องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 882 เวยเวยกับลูก
เวลากลางคืน
ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
แถวการจราจรไหลเวียนอย่างไม่ขาดสายภายในเมือง ภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมืองสามารถมองเห็นได้จากการยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างสูงจรดเพดานบนชั้นสามสิบเอ็ดแห่งนี้
ชายกลุ่มหนึ่งนั่งจับกลุ่มเล่นไพ่อยู่ตรงนั้น พวกเขาแต่ละคนล้วนแต่มีหน้าตาหล่อเหลาและสวมเสื้อสีดำ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่งอยู่ที่นั่น แต่พวกเขาก็ดูแตกต่างจากคนธรรมดาทีเดียว
ห้องนั้นเชื่อมกับทั้งชั้นบนและชั้นล่างเหมือนบ้านที่มีชั้นลอย บ้านทั้งหลังเป็นโทนสีสว่าง การตกแต่งภายในบ้านให้ความรู้สึกเหมือนกับบ้านของชายหนุ่ม ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟที่เพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆ ให้บรรยากาศพิเศษอย่างมาก
”ถ้าลูกพี่ยังไม่กลับมา พวกเราคงได้เบื่อตายก่อนแน่ๆ” ชายในชุดสูทสีขาวท่าทางชั่วร้ายพิงร่างเข้ากับราวกันตกที่อยู่บนชั้นสอง เขาจิบไวน์เข้าปากแล้วก้มลงมองคู่หูที่กำลังเล่นไพ่อยู่ ”พวกนายเล่นไพ่กันทุกวันแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง”
ชายหัวโล้นที่อยู่ในกลุ่มนั้นทิ้งไพ่ ’K’ ในมือลงบนโต๊ะกาแฟ เขาคาบบุหรี่ไว้พลางเหลือบมองคนที่อยู่ข้างตัว ”ก็ยังดีกว่าแอลก็แล้วกัน วันๆ เจ้าหมอนั่นเอาแต่เล่นกับปืนตัวเอง เช็ดๆ ถูๆ มันมาเป็นสิบรอบได้แล้วล่ะมั้ง คงใกล้จะแต่งงานกับอาวุธเหล่านั้นเต็มทีแล้ว”
ชายในชุดสูทถอนหายใจ พร้อมกับยื่นมือออกไปวางแก้วไวน์ลง เขาเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับพูดว่า ”ช่างมันเถอะ ฉันจะออกไปจีบสาวหน่อย ถ้าลูกพี่กลับมาแล้วก็โทรบอกด้วยแล้วกัน”
”ลูกพี่สั่งว่าถ้ายังไม่มีข่าวคราวอะไร ให้พวกเรารอเธออยู่ที่นี่” เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ถือปืนอยู่ในมือเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาเย็นชา ”นายอยากถูกต่อยจนกลายสภาพเป็นรังผึ้งอีกหรือไง”
ชายในชุดสูทยกมือให้เขา ”เฮ้ยแอลอย่าจริงจังไปเลยน่า ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น ในเมื่อลูกพี่สั่งให้พวกเรารอเธออยู่ที่นี่ แน่นอนว่าพวกเราย่อมจำเป็นต้องรอ แต่พวกเราก็จำเป็นต้องกินข้าวกินปลาเหมือนกัน ถูกหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน
ชายในชุดสูทยิ้ม ”ฉันรู้ว่าคนหยาบกระด้างอย่างนายคงไม่ค่อยมีสามัญสำนึกอย่างคนทั่วไปนัก แต่ไม่ต้องห่วง ฉันสั่งอาหารเอาไว้แล้ว คนส่งอาหารน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เด็กหนุ่มเก็บปืนในมือแล้วใช้เสื้อคลุมสีดำคลุมทับมันอีกชั้น จากนั้นจึงใช้สายตาสั่งให้ชายในชุดสูทเปิดประตู
ชายในชุดสูทไม่ว่าอะไรแม้จะถูกออกคำสั่ง เขาถือกระเป๋าเงินไว้ในมือเพื่อเตรียมตัวจ่ายเงินให้กับคนส่งของที่อยู่นอกประตูบานนั้น
