องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 855
หนีเฟิ่งเงยหน้าขึ้นทันทีที่นางได้ยินคำว่าดอกบัวทองคำ ความอ่อนโยนหายวับไปจากใบหน้าของนาง!
”เจ้า…”
เป็นไปไม่ได้!
มันเป็นไปไม่ได้!
หงส์เพลิงย่อมไม่มีทางที่จะฟื้นความทรงจำกลับคืนมาได้!
ในตอนนั้น สมเด็จบอกนางว่าต้นโพธิ์จะปกป้องคุ้มครองนางด้วยทุกอย่างที่ทำได้ ตราบใดที่เขาเข้าใจผิดว่านางคือหงส์เพลิง และหงส์เพลิงตัวจริงจะไร้ตัวตนไปตลอดกาล
มันเป็นชะตากรรม!
มันคือชะตากรรมที่หงส์เพลิงไม่อาจหลบหนีได้!
ทำไมล่ะ!
ทำไมถึงเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นได้
หนีเฟิ่งยังรู้สึกไม่อยากเชื่อ นางพยายามบังคับให้ตัวเองคงความสงบเยือกเย็นเอาไว้
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เปิดโอกาสให้นางได้ทำเช่นนั้น นางยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนพร้อมกับเสื้อคลุมตัวยาว และผมสีดำที่เริงระบำอยู่ในสายลม
นางยกมือข้างขวาขึ้นในแนวตั้ง แล้วปลดปล่อยกระแสพลังจำนวนมหาศาลออกมา ดวงตาของนางเย็นชาอย่างมากจนทิ่มแทงไปถึงกระดูก
ทันใดนั้น กระแสลมที่มองไม่เห็นก็ก่อตัวขึ้นรอบตัวนางราวกับปราการทางธรรมชาติ มันเรืองแสงอ่อนๆ และผลักเมฆหมอกอันขุ่นมัวในรัศมีสิบจั้งรอบตัวนางออกไป
แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่นางก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังปะทุขึ้นมาจากส่วนลึกของพื้นดิน
เป็นไฟนั่นเอง!
มันคือไฟนรกที่สามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่ง!
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายมองนาง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างราวกับตกตะลึงกับโลกใบใหม่ที่เพิ่งปรากฏขึ้นนี้
เงาของภูเขาปู้โจวปรากฏเลือนรางอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน ก่อนที่ภาพความโกลาหลของบรรดาปีศาจที่กำลังกระโดดโลดเต้น ภาพทะเลทั้งสี่ที่ย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน และภาพของภูเขาดวงตาอสูรที่เทพและพระอรหันต์ต่างหวาดกลัวจะปรากฏขึ้นมา…
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าภาพที่วาดอยู่ในหนังสือจะปรากฏขึ้นจริงต่อหน้าพวกเขา!
สีหน้าของพวกเขาล้วนแต่อธิบายไม่ถูก นอกจากความตกตะลึงและความตกใจแล้ว พวกเขายังรู้สึกไม่อยากเชื่ออย่างยิ่ง
แม้กระทั่งเทพก็ยังไม่สามารถเปิดประตูนรกได้!
แต่ท่ามกลางไฟนรกที่กำลังลุกโชติช่วงนั้น กลับมีร่างผอมเพรียวและชั่วร้ายร่างหนึ่งเดินทอดน่องออกมาราวกับสามารถแช่แข็งอากาศที่อยู่รอบตัวได้
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างมาก เขามีผมสีดำสนิทราวกับรัตติกาลและสง่างามดูโดดเด่น หมอกสีดำลอยอยู่รอบตัวของเขา แม้กระทั่งปีศาจนับร้อยๆ ตัวก็ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับเขาได้ ที่ด้านหลังของเขามีปีศาจติดตามอยู่นับพัน พวกมันพากันส่งเสียงคำรามอย่างชั่วร้าย แต่ก็ไม่มีปีศาจตนใดกล้าเดินล้ำออกมาเกินหน้าเขา
ใบหน้าของหนีเฟิ่งซีดเผือดในทันใด
นางเซถอยหลัง แล้วเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า ”ท่าน ตี้จวิน ไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้! ท่านตกจากสวรรค์ไปแล้ว ไม่มีทางที่ท่านจะยังมีเทวจิตอยู่กับตัวได้!”
นางตะโกนประโยคสุดท้ายออกมาด้วยความหวาดหวั่น
แต่องค์ชายกลับมองข้ามการมีอยู่ของนางไป เขาไม่ต้องการแม้แต่จะคุยกับนางสักนิดเดียว
แน่นอนว่าหลังจากเจ้าตัวน้อยของเขาเล่นสนุกกับนางจนพอใจแล้ว เขาจะต้องตามไปขยี้ดอกบัวเน่าๆ ดอกนี้ให้เป็นล้านชิ้น!
