องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 881 องค์ชายตามหาคน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงักไปครู่หนึ่ง
แต่มันก็เป็นระยะเวลาที่สั้นมากเสียจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น
”เขาเป็นปีศาจ ปีศาจไม่ตาย” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเผยรอยยิ้มกระหายเลือดออกมา รอยยิ้มนั้นชั่วร้ายไปถึงกระดูกเลยทีเดียว
ตอนนั้นเองที่บุตรแห่งราชานรกตระหนักได้ว่าเขาไม่สามาถหยุดยั้งผู้ชายคนนี้ได้
หลังจากสูญเสียหงส์เพลิงไป เขาก็กลับมาเป็นมหาปีศาจที่เคยขึ้นชื่อเรื่องการเข่นฆ่าคนอีกครั้ง
เวลานั้นภพสวรรค์และพระพุทธศาสนาตกอยู่ในความโกลาหลไม่ต่างจากในภพปีศาจ
แต่ปัญหาในครั้งนี้คือเรื่องที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอาจจะมีพลังทำลายล้างรุนแรงกว่าเมื่อก่อน
ในเวลานั้นเขาเพียงแค่รักในพลังอำนาจ ท่าทางสบายๆ ของเขาทำให้มีช่องโหว่อยู่มากมาย เพราะอย่างไรเขาก็ต้องการเพียงแค่เอาชนะทุกคนเท่านั้น
ตัวเขาในปัจจุบันยังคงสง่างามเช่นเดิม แต่ภายใต้ความสง่างามนั้นกลับมีความปรารถนาที่จะเข่นฆ่าโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้นซ่อนอยู่
ถ้าเขาทำลายนรกละก็ ภพภูมิทั้งหกจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายแน่!
ไม่ได้การ!
เขาจะต้องหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ให้ได้!
เงาร่างของบุตรแห่งราชานรกสั่นไหว แล้วขวางหน้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไว้ จากนั้นจึงพูดเสียงดังว่า ”ก่อนหน้านี้หงส์เพลิงมาที่นรกเพื่อพบข้า!”
ทะเลเพลิงที่เดือดอยู่ในนรกพลันลดลงอีกครั้ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคว้าตัวบุตรแห่งราชานรกขึ้น เขาลดเสียงลง น้ำเสียงนั้นฟังดูติดจะแหบแห้งเล็กน้อยตอนที่เขาถามขึ้นว่า ”เจ้ารู้อะไรกันแน่”
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเฮ่อเหลียนเวยเวยแทบจะทำให้เขาอาละวาดได้ทุกเวลา
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ฝืนข่มความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าจะพบความหวังที่นี่หรือไม่
บุตรแห่งราชานรกมองดูเขา ”หงส์เพลิงอาจจะรู้อะไรก่อนหน้านี้ ดังนั้นนางถึงได้มาตามหาข้าในนรก นางต้องการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องตัวเอง ตอนนั้นข้าบอกนางว่าบัญชีชาตะมรณะของนางไม่ได้อยู่ในนรก ไม่ใช่แค่ของนางแต่ยังรวมถึงของตี้จวินอย่างเจ้าอีกด้วย เจ้าเกิดจากความโกลาหลและไม่ได้เป็นคนในภพภูมิทั้งหก ไม่มีใครสามารถควบคุมเจ้าและนางที่เป็นตัวตนพิเศษในพระพุทธศาสนาได้ ในบัญชีจึงไม่มีเรื่องของนางบันทึกไว้แม้แต่อย่างเดียว บันทึกเล่มเดียวที่มีการบันทึกเรื่องของนางไว้ก็คือ…”
”บันทึกเทียนจี” ก่อนที่บุตรแห่งราชานรกจะทันได้พูดจบ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ขัดขึ้นด้วยสีหน้าชั่วร้าย ”ว่ากันว่ามีแค่เพียงเจ้าของเท่านั้นที่จะสามารถเปิดมันได้ใช่หรือเปล่า”
