องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 867 การสังหารอันงดงาม
”โอหัง!” ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ชายหนุ่มท่าทางดุดันในชุดเกราะก็เดินเข้ามา ดูเหมือนเขาจะเพิ่งมาจากค่ายทหาร เขามองไปยังรถม้าที่กำลังจะฝ่าเข้ามาในเมืองอย่างเดือดดาล จากนั้นจึงหันไปมองหลานชายที่บาดเจ็บอยู่บนพื้น ทันใดนั้นเขาก็หรี่ตาลงทันที ”เจ้ากล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนักในที่สาธารณะได้อย่างไร เจ้าคิดจะเป็นกบฏหรือเบื่อชีวิตแล้วหรือไร ข้าจะให้โอกาสเจ้าเอาชีวิตรอดก็แล้วกัน ลงจากรถม้าแล้วมากับข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะเอาชีวิตของเจ้าเสีย!”
ขณะที่พูด เขาก็ปักดาบเล่มใหญ่ลงกับพื้นเสียงดังเคร้ง พื้นดินแตกเป็นรอยจากการกระทำนั้นของเขา!
คนที่อยู่นอกเมืองรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีที่เห็นภาพนี้ พวกเขารีบเข้าไปหลบที่ด้านข้าง แล้วมองชายคนนั้นด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อพวกเขาเข้าไปซ่อนตัวกันหมด รถม้าคันนั้นจึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางถนน ภาพนั้นยากจะมองข้ามได้
องครักษ์เงาสองนายยังยืนขนาบข้างรถม้าคันนั้นเอาไว้ด้วยท่าทางนิ่งเฉย
และคนที่อยู่ในรถม้าก็ไม่คิดที่จะออกมา
เวลานี้หัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวงโกรธจัดจนควันออกหู
”ดี ดีมาก เจ้าเลือกที่จะดื่มสุราพิษแทนที่จะเลือกสุราชัยชนะหรือ พลธนู เตรียมขึ้นสายได้ ส่งเจ้าพวกคนที่มันไม่รู้จักเคารพกฎหมายพวกนี้ไปลงนรกซะ!”
เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนพื้นแล้ว ผู้ชายคนนี้มีอำนาจมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพียงคำสั่งเดียว เสียงขึ้นสายธนูก็ดังจนได้ยินไปทั่วบริเวณ!
ทหารหลายร้อยนายทั้งในและนอกกำแพงเมืองยกคันธนูและลูกธนูของตัวเองขึ้น!
หัวธนูทุกหัวพุ่งตรงไปที่รถม้าที่อยู่กลางถนน!
”ยิง!” หัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวงออกคำสั่งอย่างไม่ปรานี เขาเป็นคนโหดเหี้ยมโดยนิสัย และอีกฝ่ายก็ทำร้ายร่างกายของผู้เป็นหลานชายของเขาจนบาดเจ็บ ถ้าเขาไม่ฆ่าคนพวกนี้ด้วยมือตัวเอง มันก็คงยากที่เขาจะดับความเกลียดชังที่อยู่ในหัวใจลงได้!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ธนูนับร้อยดอกถูกยิงออกไปพร้อมกันในคราวเดียว ทุกดอกล้วนแต่พุ่งผ่านสายลมจนเกิดเป็นเสียงหวีดหวิว
หัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวงยิ้มราวกับคาดการณ์จุดจบอันน่าอนาถของศัตรูเอาไว้แล้ว!
แม้กระทั่งฝูงชนก็ยังไม่สามารถทนมองภาพเหตุการณ์เลือดสาดเช่นนั้นได้ พวกเขารีบหันหน้าไปอีกทางหนึ่งทันที
แต่ไม่มีใครคิดว่าในวินาทีก่อนที่ลูกธนูเหล่านั้นจะไปถึงรถม้าคันนั้น!
สายลมจะเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน และรอบรถม้าก็ราวกับถูกแสงจางๆ ปกคลุมเอาไว้
ทุกคนในจักรวรรดิจ้านหลงรู้ว่ามันคือพลังปราณที่มีแต่เพียงผู้ใช้ปราณที่อยู่ในระดับธาตุทองเท่านั้นที่จะสามารถสร้างได้!
