”
”ใช่!” ไท่จื่อพยักหน้ารัวเร็วเหมือนลูกไก่จิกข้าวเปลือก ความตื่นเต้นในดวงตาทรยศเขา
ตี้จวินวางจอกสุราไว้บนที่เท้าแขนเก้าอี้ ”ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย”
”เช่นนั้นท่านจะถามข้าไปทำไมว่าข้าอยากรู้หรือเปล่า?!” เขาไม่ได้หมายความว่าเขาจะบอกข้าหรอกหรือ
ตี้จวินกวาดสายตามองเขาอย่างเกียจคร้าน แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า ”แน่นอนว่าข้าย่อมทำเช่นนั้นเพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของเจ้าอยู่แล้ว ข้าไม่ยอมเป็นคนเดียวที่ต้องทุกข์ใจอยู่ที่นี่แน่”
”ท่าน! ท่าน!ไ ถึงเขาจะเป็นไท่จื่อของภพสวรรค์ แต่เขาก็ค่อนข้างไร้ประโยชน์ ”เดี๋ยวก่อน นี่ท่านจะไปไหน”
”งานเลี้ยงสวรรค์” ตี้จวินไม่ได้หันกลับมาระหว่างพึมพำคำตอบ
”หือ ท่านเพิ่งกลับมาจากที่นั่นมิใช่หรือ ท่านจะกลับไปอีกทำไม ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้ว แล้วท่านจะไปที่นั่นเพื่ออะไร อีกอย่าง นี่มันก็ค่ำแล้ว ทำไมไม่ไปวันพรุ่งนี้แทนล่ะ แล้วเหล้าจะทำอย่างไร รอข้าก่อนสิ!”
เมื่อไท่จื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะผ่อนฝีเท้าลง เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันแล้ววิ่งตามเขาไป ด้วยกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะทำอะไรเข้า เพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่ซึมออกมาจากร่างของเขา มันรุนแรงเกินไปจนถึงขั้นทำให้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดเลยทีเดียว
แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เข้าไปในงานเลี้ยงสวรรค์เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ แต่กลับยืนอยู่ข้างทะเลสาบสวรรค์ราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่…