องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 875 ศึกษาวิธีดูแลเด็ก
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้น
แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะทำเป็นมองข้ามไปได้ง่ายๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่เขาไม่ควรรู้
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินทางไปยังวัดหลิงอิ่น นี่เป็นครั้งแรกที่นางออกไปไหนมาไหนคนเดียวหลังจากโลกกลับคืนสู่ความสงบสุข
นางแสร้งทำเป็นเหมือนจะมาไหว้พระขอพร แต่ที่จริงแล้วนางกำลังใช้โอกาสนี้ในการตามหาตัวชายแซ่เพ่ยคนนั้น
แต่ก็เป็นอย่างที่บุตรแห่งราชานรกบอกไว้ ตราบใดที่เขาไม่เต็มใจที่จะปรากฏตัวขึ้นเอง ย่อมไม่มีใครในภพภูมิทั้งหกหาเขาเจอ
เมื่อพระอาจารย์เห็นว่านางดูไม่ค่อยสดใสนักเมื่อเทียบกับการมาเยี่ยมเยือนครั้งก่อน เขาจึงมองหน้านาง แล้วดึงเบ็ดตกปลาไม้ในมือขึ้น ”นังหนู เจ้ามีอะไรปิดบังองค์ชายอยู่หรือเปล่า”
”มีแค่เพียงเรื่องเดียวเจ้าค่ะ” เมื่อมาถึงจุดนี้ นางจึงจำต้องใช้มาตรการนี้ ถึงแม้ว่าอันที่จริงเฮ่อเหลียนเวยเวยจะไม่แน่ใจว่ามาตรการนี้จะได้ผลหรือไม่ แต่นางจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับใครสักคน ”ข้าอาจจะไม่สามารถหนีจากเคราะห์สวรรค์ของตัวเองได้ และหากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าหวังว่าพระอาจารย์จะช่วยแจ้งเขาแทนข้าได้เจ้าค่ะ ช่วยบอกเขาทีว่าถึงข้าจะไม่อยู่แล้ว แต่ลูกๆ ของเราก็จะอยู่ที่นี่กับเขา”
เมื่อพระอาจารย์ได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย เบ็ดไม้ในมือของเขาก็ถึงกับร่วงลงพื้นเสียงดัง
ในเวลานั้นท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวยใหญ่มากแล้ว อีกทั้งการเคลื่อนไหวของนางก็ยังดูค่อนข้างเงอะงะทีเดียว
แต่นางก็ยังเดินขึ้นบันไดทีละก้าวมาที่นี่ นางมองพระอาจารย์และกล่าวว่า ”จริงอยู่ที่เขาชอบฆ่าคน แต่เขาก็แค่นิสัยเสียเท่านั้น ข้าไม่อยากให้เขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวหรือถูกคนรุ่นหลังตัดสินว่าเป็นทรราชย์เจ้าค่ะ ข้าหวังว่าพระอาจารย์จะสามารถหาทางทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้หลังข้าจากไป”
พระอาจารย์มองหน้าเฮ่อเหลียนเวยเวย เขาส่ายหน้าและถอนหายใจยาวออกมา ”นังหนู เจ้ายังไม่เข้าใจ บนโลกใบนี้ เจ้าเป็นเพียงคนคนเดียวที่เขาห่วงใย ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้นอกจากเจ้า”
แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจสิ่งที่พระอาจารย์พูดเป็นอย่างดี
นางลูบท้องตัวเอง ดวงตาของนางแดงก่ำ แต่แผ่นหลังของนางกลับเหยียดตรง
”กลับวัง” นี่คือคำพูดสุดท้ายเพียงสองคำที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดในวัดหลิงอิ่น
นางมีท่าทางเหมือนฮองเฮามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับไม่เคยมีความตั้งใจที่จะขึ้นครองราชย์
ไม่ว่าอดีตฮ่องเต้จะยั่วยุเขาอย่างไร แต่ชายหนุ่มก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางไม่แยแส และรอจนกระทั่งอดีตฮ่องเต้รู้สึกกระหายน้ำจากการให้คำแนะนำกับเขา เขาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ”นางน่าจะกลับมาในอีกไม่ช้า” หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและตั้งท่าจะเดินจากไป
อดีตฮ่องเต้มองหลานชายที่เอาแต่สร้างความปวดหัวให้กับเขาอย่างเดือดดาล สติปัญญาและความสุขุมรอบคอบที่เขามีในยามปกติหายวับไปทันที ”ข้าพูดมาตั้งนาน! เจ้าไม่ได้ฟังที่ข้าพูดแม้แต่คำเดียวเลยหรือ?! หา!”