หลังจากได้ยินว่าคนของพระพุทธศาสนาปฏิบัติต่อหงส์เพลิงตัวน้อยของเขาอย่างไร เขาก็อยากแก้แค้นพวกมันทีละคน!
หนีเฟิ่งไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม ยิ่งไม่ใช่ในตอนที่ดวงตาลึกล้ำทรงเสน่ห์นั้นเคลือบไปด้วยพิษแห่งความเกลียดชังและความขยะแขยงอย่างรุนแรงในเวลานี้
เขาไม่ควรมองข้าเช่นนั้น
ข้าชื่นชมเขามาหลายพันปี
แม้แต่สมเด็จก็ยังบอกว่าพวกเรามีชะตาที่จะได้อยู่ด้วยกัน
ตอนที่เขาเข้ามาในดินแดนพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก นางบรรลุดวงจิตได้หกดวงแล้วด้วยกัน หนึ่งในนั้นกลายเป็นแม่มดสาวในแดนปีศาจ และรอคอยให้เขาปรากฏตัวขึ้น
ผู้ชายคนนี้ควรจะเป็นของข้า
เขาควรจะมองข้าสิ
ไม่ใช่ใช้ดวงตาอันมุ่งมั่นและอ่อนโยนนั่นมองไปที่หงส์เพลิงที่ไม่รู้จักสิ่งใดนอกจากการต่อสู้ฆ่าฟัน!
ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่เล่นตัวเพื่อดึงดูดความสนใจของเขาเท่านั้น
ทำไมถึงเป็นนางล่ะ
ทำไมคนที่ได้อยู่กับเขาถึงเป็นหงส์เพลิง
หนีเฟิ่งหันหน้ากลับไปจ้องเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับว่านางเป็นศัตรูตัวฉกาจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับทำเพียงแค่หัวเราะ และพูดขึ้นว่า ”ดอกบัวทองคำ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นพลังธรรมะของหงส์เพลิงตัวจริงเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นนางจึงเริ่มวาดฝ่ามือ เสื้อคลุมของนางสะบัดขึ้นลงอยู่ในเปลวไฟอันร้อนระอุนั้น ”ในนามแห่งข้า ขออัญเชิญสายลมแลหมู่เมฆทั้งโลกา จงบงการเพลิงนรก จงก้าวข้ามสรรพชีวิตนับพัน และบรรลุถึงองค์ศากยมุนี! ดาบกระดูกหงส์เพลิง จงกลับมา!”
ทันทีที่นางสวดคาถานั้นจบ ก็พลันเกิดเสียงดังสนั่นก้องไปทั่วบริเวณ!
อากาศที่มองไม่เห็นรวมตัวเข้าหากันที่กลางฝ่ามือของนาง พายุหมุนนั้นทำให้ภูเขาปู้โจวทั้งลูกจมหายไปราวกับอยู่ในวันสิ้นโลก แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับยืนอยู่กลางลมพายุนั้นอย่างไม่คิดที่จะหลบเลี่ยง ดวงตาของนางลุกโชติช่วง ขณะที่เสื้อคลุมตัวยาวของนางสะบัดอยู่ในกระแสลม จากนั้น ลำแสงหลายสายก็ปรากฏขึ้นจากทางด้านหลังของนาง นางกลายร่างเป็นหงส์เพลิงสีทองแล้วโผบินขึ้นจากเปลวไฟที่กำลังปะทุอยู่
อากาศโดยรอบร้อนระอุจากความร้อนราวกับภูเขาไฟนั้น ทันใดนั้นดาบวงพระจันทร์ขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากทะเลเลือด มันฟันฉับลงกับพื้นดิน หั่นร่างของวิญญาณร้ายที่อยู่ในเส้นทางเป็นชิ้นๆ ราวกับมีจิตสังหารเป็นของตัวเอง จากนั้นจึงลอยเข้าสู่ฝ่ามือของเฮ่อเหลียนเวยเวย
”นั่นมัน! นั่นมันอะไรกัน?! มันคือบทสวดพระพุทธคุณกำจัดวิญญาณร้ายมิใช่หรือ!”
”มันเป็นบทสวดจากตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายของพวกเรา!”
”เป็นไปได้หรือไม่ว่านาง... นางคือหงส์เพลิงตัวจริง!?”
