องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 846 ทางออกของหงส์เพลิง
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างภพสวรรค์และพระพุทธศาสนา สีหน้าของพวกเขาก็พลันค่อยๆ เปลี่ยนไป
ตี้จวินเกิดจากความโกลาหล ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เขาตกนรก ทั้งภพสวรรค์และพระพุทธศาสนาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา
แต่ตอนนี้เขากลับละทิ้งเทวจิตของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมหมายความว่าจากนี้เป็นต้นไปที่ภพลำดับที่สามหรือก็คือภพนรก จะมีราชาปีศาจที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนปรากฏตัวขึ้น!
เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธศาสนาหรือภพสวรรค์ก็ล้วนแต่ไร้ความสำคัญ เพราะทั้งสองย่อมตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา และไม่สามารถกลับมาผงาดได้อีก!
ไม่ได้การ!
จะให้เขากลายเป็นปีศาจไม่ได้!
ท่ามกลางความเดือดดาลนั้น ภพสวรรค์ส่งทหารศักดิ์สิทธิ์สามหมื่นนายลงมา พวกเขาวางแผนที่จะล้อมตี้จวินเอาไว้ในช่วงเริ่มต้นของการตกจากสวรรค์!
แต่ไม่มีทหารศักดิ์สิทธิ์นายใดสามารถเข้าไปในความโกลาหลนั้นได้
สามวันต่อมา ในที่สุดตี้จวินก็กลายร่างเป็นปีศาจได้สำเร็จในเย็นวันนั้น!
ทะเลเลือดเอ่อล้นขึ้นมาอีกระลอก ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนโห่ร้องและกลับคืนสู่ร่างเดิมของตัวเอง ก่อนจะพุ่งออกมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม
อีกาสีดำจำนวนมหาศาลบินผ่านฟากฟ้า แม่น้ำสีดำที่อยู่ใต้นรกทั้งสิบแปดชั้นเริ่มเดือดปุดๆ
ชายหนุ่มเพียงยืนอยู่ท่ามกลางปีศาจเหล่านั้น เพียงแค่เขาเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาก็สามารถทำให้ทะเลแห่งความตายเดือดพล่านได้
นี่เป็นหายนะสำหรับภพสวรรค์และพระพุทธศาสนาอย่างไม่ต้องสงสัย
ชะตากรรมขาดสะบั้น เสียงปีศาจที่หนีออกมาจากรอยแยกบนพื้นโลก และท่วงทำนองอันไพเราะแต่เต็มไปด้วยอันตรายของเผ่าพันธุ์เงือกก้องกังวานไปทั่วแดนปีศาจ
ระยะเวลาหนึ่งร้อยปีนี้เป็นหนึ่งร้อยปีแห่งความอัปยศสำหรับภพสวรรค์และพระพุทธศาสนา
พวกเขาไม่ได้เป็นผู้นำของภพภูมิทั้งหกอีกต่อไป ทุกอย่างถูกกีดขวางและสับสนวุ่นวายไปหมด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนที่กุมอำนาจสั่งการภพลำดับที่สามอยู่ในเวลานี้คือตี้จวินของเหล่าเทพนั่นเอง
เพื่อติดตามรับใช้เขา คนของภพสวรรค์หลายคนจึงเปลี่ยนธรรมชาติของตัวเอง ปีศาจหลายร้อยตนเตร็ดเตร่ยามค่ำคืน พวกมันปรากฏตัวขึ้นบนสวรรค์และโลกมนุษย์ได้ตามใจ ภาพอันยิ่งใหญ่เช่นนี้นับว่าหาดูได้ยากทีเดียว
คนของพระพุทธศาสนาเริ่มยินดีกับความจริงที่ว่าทุกคนที่ละทิ้งเทวจิตของตัวเองไป จะต้องสูญเสียความทรงจำตอนเป็นเทพไปในที่สุด
ไม่อย่างนั้น ตี้จวินที่กลายร่างเป็นปีศาจจะต้องนำฝูงปีศาจมาโจมตีภูเขาซวีหมีเพื่อแก้แค้นให้กับแม่มดสาวที่หายไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่ถึงพวกเขาจะเชื่อว่าตัวเองโชคดีเพียงใด อย่างไรพระพุทธศาสนาก็ยังเป็นพระพุทธศาสนา พวกเขายังไม่สามารถทำใจเรื่องที่ปีศาจจากภพที่สามซึ่งอยู่ถัดไปกล้าทำตัวเสียมารยาทต่อพวกเขาได้
ในไม่ช้า ปราณแห่งความเคียดแค้นที่มีต่อผู้คนจากภพนรกก็เริ่มทับถมภายในใจของพวกเขา
แต่เวลานี้ คนของพระพุทธศาสนาไม่ใช่คู่มือของเขา
เว้นเสียแต่ว่า…
”สมเด็จขอรับ เห็นแก่ทุกสรรพชีวิตภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่นี้ ท่านจะปล่อยให้ปีศาจก่อความวุ่นวายเช่นนี้ต่อไปมิได้นะขอรับ เราต้องให้ใครสักคนเดินทางไปที่ภูเขาปู้โจว และให้คนไปชำระล้างทะเลเลือดในนรกด้วยขอรับ”
สมเด็จนั่งอยู่ภายใต้แสงตะวันโพล้เพล้ รอยแผลเป็นที่ทอดยาวจากหน้าผากลงมาจนถึงคางเป็นประกายอยู่ภายใต้แสงสลัวนั้น มันดูน่าหวาดกลัวกว่าวิญญาณร้ายในนรกเสียอีก ”ทะเลเลือดยังไม่ได้รับการชำระล้างเพิ่มขึ้นหนึ่งวัน วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงจะได้รวมเป็นหนึ่งกับศาสนาก็ห่างออกไปหนึ่งวันเช่นกัน ระยะเวลาหลายร้อยปีหลังจากทะเลเลือดได้รับการชำระล้างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่เสมอ ครั้งนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะภพปีศาจ ทางเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาได้คือการให้หงส์เพลิงเดินทางไปยังนรก แม้จะยังเหลือเวลาอยู่อีกหนึ่งปี แต่ข้าจำเป็นต้องทำเช่นนี้เพื่อโลก อรหันต์ย่อมมีเมตตาและเข้าใจอย่างแน่นอน” สมเด็จพูดพร้อมกับมองไปทางด้านซ้ายมือแล้วเอ่ยต่อ ”ดอกบัวทองคำ ไปตีระฆัง ถึงเวลาแล้วที่ประตูของวัดเหลยอินจะเปิดออกอีกครั้ง”
”เจ้าค่ะ” ดอกบัวทองคำหันหลังแล้วเดินจากไป ลูกประคำของนางกลิ้งไปมาพร้อมกับเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตอันหนักแน่น
หงส์เพลิงปรากฏตัวออกมาจากแสงแห่งพระพุทธคุณ เบื้องหลังนางคือภูเขาซวีหมีที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ความงดงามของเขตหวงห้ามของพระอรหันต์นั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
แต่สิ่งที่น่าหลงใหลที่สุดเห็นจะเป็นร่างที่เกียจคร้านนั่นต่างหาก แม้จะผ่านมาแล้วหนึ่งร้อยปี แต่หงส์เพลิงก็ยังคงความงดงามอันน่าทึ่งนั้นไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเดินเข้าหาใครสักคน ดวงตาดำขลับลึกลับคู่นั้นยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เพียงแค่มองก็สามารถถูกดูดให้หายเข้าไปในนั้นได้อย่างง่ายดาย
นางดูสูงส่งกว่าเมื่อก่อน ผมสีดำยาวถึงไหล่ของนางทิ้งตัวลงราวกับจะจมหายไปในน้ำแข็ง เมื่อบวกกับเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ เสื้อคลุมสีแดงเพลิงของนางมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของนางยังคงไร้การเปลี่ยนตอนที่นางเห็นดอกบัวทองคำ นางโยนพระไตรปิฎกในมือลงข้างตัวโดยไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย
มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อยาวของดอกบัวทองคำกำแน่นเข้าหากันหลายครั้ง ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาและเดินตามไป
พระพุทธศาสนารู้ดีว่าเมื่อเป็นเรื่องของการใช้คำว่าความสงบสุขและความรุ่งเรือง เขาเริ่มอ่านพระไตรปิฎกฉบับนั้นโดยไม่เอ่ยถึงประวัตศาสตร์ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ”หงส์เพลิง ทะเลเลือดในนรกเกิดขึ้นมาอีกแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงย่อมไม่สามารถกลับมาได้ตราบใดที่นรกยังไม่สะอาด เจ้าจงไปชำระล้างความชั่วร้ายนั้นภายใต้สายตาของสวรรค์เสีย”
หงส์เพลิงไม่พูดอะไรไร้สาระ นางรีบหยิบดาบวงพระจันทร์ของตนเองขึ้น แล้วกระโดดเข้าไปในภูเขาปู้โจวอันเต็มไปด้วยปีศาจทันที
แต่นางนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับคนคนนั้นในนรก
ทั้งสองสบตากัน แต่เขากลับไม่รู้จักนางเลยแม้แต่นิดเดียว และทำเพียงทุ่มความสนใจไปที่ใบหน้าด้านข้างของแม่มดสาวเท่านั้น
หงส์เพลิงตกตะลึง สิ่งที่นางเป็นห่วงไม่ใช่สิ่งที่ดวงตาของเขากำลังจับจ้องอยู่
แต่สิ่งที่นางต้องประหลาดใจก็คือดวงตาสีเข้มของเขากลายเป็นสีแดงเข้มราวกับเลือด เขาแผ่ความรู้สึกอันน่าหลงใหลออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับปีศาจร้าย