”ก็แค่ปัญหาเรื่องการสืบทอดบัลลังก์มิใช่หรือ ตอนที่เด็กสองคนนั้นออกมาจากท้องของเวยเวย ท่านก็เลือกใครสักคนเป็นฮ่องเต้ก็ยังได้” เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำตัวสง่างามแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น และเขาไม่ได้มีความอดทนระยะยาวให้กับใครนอกจากเฮ่อเหลียนเวยเวย
ขันทีซุนที่กำลังพยายามห้ามอดีตฮ่องเต้อยู่ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ”องค์ชาย ท่านบอกว่าเด็กสองคนหรือพ่ะย่ะค่ะ พระชายาตั้งครรภ์ลูกแฝดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อดีตฮ่องเต้หายโกรธในทันใด เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า ”ลูกแฝดหรือ ฮ่าๆๆ นังหนูเวยเวยนี่ใช้ได้จริงๆ! เทียบกับคนเย็นชาอย่างเจ้าแล้ว เวยเวยแข็งแกร่งกว่ามากนัก!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้คัดค้าน เพราะภรรยาของเขาย่อมต้องยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว
”แต่กระหม่อมสั่งให้คนในวังเย็บรองเท้าหัวเสือไว้แค่คู่เดียวนะพ่ะย่ะค่ะ ชุดสำหรับทารกน้อยพวกนั้นก็เหมือนกัน” ขันทีซุนเป็นคนขี้กังวลอยู่แล้ว เมื่อเขาได้ยินว่าองค์ชายน้อยที่จากเดิมเคยมีแค่คนเดียวกลับกลายเป็นสองคน เขาก็พลันแตกตื่นขึ้นมา เขาไม่สนใจแล้วว่าอดีตฮ่องเต้จะทุบองค์ชายด้วยถ้วยชาหรือไม่ แล้วรีบออกไปข้างนอกเพื่อสั่งงานทันที ”เจ้า แล้วก็เจ้า พวกเจ้าทุกคนไปที่จวนอาจารย์เหลียงแล้วบอกให้เขาเย็บรองเท้าหัวเสือเพิ่มอีกคู่หนึ่ง โอ๊ะ ไม่สิ องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ทารกอีกคนหนึ่งเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้านางเป็นองค์หญิง เช่นนั้นเราจำเป็นต้องใช้รองเท้าหัวหงส์ และเสื้อผ้าเด็กก็ควรจะได้รับการตัดเย็บให้มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นด้วย”
อดีตฮ่องเต้ก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน หากเทียบกับเด็กผู้ชายเจ้าปัญหาแล้ว เด็กผู้หญิงน่าจะสนิทกับเขาได้มากกว่า ถ้าเขามีเหลนสาวสักคน ป่านนี้ชีวิตเขาคงสมบูรณ์แบบไปแล้ว
เมื่ออดีตฮ่องเต้คิดได้ดังนี้ เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เขากล่าวว่า ”ในเมื่อเป็นฝาแฝด เช่นนั้นอีกคนหนึ่งก็น่าจะเป็นเด็กผู้หญิงมิใช่หรือ”
”ข้าไม่รู้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบเรียบๆ
สีหน้าไม่แยแสต่อสิ่งใดนั้นกระตุ้นโทสะของอดีตฮ่องเต้กลับมาอีกครั้ง ”ไอ้หนู! เจ้าทำตัวให้สมกับเป็นพ่อมากกว่านี้ไม่ได้หรือ ลูกจะเกิดอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปล่อยให้คนที่อยู่ด้านหลังกระโดดขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความโกรธในระหว่างที่เขาทำเพียงแค่หาวออกมาอย่างเกียจคร้านเท่านั้น
อดีตฮ่องเต้มีความรู้สึกอยากขว้างถ้วยชาในมืออีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางของเขา!