ลูกธนูถูกบางอย่างขวางเอาไว้ พวกมันลอยค้างเติ่งอยู่กลางอากาศเพราะไม่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
จากนั้นก็มีเสียงดังปังเกิดขึ้น!
ลูกธนูทุกดอกถูกพลังอันแข็งแกร่งนั้นบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างท่ามกลางฝุ่นที่ลอยคลุ้งอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกของเมือง
เจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บอยู่บนพื้นมองหัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวง แล้วเอ่ยตะกุกตะกักว่า ”ท่าน ท่านลุงขอรับ คนพวกนี้เป็นใครกันแน่ขอรับ พวกเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร”
”เจ้าถามข้า แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร!” หัวหน้ากองรักษาการณ์ดูฉุนเฉียวผิดปกติ แต่ในไม่ช้าเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ”ก็แค่ผู้ใช้ปราณระดับธาตุทองแค่คนเดียว จริงอยู่ที่ในอดีตนั้นนานทีปีหนถึงจะมีผู้ใช้ปราณระดับธาตุทองโผล่มาสักคน แต่ตั้งแต่ท่านราชครูมาที่เมืองหลวง ผู้ใช้ปราณระดับธาตุไม้ส่วนใหญ่ก็สามารถทะลวงระดับขั้นพลังปราณเข้าสู่ธาตุทองได้แล้ว ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหนเลย!”
หัวหน้าชูดาบยาวขึ้นฟ้าระหว่างที่พูด ทันใดนั้นทหารหน่วยใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นบนกำแพง
คราวนี้พวกเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ธรรมดา แต่เป็นทหารตัวจริงเสียงจริง ยิ่งกว่านั้นทหารเหล่านี้ก็ยังดูแข็งแกร่งกว่าทหารธรรมดาทั่วไป ทุกคนสวมหน้ากากปีศาจเอาไว้ และมองลงมาด้านล่างอย่างโหดเหี้ยม เงาสีดำทะมึนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคลื่อนออกมาจากตัวเมืองล้วนแต่เต็มไปด้วยกลิ่นแห่งความกระหายเลือดอันรุนแรง การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ในรถม้าเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ”กองรักษาการณ์เมืองหลวงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในระหว่างที่เราไม่อยู่”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่เล่นกับมือของนางอยู่เคลื่อนสายตาขึ้นมองราวกับไม่ใส่ใจ ดวงตาอันลึกล้ำของเขาเป็นประกายเย็นชา แต่เขาก็ไม่คิดจะอกไปแต่อย่างใด แทนที่จะทำเช่นนั้น เขากลับโอบเอวของเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้ แล้วเอนหลังลงด้วยท่าทางสูงส่งและเกียจคร้าน พร้อมกับสะบัดแขนเสื้อยาวของตัวเองปิดภาพที่เกิดขึ้นนอกหน้าต่าง
”พลังปราณของเจ้าจัดว่าค่อนข้างดีทีเดียว แต่เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถสู้กับลูกศิษย์จากจวนของท่านราชครูด้วยพลังเพียงแค่นั้นได้หรือ เจ้าคิดว่าตัวเองมีกี่ชีวิตกัน” หัวหน้ากองรักษาการณ์เหมืองหลวงคิดว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งยั่วโมโหเขาเท่านั้น เขาเอ่ยอย่างเย้ยหยัน แล้วยกดาบของตัวเองขึ้นพร้อมกับนำทหารนับพันนายนั้นตรงเข้าทำลายรถม้าทันที!
แต่ทันใดนั้น
จู่ๆ ก็มีพายุฝุ่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นไม่ไกลจากตัวเมือง!
มันคือเสียงของทหารม้าอย่างน้อยหนึ่งพันนายที่กำลังควบม้าย่ำโคลนตรงเข้ามา เสียงที่เกิดขึ้นนั้นถึงกับทำให้พื้นดินสะเทือนได้เลยทีเดียว!