แต่เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูจะไม่ใช่คนส่งของ
แต่กลับเป็น…
”ลูกพี่!” เด็กหนุ่มผู้เยือกเย็นที่อยู่ข้างหลังเขาผุดลุกขึ้นทันที
ชายคนอื่นๆ ที่กำลังเล่นไพ่อยู่ต่างก็หยุดเล่น ทุกคนต่างทำตาโตและมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา
ชายในชุดสูทเอ่ยตะกุกตะกักว่า ”ลูกพี่ ทำ ทำไมลูกพี่ถึงอุ้มเด็กอยู่ล่ะ ไปได้เขามาจากไหนหรือครับ”
”ฉันเป็นคนคลอดเอง” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นางไม่คิดจะหันหลังกลับไปด้วยซ้ำ ”ปิดประตู”
ปฏิกิริยาตอบสนองของชายในชุดสูทค่อนข้างล่าช้าทีเดียว ”ลูก ลูกพี่ว่าอะไรนะครับ ลูกพี่เป็นคนคลอดเองหรือ ลูกพี่ตั้งท้องเองได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
”เอส ฉันอารมณ์ไม่ดี” เฮ่อเหลียนเวยเวยอุ้มทารกน้อยไว้ในมือข้างหนึ่ง นางมองเขาด้วยรอยยิ้ม ”ถ้าอยากถูกต่อยนักก็แหกปากต่อไปแล้วกัน”
ชายในชุดสูทปิดปากเงียบในทันใด แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าลูกพี่คลอดเด็กออกมาในระยะเวลาสั้นๆ ที่เธอไม่อยู่ได้อย่างไร ถ้าดูจากเวลาแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเช่นกัน เขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วถามว่า ”ลูกพี่ เด็กคนนี้เป็นลูกของลูกพี่จริงๆ หรือครับ” หรือเธอไปเก็บเด็กมาจากข้างถนนกันแน่
”อืม” เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินไปที่โซฟาก่อนจะนั่งลงพร้อมกับสัมผัสทารกน้อยในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ร่างกายของนางยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตั้งแต่นางลืมตาขึ้น นางก็ต้องพยายามคลอดเด็กคนนี้อย่างสุดความสามารถ ถ้าไม่ใช่เพราะมีลูกอยู่ด้วย นางคงนึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่านางติดอยู่ในความฝันอันยาวนานหลังจากหมดสติไป ความฝันนั้นงดงามเกินไปจนนางไม่อยากตื่นขึ้นมา
แต่ ไม่ใช่เพราะลูกเพียงอย่างเดียว พลังที่ตื่นขึ้นอย่างกะทันหันในร่างของนางก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกให้นางรู้ว่าทุกสิ่งในอดีตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
วิญญาณของนางเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งพันปีก่อน และค้นพบความทรงจำที่นางควรจะจดจำได้
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมนางถึงได้เห็นการตายของตัวเองเมื่ออยู่ใต้แสงแห่งพระพุทธคุณในแดนพระพุทธศาสนา
แต่ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่านางไม่สามารถหนีจากเคราะห์สวรรค์ของตัวเองได้
นางจะถูกกำจัดทันทีที่ลูกเกิด
แต่นางได้พลังธรรมะของหงส์เพลิงที่เคยเป็นของนางกลับคืนมาเพราะความช่วยเหลือของต้นโพธิ์ นางจึงกลายเป็นหงส์เพลิงที่ไม่มีวันตาย แต่ต้องกลับคืนสู่ที่ที่นางควรอยู่แทน
แต่นางอยากกลับไปที่นั่นเหลือเกิน
นางอยากกลับไปหาผู้ชายที่เขกหัวนาง แล้วเรียกนางว่าโง่อยู่เสมอคนนั้น…
