องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 85 จุมพิตของฝ่าบาท
นิ้วเรียวยาวที่มีข้อต่อชัดเจนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสัมผัสบนข้อมือของเฮ่อเหลียนเวยเวย จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว ดวงตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นสามารถสะกดจิตใครต่อใครได้
ขณะนั้นเอง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เริ่มรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนนั้นเข้าใกล้กันมากเกินไปเสียจนขนตาของทั้งคู่สัมผัสกันแล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วเรียวยาวของตนเอง และกำลังจะดึงมือของนางกลับ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับดึงนางจนล้มลงไป และทำให้หญิงสาวซบลงบนหน้าอกของชายหนุ่ม เขาลดสายตาลงเพื่อมองนาง และดวงตาคู่สวยที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นก็ลึกล้ำราวกับบ่อน้ำโบราณ มันช่างสูงส่ง เรียบเฉย และยากที่จะหยั่งถึง
ชุดนอนผ้าไหมอันเรียบง่ายที่สวมอยู่บนร่างกายของเขานั้นมีกระดุมถูกปลดออกสองเม็ด เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่เว้าลงอย่างงดงาม ปกคอเสื้อที่เปิดออกนั้นทำให้เห็นลำคอที่เรียวยาว
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ระวังตัว ในขณะที่ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไปและโอบกอดร่างของนางไว้แนบอก
ใบหน้าของนางแทบจะฝังอยู่ในหน้าอกของเขา หัวใจที่อยู่ภายใต้ผิวหนังที่เย็นเล็กน้อยของเขานั้น กำลังเต้นระรัวด้วยความซุกซน
ท่วงท่าที่องค์ชายสามโอบกอดนางนั้น ไม่เหมือนกับท่าทีที่ผู้ชายโอบกอดหญิงสาว แต่ดูเหมือนกับเขากำลังอุ้มสัตว์เลี้ยงที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์มากกว่า
“รอจนกว่าข้าจะถอดเล็บของเจ้าออกก่อนเถอะ ดูสิว่าเจ้าจะยังไปก่อเรื่องให้ผึ้งและผีเสื้อรุมตอมได้อีกหรือไม่” เขาพิงอยู่ข้างใบหูของหญิงสาว และพูดงึมงำด้วยความมึนเมาจนแทบฟังไม่ออก เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเพียงว่า หลังจากที่ลมหายใจนั้นกระทบกับใบหูของนาง นางก็รู้สึกเสียวซ่านและจั๊กจี้เล็กน้อย
ในขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจะพูดว่า องค์ชายสามท่านจำคนผิดแล้ว
ทันใดนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ผลักนางออกไปทันที มือของเขาปิดตรงหน้าท้องของตนเอง ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
จริงๆ แล้ว เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจะเดินออกไป แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนางนึกถึงตอนที่องค์ชายสามเคยช่วยเหลือนางเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางก็ปรับอารมณ์ของตนเอง และเอ่ยถาม “ปวดท้องหรือเพคะ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ส่งเสียงออกมา เขาเพียงแค่ปิดตาทั้งสองข้างไว้แน่น ริมฝีปากของเขาเย็นลงเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ช่างเอาใจยากเหลือเกิน จากนั้นนางก็ถอนหายใจและยกถ้วยชาให้เขาได้ดื่มน้ำอุ่นเล็กน้อย “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือไม่เพคะ”
หลังจากที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้ยินเสียงของนาง เขาก็ลืมตาที่เรียวยาวขึ้น ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มในแววตาที่ดูเยือกเย็นและเฉยเมย
คนอย่างเขา เมื่อยิ้มออกมาก็สามารถทำให้โลกสั่นสวรรค์สะเทือนได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับเป็นจอมมารเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายที่ดูบริสุทธิ์และมีเสน่ห์อย่างไม่อาจอธิบายได้ ชายหนุ่มค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นและมองไปทางหญิงสาว ก่อนจะแสดงท่าทีมีเลศนัย
เฮ่อเหลียนเวยเวยสบถในใจว่าหากองค์ชายสามที่กำลังมึนเมาอยู่นี้ยังจำไม่ได้ว่านางคือใคร นางก็จะสาดน้ำชาทั้งถ้วยใส่หน้าเขาแล้ว