”หัวหน้าขอรับ มีบางอย่างผิดปกติ” พลทหารที่อยู่ใกล้กับหัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวงขยับเข้าไปใกล้ๆ เขา แล้วพูดเบาๆ ว่า ”เสียงเหมือนมีทหารและม้ากำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ขอรับ แต่ใครที่ไหนจะกล้าบุกเข้าเมืองหลวงในเวลานี้ได้”
แต่ในตอนที่หัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวงหรี่ตาลงเพื่อจะมองภาพนั้นให้ชัดเจนนั่นเอง
ทหารม้าในชุดสีดำสนิทก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ เหมือนพวกเขาปรากฏตัวขึ้นจากเส้นขอบฟ้า พวกเขาทุกคนพกดาบเล่มยาวไว้กับตัว และยังมีหน้ากากปิดบังใบหน้าอีกด้วย พวกเขาเคลื่อนที่เข้ามาราวกับลมพายุหมุนและเงาในยามค่ำคืน!
”พวกเขาเป็นคนขององค์ องค์ชายสา…” ก่อนที่หนึ่งในทหารเหล่านั้นจะทันได้พูดจบ ทหารม้าชุดดำก็เงื้อดาบขึ้นแล้วฟันลงมาเสียก่อน
มิเคยมีผู้ใดรอดชีวิตบนเส้นทางที่พวกเขาย่ำผ่าน
พวกเขาจะลงมือจนกว่าจะไม่มีคนอยู่รอบรถม้าคันนั้นอีก
ทหารม้าชุดดำลงจากหลังม้า พวกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วก้มหน้าไปทางรถม้า เสียงของพวกเขาดังสนั่นขณะเอ่ยขึ้นว่า ”ยินดีต้อนรับกลับสู่เมืองหลวงขอรับ นายท่าน!”
องครักษ์เงาทั้งสามพันนายนี้ไม่เคยออกห่างจากเมืองหลวง พวกเขาจะไปซ่อนตัวในทุกครั้งที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกจากเมือง แต่ทันทีที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับมาที่เมือง พวกเขาจะใช้เวลาสั้นๆ กลับมารวมตัวกันติดตามรับใช้เขาในระยะไม่กี่สิบฉื่อ และเตรียมพร้อมที่จะสังหารศัตรูได้ตลอดเวลา
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก่อตั้งหน่วยองครักษ์เงาขึ้นในเวลานั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในหรือภายนอกวังหลวง อำนาจทางการทหารของเขาก็จะไม่สั่นคลอน
แต่คนโง่เขลาที่คิดว่าตัวเองเก่งย่อมไม่รู้ถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
”เจ้า เจ้าเป็นคนของทัพไหน กล้าดีอย่างไรถึงลงมือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านราชครูเช่นนี้!” เวลานี้ หัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวงตระหนักได้ในที่สุดว่าอีกฝ่ายมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน แต่คนพวกนี้มีเบื้องหลังแข็งแกร่งแล้วจะทำไม อย่างไรคนจากต่างเมืองที่คิดจะเข้าเมืองก็ยังจำเป็นต้องจ่ายเงินอยู่ดี ยิ่งกว่านั้น ปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยเงินอีกต่อไปเสียแล้ว ในเมื่อคนพวกนี้กล้าขัดคำสั่งของท่านราชครู เช่นนั้นพวกมันก็สมควรได้รับโทษถึงตาย!
ดวงตาของหัวหน้ากองรักษาการณ์เมืองหลวงแดงก่ำด้วยโทสะ เขาคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่รถม้าในระยะกระชั้นชิด!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าใกล้รถม้าคันนั้น เขาก็ถูกร่างที่กระโดดลงมาจากท้องฟ้าขวางทางเอาไว้เสียก่อน ชายที่ยืนบดบังแสงสว่างอยู่นั้นจัดว่าสูงมากทีเดียว บางทีอาจจะสูงถึงหกฉื่อเลยก็ได้ เขาสะพายอาวุธหน้าตาเหมือนท่อเหล็กเอาไว้บนบ่า ”เจ้าพวกลูกหมา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร เจ้ากล้าแตะต้องรถม้าของลูกพี่พวกข้าหรือ! อยากได้เงินรึ หึ! ตอนที่ลูกพี่ของข้าเริ่มฝึกวรยุทธ์และหาเงินในเมืองนี้ เจ้ายังเป็นเด็กทารกที่เพิ่งหัดคลานอยู่เลยกระมัง!”