บุตรแห่งราชานรกพยักหน้า ”แทนที่จะบอกว่าเป็นบันทึก ควรจะบอกว่ามันเป็นการคำนวณอันยิ่งใหญ่มากกว่า เมื่อเปิดใช้งานแล้ว มันจะทำการคำนวณและคาดเดาข้อมูลต่างๆ เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน หงส์เพลิงพยายามตามหาคนที่สามารถอ่านมันได้ แต่ก็เหมือนอย่างที่คนพูดกันว่าเจ้าของบันทึกจะปรากฏตัวขึ้นก็ต่อเมื่อเขาต้องการเท่านั้น”
”เจ้าหมายความว่าข้าต้องรอหรือ” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหมือนความสงบก่อนพายุจะมาเยือน
บุตรแห่งราชานรกไม่กลัวเขา ”เราจะรู้ว่าหงส์เพลิงหายไปจริงหรือไม่ก็ต่อเมื่อเจ้าหาตัวเจ้าของบันทึกเทียนจีพบเท่านั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยรอคอยอะไร แต่ครั้งนี้เจ้าทำได้แค่รอ หรือไม่ก็ทำลายโลกใบนี้ทิ้งโดยที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทั้งนั้น”
เขารู้ว่าคำพูดประโยคนี้จะสามารถเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายได้ เพราะเขารู้ดีว่าหงส์เพลิงมีค่ายิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในหัวใจของชายหนุ่ม
ทั้งยังมีค่ามากกว่าความหยิ่งผยองที่เขามีมาแต่กำเนิดอีกด้วย
เป็นอย่างที่คิดไว้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยค่อยๆ คลายมือที่บีบคอเขาออก กระแสพลังอันปั่นป่วนที่อยู่ด้านหลังของเขาจึงค่อยๆ สงบลง
บรรดาวิญญาณคนตายที่เกือบถูกเผากลายเป็นควันในกองเพลิงได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ได้ในที่สุด พวกมันนอนอยู่บนพื้นและหอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
แผ่นดินไหวในนรกกลับคืนสู่ความสงบ
ผู้พิพากษาวิญญาณที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะคลานออกมาพร้อมกับพู่กันในมือ
ราชาแห่งนรกไม่พอใจอย่างที่สุด เขากำลังจะได้สู้กับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะหยุดไปเสียเฉยๆ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่แม้แต่จะปรายตามองราชาแห่งนรกด้วยซ้ำตอนที่เขาสาวเท้าออกเดิน ขาข้างซ้ายของเขายังมีทารกเกาะไว้แน่น
ราชาแห่งนรกมองทารกน้อยอยู่ครู่ใหญ่ และทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที
เขาตัดสินใจที่จะไม่สร้างปัญหาให้กับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอีก เพราะแค่ลูกชายของเขาคนเดียวก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาแล้ว!
ทีแรกชิงหลงกับกิเลนอัคคีที่อยู่นอกนรกคิดว่าที่แห่งนี้จะพังราบเป็นหน้ากลอง พวกมันเตรียมใจจะได้เห็นผู้เป็นนายอาละวาดได้ทุกเมื่อ
พวกมันคาดไม่ถึงเลยว่าผู้เป็นนายจะเดินออกมาจากความมืดนั้นด้วยตัวเอง ดูเหมือนเขาจะใจเย็นลงแล้ว แต่ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็ยังดูราวกับว่าเขาสามารถสังหารผู้คนมากมายได้ทุกเวลา ”ไปตามหาเจ้าคนแซ่เพ่ยคนนั้น ไม่ว่าเขาจะอยู่ในภพสวรรค์หรือพระพุทธศาสนา ไม่ว่าเจ้าจะต้องขุดลึกเพียงใด แต่เจ้าก็ต้องหาตัวเขาให้เจอ!”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งนี้ กิเลนอัคคีและชิงหลงก็มองหน้ากัน ก่อนก้มศีรษะลงแล้วขานรับว่า ”ขอรับ”
พวกมันไม่แน่ใจนักว่าองค์ชายคิดอะไรอยู่
เขาใจเย็นลงแล้วจริงๆ หรือ