นั่นเป็นครั้งแรกที่หงส์เพลิงไม่ได้ลงมือในทันที ขณะที่นางกำลังใจลอยอยู่นั้น สายลมเย็นก็พลันพัดผ่านใบหูขณะที่วิญญาณร้ายเหล่านั้นทิ้งรอยไว้บนท่อนแขนของนาง
นางขมวดคิ้วแล้วเหวี่ยงดาบวงพระจันทร์ออกไป หลังจากกวัดแกว่งอาวุธได้สองสามครั้ง นางก็ยังไม่เห็นวี่แววของความชั่วร้ายในระยะสามฉื่อ
เขา… ละทิ้งเทวจิตของตัวเองหรือ
ทำไมล่ะ
นี่เป็นคำถามที่หงส์เพลิงคิดอยู่ตลอด
เห็นได้ชัดว่าเขาชอบที่จะอยู่ไกลเกินเอื้อมจากฝูงชนโดยไม่สัมผัสแม้แต่ฝุ่นที่เล็กที่สุด ตั้งแต่สวรรค์จรดโลกมนุษย์ สิ่งจำเป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตของชายหนุ่มนั้นหาได้ยากยิ่งไม่ว่าจะเป็นบนฟ้าหรือบนดินก็ตาม
เขากลายเป็นปีศาจจากนรกได้อย่างไร
ในไม่ช้าก็มีคนไขข้อข้องใจให้กับนาง
ในบทสนทนาของพวกเขามีการกล่าวถึงปีศาจอยู่ด้วย ”ตี้จวินยอมตกจากสวรรค์เพียงเพื่อตามหาแม่มดนางนั้นที่ถูกพระพุทธศาสนาจับเอาไว้ท่ามกลางความโกลาหลนี้ แต่โชคร้ายที่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่น แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็ไม่สำคัญแต่อย่างใด เพราะเดิมทีแม่มดนางนั้นเกิดในแดนปีศาจ และในไม่ช้า ตี้จวินจะต้องสามารถพาวิญญาณของนางกลับมาได้อย่างแน่นอน”
ร่างกายของหงส์เพลิงชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินเช่นนั้น
นางคิดว่าความเจ็บปวดนี้จะหมดไป
อย่างไรมันก็ผ่านมาแล้วเก้าสิบเก้าปี
แต่อันที่จริง มันก็ไม่ได้เจ็บมากอย่างที่นางคิดไว้
นางมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ทันใดนั้นนางก็เข้าใจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าเขาจะยังรักใครบางคนอยู่
เพียงแต่ว่าคนที่เขารักไม่ใช่นาง…
ดูเหมือนจะตรงกับที่มีคนเคยพูดเอาไว้ว่า รักแท้ไม่ใช่การรักใครสักคนเพียงข้างเดียว และทุกอย่างต้องลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรือแม้แต่วิญญาณก็ตาม
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตกจากสวรรค์และกลายร่างเป็นปีศาจ
ความรู้สึกในหัวใจของหงส์เพลิงนั้นชวนให้สับสนยิ่งนัก นานมาแล้วเขามักจะดึงดูดนางได้เสมอ ทุกสิ่งที่คนคนนี้ทำล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางอยากทำทั้งสิ้น
ส่วนตอนนี้ นางไม่สามารถบังคับตัวเองให้ชื่นชมเขาได้อีก
ที่ตีนเขาปู้โจว หงส์เพลิงกำลังจ้องมองร่างที่ค่อยๆ ถูกกลืนหายเข้าไปในความมืดยามค่ำคืน มันเป็นครั้งแรกที่นางทำผิดศีล
ผ่านมานานมากแล้ว แต่พระพุทธศาสนาก็ยังไม่ได้ข่าวจากหงส์เพลิง ความหวาดระแวงเดือดพล่านอยู่ในเส้นเลือดของพวกเขา
ผนึกแสงแห่งพระพุทธคุณทั้งสิบแปดเคลื่อนที่ลงมาจากสวรรค์ และอัญเชิญหงส์เพลิงกลับไปที่ภูเขา
เหล่าอรหันต์ขมวดคิ้วถามนางว่า ”ทำไมเจ้าถึงไม่ลงมือ”
หงส์เพลิงคุกเข่าอยู่ใต้ต้นโพธิ์โดยไม่ส่งเสียง
ดอกบัวทองคำเดินเข้าไปหานาง พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความสงสารและเห็นใจ ”พระอรหันต์ ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้เล่า ท่านน่าจะรู้ว่าคนคนนี้ไม่เคยหันหลังกลับมามองสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเขาอีก ถ้าเขายังชอบท่านอยู่ เขาก็คงไม่ยอมตกจากสวรรค์แล้วกลายร่างเป็นปีศาจแน่ เวลาหนึ่งร้อยปีอาจจะน่าเบื่อหน่ายและยาวนานไม่จบสิ้นสำหรับมนุษย์ แต่มันก็ไม่ใช่การรอคอยอันยากลำบากสำหรับเหล่าทวยเทพและพระอรหันต์ แต่เขากลับไม่เคยคิดที่จะรอคอยท่านเลย..”
หงส์เพลิงฟังที่นางพูด และแล้วในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้น