ตอนนั้นเอง เด็กชายผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนหนึ่งก็เดินเข้าไปหาอดีตฮ่องเต้ ”เสด็จปู่ ในบ่อไม่มีปลาทองเหลือแล้ว ถ้าท่านว่างก็บอกให้ขันทีซุนนำมันไปเติมด้วยสิขอรับ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่มีอะไรให้กินนะขอรับ”
เด็กชายตัวน้อยขอร้องด้วยน้ำเสียงกดดัน ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดอย่างมาก
อดีตฮ่องเต้หายใจเข้าลึก ”ปลาพวกนั้นเป็นปลาเสือที่ข้าได้มาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก เจ้าเด็กจอมตะกละนี่!!!”
เสียงคำรามของอดีตฮ่องเต้ดังก้องไปทั่วทั้งวังหลวง
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะออกมาเบาๆ และเดินเข้าไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”ท่านทำให้เสด็จปู่โมโหอีกแล้วหรือ”
”ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย เจ้าเจ็ดต่างหาก” องค์ชายตอบอย่างเย็นชาและไม่สะทกสะท้าน แม้จะมีสายตาของขันทีซุนจ้องเขม็งมาก็ตาม
เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจเขาดีเกินไป เวลานี้รอยยิ้มบนปากของนางค่อยๆ กว้างขึ้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนทันที น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาอย่างมาก ”เจ้าโง่หรือ เจ้ายังเดินเหินไม่สะดวกเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังยืนกรานว่าจะไปวัดหลิงอิ่น ยิ่งกว่านั้นยังห้ามไม่ให้ข้าตามไปอีกด้วย”
”ข้าไปที่นั่นก็เพื่อแก้บน มันอาจจะดูไม่จริงใจนักถ้าท่านไปด้วย” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้พูดชัดเจนนัก นางจับมือของเขาไปวางบนท้องของตัวเอง ”วันนี้ท่านยังไม่ได้ทักทายลูกๆ เลย”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเยาะขึ้นว่า ”ข้าทักทายพวกเขาในใจทุกวัน”
”ประโยคนี้ฟังดูไม่เข้าหูเอาเสียเลย” ทารกที่ตัวโตกว่าเพิ่งตื่นและได้ยินคำพูดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเข้าพอดี
ทารกที่ตัวเล็กกว่าโตเต็มที่แล้ว เขาลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่ทารกอีกคนหนึ่ง ”พี่ชาย พวกเรากำลังจะได้ออกไปในไม่ช้านี้แล้วขอรับ”
ทารกที่ตัวโตกว่าส่งเสียงตอบรับอย่างเท่ๆ ”ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยรู้สึกถึงสภาพแวดล้อมข้างนอกเลย ทั้งยังออกไปล่าไม่ได้อีกด้วย หากดูจากสถานการณ์แล้วพวกเราน่าจะได้ออกไปจากที่นี่ในอีกไม่ช้า พอถึงตอนนั้นข้าจะพาเจ้าไปในทุกๆ ที่ที่เจ้าอยากไป เจ้ายังไม่มีโอกาสได้เห็นวังหลวงแห่งนี้เลยนี่ มันสวยงามมากๆ เลยล่ะ”
”ขอรับ ถึงตอนนั้นข้าจะได้เห็นด้วยว่าท่านพี่หน้าตาอย่างไร” ทารกที่ตัวเล็กกว่าเสียงเบามาก แต่เสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความปรารถนา…
เฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ในวังหลวงมองชายหนุ่มที่ยิ้มอยู่ข้างตัว นางหันหน้าไปหอมแก้มเขาอย่างอดใจไม่ไหว แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า ”ท่านต้องศึกษาวิธีดูแลเด็กเอาไว้นะ ท่านจะได้ไม่ทำตัวซุ่มซ่ามเวลาที่ข้าไม่ได้อยู่ในวังหลวง”