สายตาของกิเลนอัคคีกับชิงหลงจ้องมองไปยังร่างสูงโปร่งที่เดินอยู่เบื้องหน้าตัวเอง
ไม่รู้ว่าหิมะโปรยปรายลงมาเมื่อใด หมอกหนาทึบลอยอยู่ในอากาศ แม้แต่เวลาพูดก็ยังมีไอออกมา
หากว่ากันตามทฤษฎีแล้ว ฤดูนี้ไม่น่าจะมีหิมะตก
แต่หิมะพวกนั้นกลับตกรุนแรงขึ้นเพราะไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปราศจากอารมณ์ เขาเดินอยู่ด้านหน้าด้วยสภาพเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น ในขณะที่ขาข้างซ้ายมีแขนสั้นๆ ขนาดเล็กของปีศาจตัวน้อยเกาะอยู่
ปีศาจตัวน้อยไม่เกรงกลัวต่อความเย็นชาและความเป็นปรปักษ์จากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแต่อย่างใด เขาทำเหมือนกับว่าท่อนขาของบิดาเป็นยางกัด และกัด ’ยางกัด’ นั้นด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
หิมะตกลงบนกิ่งไม้ คานบ้าน และเก้าอี้ยาวเหมือนขนของห่านที่กองทับถมกัน ฤดูหนาวนี้ราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด
ร่างอันโดดเดี่ยวราวหิมะที่ยืนอยู่กลางวังหลวงดูเหมือนภาพวาดที่สาดด้วยน้ำหมึกสีขาวตัดดำ ผมของเขาปลิวอยู่ในอากาศ บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าเย็นชา
ในเวลานี้ พวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งใดจากผู้ชายคนนี้ได้อีก
ไม่มีทั้งความหยิ่งผยอง ความสง่างาม ความเกลียดชัง ความเย้ยหยัน ความอ่อนแอ หรือแม้กระทั่งความโหดเหี้ยม
เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น บนขนตาหนาของเขามีหิมะสีขาวเกาะอยู่ หินอ่อนใต้เท้าของเขาค่อยๆ แตกร้าวออกไปทีละตารางนิ้วจากเลือดที่หยดลงมาจากปลายนิ้วของเขา
ทันใดนั้น ชิงหลงและกิเลนอัคคีจึงเข้าใจว่าผู้เป็นนายของพวกมันไม่ได้ใจเย็นลงแล้วแต่อย่างใด แต่เขาเพียงแค่ซ่อนโทสะของตัวเองเอาไว้ลึกๆ มิหนำซ้ำการกระทำนี้ก็ยังทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดทีเดียว
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เพียงแค่คิดถึงคนคนนั้นเท่านั้น
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหงส์เพลิงที่เขาเลี้ยงดูมาตลอดจะจากไป
เพราะเขาไม่เคยคิดเช่นนั้น เขาจึงรู้สึกราวกับหัวใจแตกสลายในตอนที่สูญเสียนางไป
มันไม่ใช่ความรู้สึกที่รุนแรงมากนัก ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าความรู้สึกเจ็บแปลบในลำคอและปวดร้าวดวงตาราวกับถูกดูดเรี่ยวแรงออกไปจนหมดสิ้น
กิเลนอัคคีไม่กล้าเหลือบมองผู้เป็นนายในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ลึกลงไปในใจนั้น เขารู้ว่าเขาจะต้องตามหาตัวคนแซ่เพ่ยให้เจอ ถ้าไม่มีข่าวคราวของคนแซ่เพ่ยคนนี้ ผู้เป็นนายของเขาจะต้องทำลายล้างโลกทั้งใบตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
แต่กิเลนอัคคีก็กลัวว่าเมื่อสามารถระบุที่อยู่ของคนแซ่เพ่ยได้ แล้วพวกเขาได้รับคำยืนยันว่าพระชายาหายไปแล้วจริงๆ จะเป็นอย่างไร
เมื่อถึงเวลานั้น ปฏิกิริยาของนายท่านจะรุนแรงยิ่งกว่าตอนนี้หรือเปล่า
กิเลนอัคคีไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือการตามหาคนคนนั้นให้เจอโดยเร็วที่สุด…