องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 878 ทารกน้อยทั้งสองลืมตาดูโลก
การประสูติขององค์ชายน้อยนำบรรยากาศปลาบปลื้มยินดีอย่างมหาศาลมาสู่ห้องบรรทม!
หมอหลวงรู้สึกปลาบปลื้มใจอยู่ภายใน ในขณะที่เหล่าสาวใช้ประจำวังหลวงที่อยู่นอกห้องต่างพากันยิ้มออกมาทันทีที่รู้ข่าวนี้!
แต่ไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณของเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับถูกบางสิ่งชักนำและบังคับให้ออกจากร่างไป
แม้แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ นางรู้สึกได้ถึงดวงตาที่ปิดแน่นและอาการเวียนศีรษะรุนแรงที่ถาโถมเข้าใส่ เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งเดียวที่นางเห็นก็คือภาพของหมอสวมชุดสีเขียวกับหน้ากากที่อยู่บนใบหน้านั้น
สมองของนางยังสับสนอยู่เล็กน้อย เฮ่อเหลียนเวยเวยส่ายหน้าแล้วเคลื่อนสายตาลง
มีคนถือมีดผ่าตัดอยู่ตรงนั้น และยังมีเครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีกด้วย ทุกอย่างดูคุ้นตาเกินไปสำหรับนาง
มันคุ้นตาจนทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยแทบอยากลุกขึ้นยืน!
ที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่วังหลวง มันไม่ใช่จักรวรรดิจ้านหลง แต่คือ… ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด!
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร
ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเต็มไปด้วยความสับสน แต่แขนของนางก็ถูกกดเอาไว้ ทันใดนั้นน้ำเสียงร้อนใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในอากาศ ”คนไข้ฟื้นจากอาการโคม่าแล้ว ชีพจรกับการเต้นของหัวใจเป็นปกติ แต่อารมณ์ของเธอไม่คงที่อย่างมาก เราจำเป็นต้องให้ยานอนหลับหรือเปล่าคะ”
”ให้ยานอนหลับไม่ได้ มันจะส่งผลเสียต่อเด็กเอา เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนคนไข้จะใจเย็นลงแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยสงบสติอารมณ์ลงจริงๆ พอนางได้ยินว่ามันจะส่งผลเสียต่อเด็ก นางก็รีบลดมือซ้ายที่กำลังจะต่อยหมอก่อนหน้านี้ลง ถึงนางจะไร้เรี่ยวแรง แต่การเคลื่อนไหวของนางก็ยังรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
เฮ่อเหลียนเวยเวยนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด สายตาของนางจดจ่ออยู่ที่แสงไฟสว่างไสวด้านบน นางไม่มีเวลาพอที่จะคิดให้ละเอียดด้วยซ้ำว่าทำไมนางถึงกลับมาอยู่ในโลกยุคปัจจุบันได้ เพราะสิ่งเดียวที่ครอบงำจิตใจของนางอยู่มีแต่เพียงการคลอดทารกออกมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น
นางไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมลูกถึงมาที่โลกยุคปัจจุบันพร้อมกับนาง นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายด้วยหลักการได้
เดิมทีนั้น ตอนที่อยู่ในแดนพระพุทธศาสนา นางได้เห็นภาพตอนที่หงส์เพลิงสิ้นใจอยู่กลางเพลิงนรกจากแสงแห่งพระพุทธคุณก็จริง
แต่นางไม่รู้เลยว่าภาพการตายนั้นจะหมายถึงการกลับมายังโลกยุคปัจจุบัน
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทันทีที่ลูกเกิด ความเชื่อมโยงของนางกับโลกใบนั้นก็จะถูกตัดและนางก็คงไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว
บุตรแห่งราชานรกเคยบอกเอาไว้ว่า ต้นโพธิ์พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตานี้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางสามารถพาลูกคนหนึ่งกลับมาที่โลกยุคปัจจุบันได้หรือ