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายทุกคนที่ก่อนหน้านี้เคยนึกอยากลงโทษจูเก่ออวิ๋นถึงกับอึ้ง กระบี่ไม้ท้อในมือของพวกเขาร่วงหล่นลงกับพื้น ร่างของพวกเขาแข็งทื่อด้วยความไม่อยากเชื่อ พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าหงส์เพลิงที่พวกเขาให้การยอมรับมาตลอดหลายปีนั้นแท้จริงแล้วเป็นตัวปลอม!
”เฟิ่งเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่!” ผู้อาวุโสจางรู้สึกทุกข์ใจและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในเวลานี้ หนีเฟิ่งไม่ได้ยินคำถามของเขาอีกต่อไป
แสงนั้นทวีความแข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ นางทำได้เพียงแค่ใช้พลังพระพุทธคุณของตัวเองต้านทานมันเอาไว้เท่านั้น
เมื่อเห็นว่านางยังคงเงียบ ผู้อาวุโสจางก็รู้ว่าจบสิ้นแล้ว
เมื่อเขามองไปที่คนหนุ่มสาวที่พวกเขาเคยคิดว่าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ใบหน้าของเขาก็เห่อร้อนไปด้วยความอับอาย
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้อาวุโสจาง แต่บรรดาผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่เคยสาปแช่งตระกูลจูเก่อต่างก็อยากขุดหลุมและเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในนั้นกันทุกคน
พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปด้วยซ้ำ เพราะมันมีแต่จะยิ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความโง่ของพวกเขา!
แต่เดิมนั้น หงส์เพลิงเป็นเทพที่พวกเขาจะต้องปกป้องตลอดชีวิต
แต่พวกเขากลับบูชาหงส์เพลิงตัวปลอม และปฏิบัติต่อหงส์เพลิงตัวจริงราวกับว่านางเป็นปีศาจ
ความเสียใจนี้ทำให้บรรดาผู้ขับไล่วิญญาณร้ายที่รุมโจมตีตระกูลจูเก่อถึงกับก้มหน้าลงด้วยความอัปยศอดสู
หนีเฟิ่งเงยหน้าขึ้น และระเบิดหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นภาพนี้ เสียงตะโกนของนางดังกึกก้องเป็นภาษาสันสกฤตอยู่ในหูของพวกเขา ”หงส์เพลิง เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถฟื้นคืนชีพได้เพียงเพราะตี้จวินช่วยเจ้านำเพลิงนรกออกมาหรือ หากไร้ซึ่งแสงแห่งพระพุทธคุณทั้งหมด เจ้าย่อมไม่มีทางได้ร่างอรหันต์ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องนั้นหรือ พระสารีริกธาตุทุกชิ้นที่อยู่ในร่างของเจ้าถูกเอาออกไปหมดแล้ว! เจ้าไม่มีทางหนีจากร่างมนุษย์นี้ได้! หงส์เพลิงผู้น่าสงสาร เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วหรือ เจ้าถูกลิขิตให้ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในวันนี้ตั้งแต่วันที่เจ้าหันหลังให้พระพุทธศาสนาในวันนั้นแล้วต่างหาก! เจ้าไม่สามารถหลีกหนีจากชะตากรรมของตัวเองได้ อย่างไรเจ้าก็ต้องเป็นคมดาบของพระพุทธศาสนาอยู่วันยังค่ำ! ฮ่าๆๆ!”
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของนางดังก้องไปทั่วเมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้าย สีหน้าของหนีเฟิ่งเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นางไม่ได้ดูไร้พิษภัยอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างยิ่งยวด จากนั้นนางก็ประกาศขึ้นเสียงดังว่า ”ในไม่ช้าข้าจะขโมยเอาพลังธรรมะของเจ้ามา และแม้แต่ตี้จวินก็ไม่สามารถยับยั้งได้ มันเป็นชะตาที่สวรรค์ได้ลิขิตเอาไว้แล้ว! หงส์เพลิง แม้ครั้งหนึ่งเจ้าจะเคยเป็นผู้นำของพระอรหันต์ แต่เจ้าก็ไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมได้! เจ้าถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่มีวันได้รับความโปรดปรานจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง!”
แต่หนีเฟิ่งกลับนึกไม่ถึง…
ว่าทันใดนั้น!
โพธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนจะปรากฏออกมาจากร่างของจูเก่ออวิ๋น พวกมันล้วนแต่เรืองแสงสีทองอร่าม และเปลี่ยนความชั่วร้ายอันหนาแน่นในอากาศให้กลายเป็นความว่างเปล่า!