ชายในชุดสูทสังเกตเห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยดูไม่เหมือนปกติ เขาไม่เคยเห็นลูกพี่ทำสีหน้าเช่นนี้มาก่อน สีหน้านั้นเหมือนคนที่สูญเสียอะไรบางอย่างไป แล้วไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่อาจนำมันกลับคืนมาได้
แต่ชายในชุดสูทก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอาการผิดปกติของลูกพี่จะต้องเกี่ยวข้องกับพ่อของเด็กคนนี้อย่างแน่นอน
แต่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าคนที่จะสามารถพิชิตใจลูกพี่ของพวกเขาได้คือใครกันแน่
เพราะทุกครั้งที่ลูกพี่จับปืน เธอจะดูเหมือนกับราชินีไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือกลุ่มอันธพาลกลุ่มไหนก็ไม่กล้าลงมือกับเธอแม้แต่คนเดียว
เว้นเสียแต่ว่า…
หรือว่าจะเป็นถังเส่า
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
ถังเส่าไม่เคยให้ผู้หญิงคนอื่นนอกจากเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นเข้าหา แม้แต่กับลูกพี่เขาก็ยังปฏิบัติกับเธอเช่นนั้นเหมือนกัน
หมายความว่าลูกของลูกพี่มีแนวโน้มว่าจะเป็นลูกไม่มีพ่อหรือ!?
ชายคนอื่นๆ เป็นคนหยาบกระด้างอย่างที่ชายในชุดสูทว่าไว้ พวกเขาไม่ได้มีทักษะการสังเกตที่ละเอียดอ่อน และความคิดของพวกเขาก็ยังแตกต่างจากเขาอีกด้วย พวกเขาต่างจ้องมองทารกน้อยในอ้อมแขนของเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยดวงตาอยากรู้อยากเห็น
ทารกน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้า ดวงตาของเขากระจ่างใสและดูสูงส่งอย่างมาก
พวกเขารู้สึกคันไม้คันมือเมื่อเห็นทารกน้อย
”ลูกพี่ ส่งเด็กมาให้ผมอุ้มเถอะครับ ผมจะกล่อมให้เขานอนเอง”
”ถอยออกไปเลย! ดูหนวดตัวเองซะบ้างเถอะ ถ้านายอุ้มเขา เขาจะต้องไม่สบายตัวแน่ๆ อีกอย่างนายก็แรงเยอะเกินไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเผลอทำให้เด็กบาดเจ็บเอาได้ ให้ฉันอุ้มดีกว่า ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดคือฉันต่างหาก!”
ชายกลุ่มนั้นผลักกันไปผลักกันมาด้วยสีหน้าดุดัน แต่กลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันทีที่อยู่ต่อหน้าทารกน้อย
ชายในชุดสูทยกมือขึ้นปิดหน้า เจ้าพวกนี้ไม่สังเกตหรือว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกพี่
”แอล เค จิน เหล่าเอ” เฮ่อเหลียนเวยเวยขัดจังหวะการทะเลาะวิวาทนั้นเบาๆ น้ำเสียงของนางแผ่วเบาแต่ก็เคร่งเครียด ”ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกทำงานนี้ ฉันจะไม่รับภารกิจอะไรอีก นี่เป็นเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้ จากนี้ไปฉันจะอยู่ที่นี่ แต่องค์กรวิญญาณของพวกเราจะถูกยุบ พวกนายอยากไปที่ไหนก็ได้ตามใจ ขอเพียงแค่ต้องรักษากฎและปิดบังที่อยู่กับตัวตนของฉันไว้เป็นความลับ ถ้าใครแพร่งพรายเรื่องของที่นี่ออกไปละก็ ฉันจะฆ่ามันซะ”
ดวงตาของเด็กหนุ่มที่ชื่อแอลเบิกกว้างทันทีที่เขาได้ยินว่าองค์กรวิญญาณกำลังจะถูกยุบ แต่เขาก็พูดอะไรไม่ออก
