องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 849 กลับสู่เมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้าย
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงมองเขา แล้วเอ่ยต่อ ”อันที่จริง เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผูกด้ายแดงของตัวเองไว้ที่หงส์เพลิง ดังนั้นอย่างน้อยหงส์เพลิงก็ยังสามารถมีการแต่งงานอันไม่สมบูรณ์ได้ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขายินยอมให้หงส์เพลิงเป็นผู้ควบคุมตัวเองเพียงเพื่อที่จะได้อยู่กับหงส์เพลิง เจ้ากับหงส์เพลิงก็ไม่ได้มีวาสนาร่วมกัน ทำไมเจ้าถึงได้ดื้อรั้นถึงเพียงนี้หรือ”
ชายหนุ่มยังคงนั่งคุกเข่า ผมสีดำของเขาถูกลมพัดอย่างต่อเนื่อง ”พระพุทธองค์เป็นผู้พูดด้วยตัวเองว่าการแต่งงานนั้นไม่สมบูรณ์ หากหงส์เพลิงไปเกิดใหม่ นางก็ยังถูกลิขิตให้ต้องอยู่เพียงลำพังหรือ”
”นางคือหงส์เพลิง ชะตากรรมของนางคือการกลับคืนสู่พระพุทธศาสนา” คำพูดของพระพุทธองค์ตอบคำถามของต้นโพธิ์
เสียงของชายหนุ่มแผ่วเบาอย่างมากระหว่างที่เขาไอออกมา ”เช่นนั้นข้าขอร้องให้ท่านช่วยปลดปล่อยหงส์เพลิงจากชะตากรรมนั้นเพื่อให้การแต่งงานของนางสมบูรณ์ขอรับ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ ”เจ้าคำนับเป็นจำนวนเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าครั้งเพื่อการแต่งงานของผู้อื่นหรือ”
”ข้ารู้ว่าข้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตา” ชายหนุ่มกุมหน้าอก ที่มุมปากของเขามีเลือดซึมออกมา ”แต่ข้าหวังว่าสักวันหนึ่ง นางจะไม่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ในพระพุทธศาสนาอีกต่อไป นางคือหงส์เพลิง และนางควรได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ได้ตกหลุมรักคนที่นางรัก และได้ทำในสิ่งที่นางรักขอรับ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงมองเขาโดยไม่กะพริบตา ”แม้เจ้าจะจำนางไม่ได้ตอนที่เจ้าลงไปยังโลกมนุษย์ เจ้าก็ยังต้องการให้เป็นเช่นนั้นหรือ”
”ขอรับ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น แสงในดวงตาของเขาอ่อนโยนราวกับสายน้ำบนภูเขาหิมะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงหัวเราะ ”ผู้คนมักพูดถึงเคราะห์กรรมของพระพุทธองค์ที่เกิดขึ้นทุกหนึ่งหมื่นปีอยู่บ่อยๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร”
ชายหนุ่มส่ายหน้า
”พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงถูกทำลายและยากจะกลับมาสู่หนทางแห่งความถูกต้องได้” พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามองเขา แล้วจึงพูดต่อ ”เจ้าเป็นผู้มีวาสนาธรรมดาเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่บนภูเขาซวีหมี ทุกคนที่เป็นพระอรหันต์ต้องเดินผ่านเจ้า แต่ไม่มีใครเคยหยุดเดินเพื่อรดน้ำให้เจ้าเลยสักคน จะมีก็แต่ตอนที่หงส์เพลิงปรากฏตัวขึ้น ทุกสิ่งจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไป และนั่นทำให้ข้ามีความหวัง แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะปลุกข้าขึ้นมาด้วยวิธีนี้ เวลาของข้ามีจำกัด ข้าเลี่ยงที่จะใช้เสียงแห่งพระพุทธองค์เพื่อบอกเรื่องนี้กับเจ้า เพราะข้าต้องการให้เจ้ารู้ว่าครั้งนี้เมื่อเจ้าลงไปที่โลกมนุษย์ ดอกบัวทองคำก็จะเกิดใหม่เช่นกัน ตามชะตากรรมแล้ว เจ้าจะถูกหลอก อีกทั้งยังจะเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นหงส์เพลิงเพื่อช่วยเหลือให้นางสามารถตบตาทุกคนได้ และทำให้โอกาสรอดของหงส์เพลิงน้อยลง ต้นโพธิ์ ทุกอย่างมีเหตุก็ต้องมีผล ข้าขอถามเจ้าอีกครั้งว่าเจ้าปรารถนาเช่นนี้จริงๆ หรือ”