แต่สุดท้ายแล้ว ความคิดที่จะทำเช่นนั้นก็ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เลย เพราะจู่ๆ กลิ่นหอมจางๆ ของไม้จันทน์ และความเย็นยะเยือกราวกับหิมะก็ได้ประทับลงบนริมฝีปากของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยตกอยู่ในภวังค์
เมื่อเห็นท่าทีของนาง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาเอนตัวไปข้างหน้า เพื่อเพิ่มความหนักหน่วงให้กับจูบนี้
รสชาตินั้นดีกว่าที่เขาคิดไว้จริงๆ มันทั้งหอมหวานและนุ่มนวล
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะดูดดื่มริมฝีปากนั้นและจูบนางไปเรื่อยๆ มันมีรสชาติของขนมกุ้ยฮวาอยู่จางๆ
ทันใดนั้น ขันทีซุนก็มาเคาะประตู ทำให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยต้องตั้งสติใหม่ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเกี้ยวพาราสีหญิงสาวจริงๆ
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังคงโอบกอดนางไว้แนบอก และยกตัวของนางขึ้น ก่อนจะใช้ลิ้นของตนเองดันเพื่อให้ริมฝีปากและฟันของหญิงสาวเปิดออก เหมือนกับเป็นพายุที่ก่อตัวอย่างรุนแรงและหอมหวาน
ปฏิกิริยาแรกของเฮ่อเหลียนเวยเวยคือขัดขืนและดิ้นรน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะคิดได้ว่าต้องทำอะไร นางก็ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลย
เขารั้งมือทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้แน่น แล้วก็กดร่างของนางไว้ตรงมุมห้อง
นอกจากความพยายามของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่ต้องการจะยื่นมือออกไปนั้นจะไม่ได้ช่วยให้นางหลุดพ้นจากเขาได้แล้ว กลับยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย
เขาโอบกอดหญิงสาวไว้แน่น เนื้อตัวที่นิ่มนวลของนางอยู่ห่างจากหน้าอกที่แข็งแกร่งของเขาเพียงแค่เสื้อผ้ากั้นเท่านั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้กลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนและเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวจากลำคอของเฮ่อเหลียนเวยเวย ซึ่งเป็นกลิ่นที่ยังไม่เคยมีใครได้กลิ่นมาก่อน นิ้วของเขาเริ่มลูบไล้ไปทั่ว
ผู้ชายมักจะมีนิสัยชอบเล้าโลมโดยธรรมชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ชายที่มีอาการมึนเมา
แม้ว่าจริงๆ แล้ว ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะรู้ตัวว่าการกระทำของตนเองนั้นไม่เหมาะสม แต่เขาไม่เพียงแต่ไม่ถอนตัวออกมา ตรงกันข้าม เขากลับยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้น ราวกับว่ากำลังตอบสนองต่อเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจอย่างน่าประหลาด
ความรู้สึกทั้งหมดของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระจุกอยู่ตรงลิ้นของนาง หญิงสาวรู้สึกว่าจิตใจของตนเองนั้นว่างเปล่า ในช่วงชีวิตของนาง แม้แต่ในโลกสมัยที่นางจากมา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ไม่เคยมีประสบการณ์การจูบมาก่อน ดังนั้น เมื่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจูบนาง นางก็ถึงกับชะงักจนตัวแข็งไปชั่วขณะหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางพบกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยครั้งแรก นางก็ไม่ได้มองว่าเขาเป็นเหมือนกับผู้ชายธรรมดาทั่วไป หรืออาจพูดได้ว่า เขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนที่ไม่มีความปรารถนาเหมือนกับผู้ชายทั่วไป
ตามปกติแล้ว คนที่รักความสะอาดอย่างมาก คนที่สูงส่งเย็นชาและยังเป็นชนชั้นสูงนั้นมักจะอยู่ในวัดหรือศาลเจ้า ความปรารถนาของพวกเขาคือการไม่ถูกคนอื่นรบกวน แต่ตอนนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับตระหนักได้ถึงความ ‘อันตราย’ ที่มาจากร่างกายของเขา
อาจเป็นเพราะเขาเมาเหล้าหรือเปล่า
เฮ่อเหลียนเวยเวยสบถ ‘บ้าน่า’ อย่างเงียบๆ และคิดว่าจะงอขาของตนเพื่อเตะเขาออกไป แต่อาจเป็นเพราะพละกำลังทางร่างกายของนางยังไม่แข็งแรงพอ หรืออาจเป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า ยิ่งหญิงสาวดิ้นรนมากเท่าไหร่ มือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยิ่งรั้งข้อมือของนางไว้แน่นขึ้นเท่านั้น จนในที่สุด เขาก็ยกแผ่นหลังของนางขึ้น ก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะเลื่อนเข้าไปใต้เสื้อคลุมของนาง
ความรู้สึกเย็นเล็กน้อยนั้นทำให้ร่างกายของเฮ่อเหลียนเวยเวยสั่นสะท้านไปทั้งตัว นางกัดริมฝีปากของเขาอย่างรุนแรง พร้อมกับเอื้อมมือขวาไปคว้ามีดสีเงินที่อยู่ในแขนเสื้อ แล้วถอยหลังออกมา มีแสงสว่างวาบขึ้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหลบพร้อมกับกำมือขวาของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังจะถือมีดเข้ามาแทงเขา ชายหนุ่มบังคับให้ร่างของอีกฝ่ายหมุนเป็นครึ่งวงกลมและอยู่ในท่าเอนหลังพิงกับตนเอง
แผ่นหลังของเฮ่อเหลียนเวยเวยแนบชิดกับหน้าอกของไป๋หลี่เจียเจวี่ย พวกเขาทั้งสองคนไม่มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ลง เพราะมืออีกข้างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นกำลังซุกซนอย่างมาก หัวใจของนางเต้นระรัวราวกับฟ้าร้อง หูของนางไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย อากาศที่อยู่ในปากของนางก็ถูกอีกฝ่ายดูดออกไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เริ่มพร่ามัว ในที่สุด นางก็สามารถหายใจได้อีกครั้ง
ร่างกายของเฮ่อเหลียนเวยเวยเหมือนกับไม่มีกระดูก ราวกับเป็นคนที่ถูกยัดไส้ด้วยปุยนุ่น ในขณะที่นางกำลังจะล้มลงอย่างอ่อนแรงนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เข้าไปประคองเอวของนางไว้ทันที เพื่อไม่ให้ล้มลงพื้น แล้วริมฝีปากบางของเขาก็กดทับริมฝีปากของนาง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันร้ายกาจ “มันไม่ช่วยอะไรหรอก ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ”
เสียงเคาะประตูนั้นได้เงียบหายไปแล้ว ขันทีซุนเรียกชื่อออกไปอย่างแผ่วเบาและงุนงง “องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ”
หัวใจของเฮ่อเหลียนเวยเวยบีบรัด หากมีใครเข้ามาเห็นในเวลานี้ นางจะต้องถูกไล่ออกจากสำนักไท่ไป๋อย่างแน่นอน และนางก็จะหมดสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์อันยิ่งใหญ่
ในสมัยโบราณ ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แม้กระทั่งก่อนที่จะเข้าศึกษาในสำนักไท่ไป๋ ประกาศรับสมัครก็แจ้งเอาไว้อย่างชัดเจนว่าระหว่างที่อยู่ในสำนักแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ห้ามประพฤติผิดประเพณีทางสังคม
ทั้งนี้ทั้งนั้น เหล่าคุณชายและคุณหนูต่างก็อยู่ร่วมกันในสำนักไท่ไป๋แห่งนี้
แม้ว่าพวกเขาจะแบ่งแยกกันโดยระดับชั้นหรือหอก็ตาม แต่ไม่ว่าจะมีกฎที่เข้มงวดเพียงใด ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่ผิดประเพณีได้
ผู้ที่เข้ามาเรียนในสำนักไท่ไป๋ได้ ล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลที่มีฐานะและเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง แม้ว่าเหล่าผู้ชายจะสามารถพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าเกิดมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกล่วงละเมิดในสำนักไท่ไป๋จริงๆ บรรดาอาจารย์ทั้งหลายก็คงไม่สามารถเผชิญหน้าและให้เหตุผลกับท่านพ่อท่านแม่ของหญิงสาวคนนั้นได้
ด้วยเหตุนี้ การลงโทษของสำนักไท่ไป๋จึงรุนแรงเป็นพิเศษ
หากพูดกันตรงๆ แล้ว มันก็เป็นเหตุผลที่คล้ายคลึงกับกฎระเบียบในโรงเรียนมัธยมของยุคสมัยใหม่ ที่มักจะมีกฎห้ามไม่ให้นักเรียนคบหาดูใจกันนั่นเอง
แต่ความคิดของเหล่าอาจารย์ที่นี่นั้นล้าสมัยมากกว่า ยังไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเลยด้วยซ้ำ แม้แต่การจับมือกันก็ยังถูกห้าม แล้วนับประสาอะไรกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ตอนนี้เล่า