ชายในชุดสูทสบตากับเหล่าเอแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า ”ลูกพี่ต้องการปกป้องลูก เธอก็เลยต้องการยุบองค์กรวิญญาณของเรา” เวลากลางคืน
ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
แถวการจราจรไหลเวียนอย่างไม่ขาดสายภายในเมือง ภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมืองสามารถมองเห็นได้จากการยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างสูงจรดเพดานบนชั้นสามสิบเอ็ดแห่งนี้
ชายกลุ่มหนึ่งนั่งจับกลุ่มเล่นไพ่อยู่ตรงนั้น พวกเขาแต่ละคนล้วนแต่มีหน้าตาหล่อเหลาและสวมเสื้อสีดำ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่งอยู่ที่นั่น แต่พวกเขาก็ดูแตกต่างจากคนธรรมดาทีเดียว
ห้องนั้นเชื่อมกับทั้งชั้นบนและชั้นล่างเหมือนบ้านที่มีชั้นลอย บ้านทั้งหลังเป็นโทนสีสว่าง การตกแต่งภายในบ้านให้ความรู้สึกเหมือนกับบ้านของชายหนุ่ม ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟที่เพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆ ให้บรรยากาศพิเศษอย่างมาก
”ถ้าลูกพี่ยังไม่กลับมา พวกเราคงได้เบื่อตายก่อนแน่ๆ” ชายในชุดสูทสีขาวท่าทางชั่วร้ายพิงร่างเข้ากับราวกันตกที่อยู่บนชั้นสอง เขาจิบไวน์เข้าปากแล้วก้มลงมองคู่หูที่กำลังเล่นไพ่อยู่ ”พวกนายเล่นไพ่กันทุกวันแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือไง”
ชายหัวโล้นที่อยู่ในกลุ่มนั้นทิ้งไพ่ ’K’ ในมือลงบนโต๊ะกาแฟ เขาคาบบุหรี่ไว้พลางเหลือบมองคนที่อยู่ข้างตัว ”ก็ยังดีกว่าแอลก็แล้วกัน วันๆ เจ้าหมอนั่นเอาแต่เล่นกับปืนตัวเอง เช็ดๆ ถูๆ มันมาเป็นสิบรอบได้แล้วล่ะมั้ง คงใกล้จะแต่งงานกับอาวุธเหล่านั้นเต็มทีแล้ว”
ชายในชุดสูทถอนหายใจ พร้อมกับยื่นมือออกไปวางแก้วไวน์ลง เขาเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับพูดว่า ”ช่างมันเถอะ ฉันจะออกไปจีบสาวหน่อย ถ้าลูกพี่กลับมาแล้วก็โทรบอกด้วยแล้วกัน”
”ลูกพี่สั่งว่าถ้ายังไม่มีข่าวคราวอะไร ให้พวกเรารอเธออยู่ที่นี่” เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ถือปืนอยู่ในมือเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาเย็นชา ”นายอยากถูกต่อยจนกลายสภาพเป็นรังผึ้งอีกหรือไง”
ชายในชุดสูทยกมือให้เขา ”เฮ้ยแอลอย่าจริงจังไปเลยน่า ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น ในเมื่อลูกพี่สั่งให้พวกเรารอเธออยู่ที่นี่ แน่นอนว่าพวกเราย่อมจำเป็นต้องรอ แต่พวกเราก็จำเป็นต้องกินข้าวกินปลาเหมือนกัน ถูกหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน
ชายในชุดสูทยิ้ม ”ฉันรู้ว่าคนหยาบกระด้างอย่างนายคงไม่ค่อยมีสามัญสำนึกอย่างคนทั่วไปนัก แต่ไม่ต้องห่วง ฉันสั่งอาหารเอาไว้แล้ว คนส่งอาหารน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”
ทันทีที่พูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เด็กหนุ่มเก็บปืนในมือแล้วใช้เสื้อคลุมสีดำคลุมทับมันอีกชั้น จากนั้นจึงใช้สายตาสั่งให้ชายในชุดสูทเปิดประตู