ชายหนุ่มพยักหน้า ดวงตาของเขาใสกระจ่างราวกับแสงจันทร์ ”ขอรับ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงส่ายหน้า ”เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าต้องละทิ้งสิ่งใดไป”
สิ่งที่เจ้าทิ้งไปคือตำแหน่งในพระพุทธศาสนา ตำแหน่งนั้นคือการกอบกู้สรรพสัตว์ทั้งปวง
สิ่งที่เจ้าทิ้งไปคือความเป็นไปได้แม้เพียงน้อยนิดที่นางจะตกหลุมรักเจ้า
”เจ้าทำเช่นนี้เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของผู้อื่นหรือ” พระพุทธองค์ตรัสถาม
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ”เดิมทีข้าเป็นเพียงต้นโพธิ์ ไม่ว่าข้าจะเป็นผู้ที่มีวาสนาธรรมบริสุทธิ์ที่สุดบนฟ้าดินหรือไม่ แต่ข้าก็มีชีวิตอยู่ได้เพราะนาง ข้ายังจดจำสมัยที่นางยังเด็กได้ขอรับ นางจะวิ่งเข้ามารดน้ำให้กับข้า เทพและพระอรหันต์ล้วนแต่เกลี้ยกล่อมไม่ให้นางใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่นางกลับบอกว่ามันไม่ได้เปล่าประโยชน์แม้แต่นิดเดียว เพราะแม้ในภพภูมิทั้งหกจะมีสระบัวทองคำบานสะพรั่งอยู่มากมาย แต่ที่นี่ก็มีต้นโพธิ์เพียงแค่ต้นเดียวเท่านั้น ดังนั้นย่อมไม่มีที่ใดจะมีทิวทัศน์เหมือนกับที่นี่ นางมอบชื่อให้กับข้าเพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นเพียงแค่ต้นโพธิ์ ข้ารู้ว่านางชอบผู้ชายคนนั้น ดังนั้นในเมื่อนางชอบเขา เช่นนั้นทำไมข้าจะไม่ช่วยให้พวกเขาสมหวังหรือขอรับ”
นกศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างๆ และฟังที่พวกเขาคุยกัน มันอยากถามว่า เช่นนั้นแล้วเจ้าล่ะ ถ้าเจ้ามอบทุกอย่างให้นาง เช่นนั้นแล้วตัวเจ้าเองล่ะ
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน ใบหน้าหล่อเหลาและสง่างามของเขาดูเหมือนเจ้าชายที่กำลังหลับใหล
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงรู้สึกประทับใจ ”บางที เป็นเช่นนี้คงดีที่สุดแล้ว เจ้าเป็นต้นโพธิ์ ดังนั้นเจ้าจึงมีสารีริกธาตุหนึ่งร้อยแปดชิ้นในร่างของเจ้า แต่ในจำนวนนั้นไม่มีชิ้นใดเป็นของจริงนอกจากชิ้นที่อยู่ตรงกลางกระดูกซี่โครงของเจ้า หลังจากเจ้าออกไปจากที่นี่ ข้าจะนำพระสารีริกธาตุของต้นโพธิ์ชิ้นนั้นไปปูทางเกิดใหม่ให้กับหงส์เพลิง ในเวลาเดียวกัน เจ้าจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ จากนั้นเจ้าจะกลายเป็นมนุษย์ เป็นหมากของโชคชะตาจนกว่าหงส์เพลิงจะได้ผัสสะทั้งหกของตัวเองกลับมา มีเพียงเวลานั้นเท่านั้นที่ความทรงจำของเจ้าจะฟื้นคืนกลับมา…”
เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย และระยะเวลาหลายพันปีก็ผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา
มันเป็นอย่างที่โชคชะตาได้กำหนดเอาไว้
ต้นโพธิ์กลายร่างเป็นมนุษย์และได้พบกับหนีเฟิ่งที่ปลอมเป็นหงส์เพลิง*
ตอนนั้นเขามีปีศาจน้อยอยู่กับเขาด้วย
ปีศาจน้อยไม่เคยรู้ว่าชายหนุ่มตามหาอะไรอยู่ ในดวงตาของเขาไม่เคยมีแสงใดๆ ปรากฏขึ้นจนกระทั่งวันหนึ่งตอนที่หนีเฟิ่งเรียกชื่อของเขา ”จิ่งอู๋ซวง”
ในที่สุด รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม และสะท้อนอยู่บนใบหน้าของนาง…
หลังจากนั้นเรื่องทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เกิดขึ้นกับเฮ่อเหลียนเวยเวย จนกระทั่งถึงการฟื้นคืนชีพของดอกบัวทองคำและภัยพิบัติที่นางนำมาให้กับเมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้าย!
โครม!
เคียวด้ามหนึ่งทะลวงเข้ามาจากนอกเมือง!