แล้วไป๋หลี่เจียเจวี๋ยล่ะ
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังไม่สามารถบังคับให้ตัวเองใคร่ครวญถึงคำถามนี้ได้
นางกลัวว่าถ้านางคิดถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มจะสังเกตเห็นอะไรขึ้นมาได้
อีกหนทางหนึ่งที่นางจะมีชีวิตอยู่ได้คือการกลับคืนสู่พระพุทธศาสนา และกลายเป็นหงส์เพลิงอย่างที่นางเคยเป็น จากนั้นนางก็จะได้มีชีวิตอยู่ไปตลอดกาล
แต่ถ้าเลือกทางนั้น ชะตากรรมของนางที่ถูกพระอรหันต์กำหนดไว้ก็จะกลายเป็นจริง และนางจะต้องยอมแพ้เรื่องลูกทั้งสองไป
นางจะยอมแพ้เรื่องนั้นได้อย่างไร
นางไม่อยากยอมแพ้เรื่องใครแม้แต่คนเดียว
เพียงแต่เวลานี้ นางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
นางรู้สึกผิดต่อเขา ไม่รู้ว่าเขาจะดูแลตัวเองได้ดีหรือเปล่า
นางรู้สึกเสียใจ ไม่รู้ว่าเขาจะเสียสติไปหรือเปล่าถ้ารู้ว่านางจากไปแล้ว
เวลานี้ ทั้งหมดที่เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดไม่ใช่จำนวนคนที่จะถูกเขาฆ่า หรือภัยพิบัติที่เขาจะก่อขึ้น
ตรงกันข้าม ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรชายหนุ่มถึงจะรู้สึกดีขึ้นได้สักนิดหนึ่ง
นางเคยให้สัญญากับคนไว้หลายคน และนางรักษาสัญญาพวกนั้นเสมอ
สำหรับเขา นางเคยรับประกันไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็จะอยู่ข้างเขา
แต่… นางทำผิดสัญญาเสียแล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกมือขึ้นบังดวงตาอันแดงก่ำของตัวเอง แต่นางก็ยังเข้มแข็ง แม้จะอยู่ในจุดที่แทบจะแตกสลาย แต่นางก็ยังไม่ร้องไห้ออกมา
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ก็คือการทำให้มั่นใจว่าเด็กคนนี้จะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย!
การผ่าตัดที่เหลือเป็นไปได้อย่างราบรื่นด้วยความร่วมมือจากเฮ่อเหลียนเวยเวย
เสียงร้องของทารกดังสะท้อนไปทั่วโรงพยาบาล
ทารกน้อยเกิดมาพร้อมกับปราณมงคล แม้ในโลกยุคปัจจุบัน ปราณมงคลจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอีกต่อไปแล้วก็ตาม
ทันทีที่เขาเกิด พลังปราณหยินในห้องดับจิตของโรงพยาบาลก็ลดลงกว่าครึ่ง
นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยิ่งกว่านั้น แม้มนุษย์ธรรมดาจะสังเกตไม่เห็น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ส่งผลให้วิญญาณจำนวนมากในรัศมีหนึ่งร้อยลี้รู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ห้องผ่าตัดแห่งนั้นแม้แต่นิดเดียว
แม้แต่ยมทูตในโรงพยาบาลที่คอยจับวิญญาณคนตายลงนรกก็ยังหยุดยืนอยู่กับที่ พวกเขาหันหน้าไปที่ปลายทางเดินนั้นพร้อมๆ กัน
”นั่นมันอะไรกัน ทำไมวิญญาณดวงนั้นถึงมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งขนาดนี้”
”พวกเราไปดูกันดีไหม”
ยมทูตสองตนสบตากัน และกำลังจะเดินไปทางนั้น แต่พวกเขาก็ถูกยมทูตรุ่นพี่ขวางเอาไว้ทั้งที่ยังไม่ได้แม้แต่จะขยับตัว ชายคนนั้นมีเคียวพาดอยู่บนบ่า และแต่งกายด้วยชุดสูทดูภูมิฐาน เขาดันกรอบแว่นขึ้นพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสว่า ”นรกสนใจแค่วิญญาณคนตาย ไม่ใช่วิญญาณคนเป็น ไปกันได้แล้ว”
”ขอรับ” ยมทูตทั้งสองไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เมื่อพวกเขากลับมาถึงนรก ใครคนหนึ่งก็ถามพวกเขาว่า ”นี่ เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นข้างบนหรือ ขนาดวิญญาณคนตายที่อยู่ในนี้ก็ยังถึงกับมีปฏิกิริยาเชียว พวกมันเอาแต่แหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบนจนไม่คิดที่จะดื่มน้ำแกงของยายเมิ่งเลย มีตัวอะไรเกิดขึ้นกันแน่ ทำไมพวกเราถึงสามารถสัมผัสถึงแสงแห่งพระพุทธคุณได้แม้จะอยู่ในนรกขุมที่สิบแปด”
”กระผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะขอรับ” ยมทูตตนนั้นเอ่ยเสียงเบา ”พูดสั้นๆ ก็คือ คงมีคนสำคัญมาเกิดกระมัง…”
ที่วังหลวงก็เกิดสถานการณ์เดียวกันนี้ขึ้นเช่นกัน
แต่ถ้าเทียบกับความสงบสุขในโลกยุคปัจจุบันแล้วละก็ สถานการณ์ทางนี้นับว่าน่าตื่นตกใจอย่างมาก
ทันทีที่ทารกน้อยหัวเราะออกมา เสียงร้องเพลงภาษาสันสกฤตก็คล้ายจะดังก้องไปทั่วบรรยากาศ
ในนรกที่อยู่ลึกลงไปกว่าสามพันฉื่อ สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนถูกอัญเชิญออกมาพร้อมกับสายน้ำสาดกระเซ็น
ปีศาจที่เร้นกายอยู่ในก้อนเมฆชะโงกศีรษะออกมาอย่างตื่นเต้นราวกับเฉลิมฉลองให้กับการเกิดของเจ้านายตัวน้อย
แต่การเฉลิมฉลองของสิ่งมีชีวิตแห่งความมืดนั้นมักจะแตกต่างไปจากการเฉลิมฉลองในโลกมนุษย์
ฝูงปีศาจใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกมันเรียงแถวอยู่ข้างหลังไป๋หลี่เจียเจวี๋ยราวกับกำลังแสดงความยินดีให้กับวันนี้ หมอกสีดำหนาทึบพลันปกคลุมไปทั่วทั้งวังหลวง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินเข้าไปในห้องบรรทมโดยไม่ลังเลทันทีที่เขาได้ยินว่า ’ทั้งสองปลอดภัยดี’ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่คนที่นอนอยู่บนเตียงโดยไม่แม้แต่จะปรายตามององค์ชายน้อยที่หมอหลวงอุ้มเข้ามาหาแต่อย่างใด
แม้จะไม่ได้มอง แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็สามารถบอกได้ว่าเด็กคนนี้เป็นปีศาจอย่างแน่นอน
เขาคุ้นเคยกับกลิ่นอายรอบตัวนั้นเป็นอย่างดี แม้ดวงตาของเด็กชายจะยังปิดสนิท แต่เขาก็ได้กลิ่นเลือดรุนแรงจนเตะจมูก
ริมฝีปากบางที่เม้มเข้าหากันนั้นเริ่มเผยอออกเล็กน้อยตอนที่มือของเขาสัมผัสกับแก้มของเฮ่อเหลียนเวยเวย
โชคดีที่ร่างของนางยังอุ่นอยู่
แต่ในตอนที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับตัวเข้าไปหาและกำลังจะจูบเข้าที่ริมฝีปากนั้น รอยยิ้มของเขาก็พลันแข็งค้างอยู่กับที่
นี่มัน…
เฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ตรงหน้าเขายังคงงดงามเหมือนอย่างเคย แม้กระทั่งสัญญาณทางกายภาพของนางก็ยังปกติสมบูรณ์ดี แต่นอกจากร่างของนางแล้ว ทุกสิ่งที่อยู่ในนั้นกลับว่างเปล่า…
สีหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเปลี่ยนไปในทันใด!
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือความตื่นตระหนกอย่างไม่อาจควบคุมและจิตสังหารอันรุนแรง!
มัน… เป็นไปได้อย่างไร
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เชื่อเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้พันธะสัญญาปีศาจเพื่อตามหาเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกครั้ง!
เขาสัมผัสถึงนางไม่ได้!
เขาสัมผัสถึงอะไรไม่ได้เลย!
นางไม่ได้อยู่ที่นี่!
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ลงอย่างชั่วร้าย!
จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงดังปัง!
เตียงที่อยู่ใต้มือของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ แทบจะทันที!
ก่อนที่หมอหลวงคนใดจะทันได้ตั้งสติ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็คว้าแขนของทารกน้อยไว้ด้วยสายตาเย็นชาราวกับพยายามมองหาบางอย่างรอบตัวเขา
แต่เขากลับไม่เจออะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว!