องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 862 เวยเวยมาถึงแล้ว (1)
สมเด็จลืมตาขึ้นด้วยความไม่พอใจ
แต่สีสันบนแก้มของเขาก็พลันหายวับไปเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่กลางตำหนักต้าสยง!
เขาผุดลุกขึ้นจากดอกบัวทองคำทันที!
ดวงตาของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง มันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้ว่าในฐานะพระอรหันต์ผู้เป็นที่เคารพแล้ว เขาไม่ควรแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา
แต่กระนั้น เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนคนเดียวในภพภูมิทั้งหกที่เคยทำให้เขาบาดเจ็บมาก่อน
ประสบการณ์การถูกพรากร่างอรหันต์ไปนั้นช่างเจ็บปวดจนยากจะจินตนาการได้ อีกทั้งเขายังต้องใช้เวลาเกือบพันปีเพื่อฟื้นกำลังกลับมา เขาย่อมไม่ต้องการประสบกับเหตุการณ์เช่นนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
มีแต่ต้องชิงลงมือก่อนเท่านั้นถึงจะได้เปรียบ!
สมเด็จหรี่ตาลงอย่างดุร้าย แล้วขว้างลูกประคำที่พันอยู่รอบข้อมือขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว!
แสงแห่งพระพุทธคุณรวมตัวกันกลายเป็นดอกบัวทองคำขนาดมหึมาสูงเท่ากับตัวคน ก่อนพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทันที!
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม ขณะพาร่างเพรียวได้รูปของตัวเองถอยหลบไปข้างหลัง จากนั้นเขาจึงพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ มันเร็วเสียจนร่างของเขากลายเป็นลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าเลยทีเดียว!
ปัง!
มือของเขาเจาะทะเลแสงแห่งพระพุทธคุณที่ส่องลงมา และมุ่งตรงไปที่ด้านในของบัวดอกนั้น
ใบหน้าหล่อเหลาถูกบาด แม้จะมีเลือดสีแดงหยดลงมาจากรอยแผลที่ถูกทิ้งเอาไว้ แต่มันก็ทำให้เขายิ่งดูชั่วร้ายมากขึ้นเท่านั้น
สมเด็จไม่สนใจความจริงที่ว่าเขาอาจถูกประณามว่าทำผิดศีลธรรมได้หากเขาเป็นคนชิงลงมือก่อน เขาเหลือบมองกลุ่มพระอรหันต์เป็นสัญญาณบอกให้พวกเขาสวดมนต์พร้อมกันกับเขา
เขาท่องบทสวดเสียงดังในขณะที่ดวงตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ถึงจะเป็นตี้จวินที่เกิดจากความโกลาหลก็ไม่มีทางหนีจาก ’บทสวดล้านอรหันต์’ ได้!
ที่นี่คือตำหนักต้าสยง เป็นสถานที่ที่สามารถกำราบต้นตอแห่งความชั่วร้ายทั้งปวงได้
ตราบใดที่บรรดาพระอรหันต์สวดมนต์ร่วมกัน พวกเราย่อมสามารถทำให้บุตรแห่งราชานรกอ่อนแอลงและยอมศิโรราบได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรผู้ชายคนนี้ได้ก็ตาม!
ดวงตาของสมเด็จเคร่งขรึมด้วยความมุ่งร้าย บนใบหน้าของเขาไม่ได้มีสีหน้าอย่างที่พระอรหันต์ควรมี หากสังเกตดูใกล้ๆ จะพบว่าทุกตารางนิ้วบนใบหน้านั้นดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก
อรหันต์เหล่านั้นไม่กล้าขัดคำสั่งเขา ทั้งยังไม่มีใครต้องการทำเช่นนั้นอีกด้วย ถ้าพวกเขาไม่คิดหาวิธีมาสู้กับตี้จวิน พวกเขาจะต้องถูกตี้จวินฆ่าในทันทีที่เขาจัดการสมเด็จได้อย่างแน่นอน
ผลสุดท้าย อรหันต์ทั้งหมดจึงจับมือกัน แล้วสวดมนต์ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ
บุตรแห่งราชานรกยกมือขึ้นปิดหู เพราะเขาไม่สามารถต้านทานบทสวดสันสกฤตนี้ได้ เขาดูทรมานอย่างมากราวกับกำลังฝันร้ายอยู่ก็ไม่ปาน
ว่ากันว่า ’บทสวดล้านอรหันต์’ เป็นบทสวดที่ถูกสวดน้อยที่สุดในพระพุทธศาสนา
มันตรงกันข้ามกับหลักการทางพระพุทธศาสนาที่ให้ปลดปล่อยสรรพสัตว์จากความทุกข์ และนำพาผู้คนสู่ความเมตตากรุณา
แต่แก่นแท้ของความเมตตานั้นไม่ใช่การหลับหูหลับตาเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือการยอมแพ้และอดทนอดกลั้น แต่เป็นการละเว้นจากการทำร้ายผู้อื่น
ความเมตตาที่แท้จริงย่อมไม่มีวันขอให้ผู้ใดทำในสิ่งที่ขัดต่อความปรารถนาของตัวเอง
หากการพูดนำมาซึ่งอันตราย เช่นนั้นก็ควรสงบปากสงบคำเอาไว้
หากรู้ว่าตัวเองไม่มีพลังพอที่จะส่องแสง เช่นนั้นก็อย่าได้ส่องแสงสว่างให้กับผู้ใด
แต่อย่ายืนหยัดเพื่อความมืดมิดเพียงเพราะคุ้นเคยกับมัน
และอย่าได้เยาะเย้ยผู้ที่กล้าหาญชาญชัยกว่าตัวเอง
’บทสวดล้านอรหันต์’ คือบทสวดที่สร้างขึ้นจากการรวบรวมคำนินทาว่าร้ายทั้งหลายมาจากโลกมนุษย์
มันคือพลังที่สามารถดับความตั้งใจของใครสักคนได้
บุตรแห่งราชานรกยกมือข้างหนึ่งขึ้นค้ำหน้าผาก เขี้ยวของเขากำลังจะงอกออกมานอกปาก
ถ้าเขาเคลื่อนไหวไม่ได้ ต่อให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะทรงพลังเพียงใด เขาก็ทำได้เพียงแค่พรากร่างอรหันต์ไปจากพวกเขา แต่ไม่สามารถทำลายวิญญาณของพวกเขาได้
สมเด็จวางแผนการนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นบุตรแห่งราชานรกเดินตามหลังไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมา เขาก็คิดออกทันทีว่าเขาจะต้องแยกสองคนนี้ออกจากกัน
เสียงสวดมนต์ดังกระหึ่มยิ่งกว่าที่เคย!
ร่างกายเล็กๆ ของบุตรแห่งราชานรกเริ่มสั่นระริก ดวงตาสีแดงราวกับเม็ดทับทิมของเขาแดงก่ำเหมือนเลือด
บรรดาพระอรหันต์ต่างหวาดกลัวเมื่อพวกเขาเห็นภาพนั้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าหยุดสวดมนต์ เพราะตี้จวินจะหักคอพวกเขาทันทีที่พวกเขาทำเช่นนั้น
พระอรหันต์พนมมือตั้งตรง และตั้งใจสวดมนต์อย่างต่อเนื่อง
สมเด็จเป็นคนที่สวดมนต์ได้เร็วที่สุด เสียงจากบทสวดนั้นมีอำนาจเหนือบุตรแห่งราชานรก แต่ในตอนที่เขาคิดว่าบทสวดได้ผลนั่นเอง…
ใครบางคนก็คว้าคอของเขาเอาไว้อย่างไร้ความปรานี!
แขนทั้งสองข้างนั้นแข็งแรงอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเปื้อนไปด้วยเลือด
ความเร็วของการเคลื่อนไหวนั้นช่างรวดเร็วจนน่าตะลึง
สมเด็จมองใบหน้าหล่อเหลาอันเย็นชาชั่วร้ายนั้นด้วยความตื่นตระหนก แล้วระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยว่า ”หากไร้ขวานเก็บเกี่ยววิญญาณของบุตรแห่งราชานรก ต่อให้เจ้าฆ่าข้าเป็นร้อยครั้ง ข้าก็สามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมในพระพุทธศาสนาได้! เหมือนก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าตกจากสวรรค์และกลายเป็นปีศาจ ในขณะที่ข้ายังได้อยู่ในพระพุทธศาสนาต่อ! วิญญาณของอรหันต์ไม่มีทางถูกคนจากภพชั้นต่ำลำดับที่สามอย่างพวกเจ้าทำลายได้!”
”แล้วถ้าข้าขอร่วมด้วยล่ะ” น้ำเสียงใสกังวานราวกับกระจกนั้นดังขึ้นจากความว่างเปล่าที่ด้านหลังของพวกเขา ราวกับว่ามันสามารถแทงทะลุเมฆแห่งความเงียบสงบหลายต่อหลายชั้นเข้ามาได้
บรรดาพระอรหันต์มองไปทางต้นเสียง และเห็นร่างร่างหนึ่งยืนหันหลังให้กับแสงสว่าง และเดินเข้ามาจากด้านนอกของตำหนัก เสื้อคลุมของคนคนนั้นสะบัดไปมาตามสายลม
พวกเขามองเห็นใบหน้าของนางได้ไม่ชัด ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่สามารถใจเย็นกันได้ถึงเพียงนี้
เสื้อคลุมของนางเปล่งประกายราวกับไฟ พร้อมกับถือดาบวงพระจันทร์ที่ทำจากพระสารีริกธาตุเอาไว้ในมือ ดวงตาของนางมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างมาก มันดูบริสุทธิ์ราวกับทะเลสาบบนภูเขาซวีหมี แต่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย