องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 860 สมเด็จเริ่มรู้สึกเสียใจ (1)
”ตี้.. ตี้จวิน?!”
ไม่ผิดแน่ คนที่หล่อจนลืมหายใจและมีจิตสังหารที่สามารถเขย่าทั้งท้องฟ้าและมหาสมุทรให้สั่นสะเทือนได้เช่นนี้ มีเพียงชายผู้นี้คนเดียวเท่านั้น
เขามาที่นี่ได้อย่างไร
เขาตกจากสวรรค์ไปแล้ว
คนที่ตกจากสวรรค์และกลายเป็นปีศาจย่อมไม่มีทางเข้าถึงแดนพระพุทธศาสนาได้โดยตรง
เขามาที่นี่ทำไม
พระอรหันต์มองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดเผือด แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ลงมือโจมตี…
ก็พลันเกิดเสียงดังฟุบขึ้นเสียก่อน!
ร่างของชายหนุ่มหายไปจากบันได
ในชั่วพริบตา ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็คว้าแขนของหนึ่งในพระอรหันต์เอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
ทันใดนั้น พลันเกิดสายลมกระโชกโหมกระหน่ำเข้าใส่แดนพระพุทธศาสนา
ในไม่กี่วินาที ปีศาจที่อยู่ข้างหลังไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ขยายจำนวนขึ้นถึงสามเท่า
ไม่เคยมีใครทั้งจากภพสวรรค์หรือพระพุทธศาสนาสามารถเอาชนะเขาได้มาก่อน แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้
ทีแรกบรรดาพระอรหันต์คิดว่าเขามีเพียงแค่พลังปีศาจ แต่ยิ่งเขาเข้ามาใกล้พวกเขาเท่าใด เทวจิตที่สามารถกำราบได้ทั้งหกภพภูมินั้นก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นเท่านั้น
ดวงตาของอรหันต์ที่ถูกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจับเอาไว้เบิกกว้างขณะตะโกนขึ้นว่า ”อสูรเทวะ!”
ทันทีที่ได้ยินคำนี้ ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วของเหล่าพระอรหันต์ก็ยิ่งซีดจนขาว
อรหันต์ทั้งหมดรวมตัวกัน พร้อมกับเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตที่ดังอยู่ในอากาศ พวกเขาล้วนแต่อยู่ในปางประทับดอกบัวด้วยเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือการหยุดยั้งชายหนุ่ม
”ตี้จวิน ภพสวรรค์กับพระพุทธศาสนาอยู่กันอย่างสันติมาหนึ่งร้อยปี อีกทั้งคนที่ยินยอมตกจากสวรรค์อย่างสมัครใจก็คือตัวท่านเอง ทำไมถึงมาที่พระพุทธศาสนาเอาป่านนี้เล่า”
บุตรแห่งราชานรกหมดอารมณ์จะห้ามการต่อสู้นี้หลังจากได้ยินคำพูดของพวกเขา พระอรหันต์พวกนี้อยู่มานานเกินไป แม้กระทั่งคำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเขาก็ยังน่าขยะแขยงยิ่งนัก
แม้ว่าบรรดาพระอรหันต์จะรู้ซึ้งถึงความอันตรายถึงชีวิตของตี้จวิน และความสามารถในการพรากร่างอรหันต์ไปจากพวกเขาดี แต่ตราบใดที่เศษชิ้นส่วนวิญญาณของพวกเขายังคงอยู่ พระอรหันต์เช่นพวกเขาย่อมสามารถเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้
พวกเขาละทิ้งความหวาดกลัวที่มีต่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ย อย่างไรพวกเขาก็ต้องรักษาความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้จงได้ พวกเขาพนมมือเข้าหากันแล้วพึมพำขึ้นว่าอมิตาพุทธ ก่อนจะพูดต่อ ”สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตี้จวิน ท่านมาสร้างความวุ่นวายในพระพุทธศาสนาโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ไม่กลัวว่าสวรรค์จะบันดาลหายนะให้หรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับเพียงแค่กระตุกยิ้ม และยกขาขึ้นถีบอรหันต์ที่ถูกเขาบีบคอตายออกไป ดวงตาของเขาพราวระยับขณะเอ่ยว่า ”ก็อย่างที่เจ้าว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ในอดีตพวกเจ้าเคยบังคับให้หงส์เพลิงต้องยอมแพ้กับพระพุทธศาสนา และรับโทษทัณฑ์จากสวรรค์ วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อให้พวกเจ้าได้ชดใช้กรรมชั่วที่พวกเจ้าทำลงไปอย่างไรเล่า!”
บรรดาพระอรหันต์ตัวสั่นทันทีที่ชื่อของหงส์เพลิงถูกเอ่ยถึง
พวกเขาไม่เคยก่อกรรมทำชั่วมาก่อน...
ยกเว้นปีนั้นตอนที่ดอกบัวทองคำสั่งให้หงส์เพลิงแต่งงานกับราชามังกรจากทะเลตะวันออก หรือไม่ก็ต้องไปชำระล้างทะเลเลือดในนรก
มันเป็นความจริงที่ทุกคนต่างรู้กันดีว่าไม่มีผู้ใดสามารถชำระล้างทะเลเลือดได้ตราบใดที่ตี้จวินมีตัวตนอยู่ในภูเขาปู้โจว
พวกเขาจงใจทำให้หงส์เพลิงไม่มีทางเลือกอื่น
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าหงส์เพลิงจะดื้อรั้นปฏิเสธการแต่งงาน นางทำถึงขั้นตัดขาดวาสนาต่อพระพุทธศาสนาของตนด้วยมือตัวเอง ก่อให้เกิดทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ฟาดลงมาถึงสามสิบสามครั้ง
เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะให้ความช่วยเหลือนาง แต่พวกเขาก็ยั้งตัวเองเอาไว้ด้วยเหตุผลบางประการ
ตั้งแต่พวกเขามีหงส์เพลิง ทุกคนในพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยมือเปื้อนเลือด
พวกเขาตระหนักได้แล้วเช่นกันว่าพระพุทธศาสนาไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หงส์เพลิงก้าวสู่สนามรบ หรือทำให้นางไม่เคยปฏิเสธที่จะไป
ทุกอย่างเป็นเพราะคำสัญญาที่นางให้ไว้กับพระศากยมุนีว่าจะปกป้องความดี กำจัดความชั่วร้าย และปลดปล่อยมนุษย์จากความทุกข์ทั้งปวง
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวได้หลังจากไปเยือนนรก
หงส์เพลิงในวัยเด็กรู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะจับดาบวงพระจันทร์ และพยายามชำระล้างทุกสิ่งเพียงเพื่อตอบแทนความเมตตาของเขา
ในช่วงแรกนั้น พวกเขาสัญญากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงไว้ว่าจะทำทุกอย่างตามความปรารถนาของหงส์เพลิง
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด
พวกเขาก็ยิ่งมีความรู้สึกอันคลุมเครือว่าหงส์เพลิงไม่อาจถูกสยบได้ด้วยพลังของพวกเขาเพียงอย่างเดียว
พวกเขาเริ่มกลัวว่านางจะเผยใบหน้าที่ชั่วร้ายและจิตสังหารอันรุนแรงออกมา
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับนาง และทำเพียงแค่พึมพำว่าอมิตาพุทธอยู่ใต้โล่วัชระเท่านั้น
ตอนนั้นสมเด็จก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน และพวกเขาต่างก็ทำตามประสงค์ของเขา
แต่ เรื่องในวันนั้นก็กลายเป็นความลับที่ดำมืดที่สุดที่ถูกกลบฝังไว้ในใจของพวกเขา
ชื่อของหงส์เพลิงกลายเป็นชื่อต้องห้าม ไม่มีใครในพระพุทธศาสนาเอ่ยถึงชื่อนั้นอีก
เวลานี้เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อนั้นจากชายหนุ่ม พระอรหันต์ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
พวกเขาคิดเหตุผลที่ทำให้ตี้จวินมาที่นี้ได้เป็นพันๆ ข้อ แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้กับความทุกข์ทรมานที่หงส์เพลิงได้รับจากทัณฑ์สวรรค์
บรรดาพระอรหันต์เหมือนจะคิดอะไรออก และริมฝีปากของพวกเขาก็ยิ่งซีดเผือด
วันนั้นที่ภพสวรรค์ทำสงครามกับพระพุทธศาสนา ตี้จวินไม่สนใจการขัดขวางจากภพสวรรค์ และพรากร่างอรหันต์ของสมเด็จไป เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาทำเช่นนั้นเพื่อหงส์เพลิง ไม่ใช่แม่มดนางนั้น
เขาบอกว่าเขาต้องการให้พวกเขาได้เผชิญหน้ากับผลของการกระทำในเวลานั้น
เขาคิดจะพรากร่างอรหันต์ไปจากพวกเขาทุกคนหรือ
หัวใจของพวกเขาดิ่งวูบทันทีที่สัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในร่างนั้น
คนของพระพุทธศาสนาเชื่อเรื่องบาปกรรมเป็นอย่างยิ่ง
ถึงพวกเขาจะไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีที่ผลักหงส์เพลิงเข้าสู่ความสิ้นหวังนั้น แต่พวกเขาก็ทำเพียงแค่ยืนอยู่ห่างๆ และมองภาพนั้นด้วยสายตาเย็นชาเฉยเมย
แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าความเมตตาของพวกเขาหายไปไหน
ทำไมพวกเขาถึงเย็นชาและเฉยเมยได้ถึงเพียงนั้น และเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาปรารถนาให้หงส์เพลิงที่นำความอัปยศมาให้กับพระพุทธศาสนาได้รับการลงโทษโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าโทษที่ว่านั้นจะเป็นการถูกจองจำหรือการแต่งงานก็ตาม
กรรมชั่วในวันนี้คือผลสะท้อนของการกระทำทั้งหมดในอดีตของพวกเขานั่นเอง
บรรดาพระอรหันต์เงยหน้าขึ้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้มีปฏิกิริยา ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็จัดการหักกระดูกของพระอรหันต์อีกคนไปเสียแล้ว