บุตรแห่งราชานรกคาบจุกนมปลอมไว้ในปากขณะลอยอยู่กลางอากาศ ที่ใต้ฝ่าเท้าของเขามีสัตว์อสูรหน้าตาเหมือนงูที่กำลังจะกลายร่างเป็นปีศาจอยู่ ผมสีดำของเขาดูดีอย่างมากเวลาที่ลมพัด!
”กล้าดีอย่างไรมากัดหน้าข้า บัดซบ! คนที่จูบใบหน้าของข้าได้มีเพียงแค่เสี่ยวโกวคนเดียวเท่านั้น เจ้าเป็นใครถึงได้มาแตะต้องข้า?! ไสหัวไป!”
บุตรแห่งราชานรกเหวี่ยงขวานสีดำเล่มใหญ่ไปพร้อมกัน เขาดูชั่วร้ายและโหดเหี้ยมมากจนน้อยคนนักจะกล้าหาเรื่องด้วย
ปีศาจเหล่านั้นนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ขณะที่พวกมันกำลังลังเลอยู่นั้น เสียงฟ้าร้องสนั่นก็ดังก้องไปทั่วเมือง ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หนีเฟิ่งชะงักอยู่กลางอากาศ นางเหลือบมองไปทางนอกเมืองแล้วเอ่ยกับบรรดาผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่อยู่ด้านหลังเบาๆ ว่า ”ข้าคิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล มันผิดปกติ จะต้องมีสายลับอยู่ในเมืองแน่ๆ พวกท่านเห็นอะไรน่าสงสัยบ้างหรือไม่”
ทันใดนั้นผู้ขับไล่วิญญาณร้ายอาวุโสคนหนึ่งก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ”จริงสิ ก่อนที่ข้าจะไปที่ตระกูลหนี ข้าเห็นคนแต่งกายแปลกๆ เข้ามาในเมือง พวกเขามุ่งหน้าไปที่ตระกูลจูเก่อ พอมาคิดๆ ดูแล้ว การมีคนเข้าเมืองในเวลานี้ก็นับว่าค่อนข้างแปลกทีเดียว”
”ตระกูลจูเก่อหรือ” ดวงตาอันคมกริบของหนีเฟิ่งหรี่ลง นางมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับหันไปมองฮูหยินจูเก่อที่มาพร้อมกันกับพวกเขา ”ท่านป้า คนพวกนั้นเป็นใครหรือ ทำไมพวกเขาถึงเข้ามาในเมืองในเวลาเช่นนี้ล่ะ”
ฮูหยินจูเก่อนึกไม่ถึงว่าความจะแตกเร็วถึงเพียงนี้ หัวใจของนางเต้นแรงเล็กน้อย แต่นางก็ตอบอย่างเป็นธรรมชาติว่า ”พวกเขาเป็นเพียงแค่พ่อค้ามาขอที่หลบภัย คนพวกนั้นอยู่ใกล้กับเมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้ายและหาทางหลบหนีจากอันตรายที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาก็เลยเลือกที่จะเข้าเมืองมาแทน”
”เป็นเช่นนั้นจริงหรือ” หนีเฟิ่งมองฮูหยินจูเก่อ นางพยักหน้าเล็กน้อยราวกับรู้สึกเห็นใจอย่างมาก ”ตอนแรกข้าไม่อยากทำเช่นนี้ ข้ารู้ว่าท่านเสียใจเรื่องน้องอวิ๋นและอยากให้เขาปลอดภัย แต่สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร พวกเรามีปีศาจนับพันตัวอยู่นอกเมือง ดังนั้นจึงไม่ควรมีภัยคุกคามใดๆ เกิดขึ้นในเมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้ายนี้ เวลานี้เมื่อน้องอวิ๋นถูกวิญญาณร้ายสิงอยู่ ข้าย่อมไม่คิดว่าเขาจะสามารถปลอมตัวเพื่อเข้ามาในเมืองได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะซ่อนตัวอยู่ในจวนตระกูลจูเก่อ ท่านป้า ท่านบอกว่าคนพวกนั้นเป็นพ่อค้า แต่พ่อค้าจะปลอมตัวก่อนเข้าจวนของท่านไปทำไม”
ทันทีที่หนีเฟิ่งพูดจบ ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายทุกคนก็หันหน้าไปมองฮูหยินจูเก่อราวกับว่านางได้กระทำความผิดลงไป…
* เนื่องจากมีการตีความคำแปลผิดพลาด ทีมแปลจึงขอเปลี่ยนจาก พระชายากลับชาติมาเกิด เป็น หงส์เพลิงกลับชาติมาเกิด ตั้งแต่ตอนนี้เป็นไป ขออภัยนักอ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