ชายในชุดสูทไม่ว่าอะไรแม้จะถูกออกคำสั่ง เขาถือกระเป๋าเงินไว้ในมือเพื่อเตรียมตัวจ่ายเงินให้กับคนส่งของที่อยู่นอกประตูบานนั้น
แต่เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูจะไม่ใช่คนส่งของ
แต่กลับเป็น…
”ลูกพี่!” เด็กหนุ่มผู้เยือกเย็นที่อยู่ข้างหลังเขาผุดลุกขึ้นทันที
ชายคนอื่นๆ ที่กำลังเล่นไพ่อยู่ต่างก็หยุดเล่น ทุกคนต่างทำตาโตและมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา
ชายในชุดสูทเอ่ยตะกุกตะกักว่า ”ลูกพี่ ทำ ทำไมลูกพี่ถึงอุ้มเด็กอยู่ล่ะ ไปได้เขามาจากไหนหรือครับ”
”ฉันเป็นคนคลอดเอง” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นางไม่คิดจะหันหลังกลับไปด้วยซ้ำ ”ปิดประตู”
ปฏิกิริยาตอบสนองของชายในชุดสูทค่อนข้างล่าช้าทีเดียว ”ลูก ลูกพี่ว่าอะไรนะครับ ลูกพี่เป็นคนคลอดเองหรือ ลูกพี่ตั้งท้องเองได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
”เอส ฉันอารมณ์ไม่ดี” เฮ่อเหลียนเวยเวยอุ้มทารกน้อยไว้ในมือข้างหนึ่ง นางมองเขาด้วยรอยยิ้ม ”ถ้าอยากถูกต่อยนักก็แหกปากต่อไปแล้วกัน”
ชายในชุดสูทปิดปากเงียบในทันใด แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าลูกพี่คลอดเด็กออกมาในระยะเวลาสั้นๆ ที่เธอไม่อยู่ได้อย่างไร ถ้าดูจากเวลาแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเช่นกัน เขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วถามว่า ”ลูกพี่ เด็กคนนี้เป็นลูกของลูกพี่จริงๆ หรือครับ” หรือเธอไปเก็บเด็กมาจากข้างถนนกันแน่
”อืม” เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินไปที่โซฟาก่อนจะนั่งลงพร้อมกับสัมผัสทารกน้อยในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ร่างกายของนางยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตั้งแต่นางลืมตาขึ้น นางก็ต้องพยายามคลอดเด็กคนนี้อย่างสุดความสามารถ ถ้าไม่ใช่เพราะมีลูกอยู่ด้วย นางคงนึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่านางติดอยู่ในความฝันอันยาวนานหลังจากหมดสติไป ความฝันนั้นงดงามเกินไปจนนางไม่อยากตื่นขึ้นมา
แต่ ไม่ใช่เพราะลูกเพียงอย่างเดียว พลังที่ตื่นขึ้นอย่างกะทันหันในร่างของนางก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกให้นางรู้ว่าทุกสิ่งในอดีตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
วิญญาณของนางเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งพันปีก่อน และค้นพบความทรงจำที่นางควรจะจดจำได้
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมนางถึงได้เห็นการตายของตัวเองเมื่ออยู่ใต้แสงแห่งพระพุทธคุณในแดนพระพุทธศาสนา
แต่ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่านางไม่สามารถหนีจากเคราะห์สวรรค์ของตัวเองได้
นางจะถูกกำจัดทันทีที่ลูกเกิด
แต่นางได้พลังธรรมะของหงส์เพลิงที่เคยเป็นของนางกลับคืนมาเพราะความช่วยเหลือของต้นโพธิ์ นางจึงกลายเป็นหงส์เพลิงที่ไม่มีวันตาย แต่ต้องกลับคืนสู่ที่ที่นางควรอยู่แทน
แต่นางอยากกลับไปที่นั่นเหลือเกิน
นางอยากกลับไปหาผู้ชายที่เขกหัวนาง แล้วเรียกนางว่าโง่อยู่เสมอคนนั้น…
ชายในชุดสูทสังเกตเห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยดูไม่เหมือนปกติ เขาไม่เคยเห็นลูกพี่ทำสีหน้าเช่นนี้มาก่อน สีหน้านั้นเหมือนคนที่สูญเสียอะไรบางอย่างไป แล้วไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่อาจนำมันกลับคืนมาได้
แต่ชายในชุดสูทก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอาการผิดปกติของลูกพี่จะต้องเกี่ยวข้องกับพ่อของเด็กคนนี้อย่างแน่นอน
แต่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าคนที่จะสามารถพิชิตใจลูกพี่ของพวกเขาได้คือใครกันแน่
เพราะทุกครั้งที่ลูกพี่จับปืน เธอจะดูเหมือนกับราชินีไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือกลุ่มอันธพาลกลุ่มไหนก็ไม่กล้าลงมือกับเธอแม้แต่คนเดียว
เว้นเสียแต่ว่า…
หรือว่าจะเป็นถังเส่า
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
ถังเส่าไม่เคยให้ผู้หญิงคนอื่นนอกจากเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นเข้าหา แม้แต่กับลูกพี่เขาก็ยังปฏิบัติกับเธอเช่นนั้นเหมือนกัน
หมายความว่าลูกของลูกพี่มีแนวโน้มว่าจะเป็นลูกไม่มีพ่อหรือ!?
ชายคนอื่นๆ เป็นคนหยาบกระด้างอย่างที่ชายในชุดสูทว่าไว้ พวกเขาไม่ได้มีทักษะการสังเกตที่ละเอียดอ่อน และความคิดของพวกเขาก็ยังแตกต่างจากเขาอีกด้วย พวกเขาต่างจ้องมองทารกน้อยในอ้อมแขนของเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยดวงตาอยากรู้อยากเห็น
ทารกน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้า ดวงตาของเขากระจ่างใสและดูสูงส่งอย่างมาก
พวกเขารู้สึกคันไม้คันมือเมื่อเห็นทารกน้อย
”ลูกพี่ ส่งเด็กมาให้ผมอุ้มเถอะครับ ผมจะกล่อมให้เขานอนเอง”
”ถอยออกไปเลย! ดูหนวดตัวเองซะบ้างเถอะ ถ้านายอุ้มเขา เขาจะต้องไม่สบายตัวแน่ๆ อีกอย่างนายก็แรงเยอะเกินไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเผลอทำให้เด็กบาดเจ็บเอาได้ ให้ฉันอุ้มดีกว่า ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดคือฉันต่างหาก!”
ชายกลุ่มนั้นผลักกันไปผลักกันมาด้วยสีหน้าดุดัน แต่กลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันทีที่อยู่ต่อหน้าทารกน้อย
ชายในชุดสูทยกมือขึ้นปิดหน้า เจ้าพวกนี้ไม่สังเกตหรือว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกพี่
”แอล เค จิน เหล่าเอ” เฮ่อเหลียนเวยเวยขัดจังหวะการทะเลาะวิวาทนั้นเบาๆ น้ำเสียงของนางแผ่วเบาแต่ก็เคร่งเครียด ”ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกทำงานนี้ ฉันจะไม่รับภารกิจอะไรอีก นี่เป็นเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้ จากนี้ไปฉันจะอยู่ที่นี่ แต่องค์กรวิญญาณของพวกเราจะถูกยุบ พวกนายอยากไปที่ไหนก็ได้ตามใจ ขอเพียงแค่ต้องรักษากฎและปิดบังที่อยู่กับตัวตนของฉันไว้เป็นความลับ ถ้าใครแพร่งพรายเรื่องของที่นี่ออกไปละก็ ฉันจะฆ่ามันซะ”
ดวงตาของเด็กหนุ่มที่ชื่อแอลเบิกกว้างทันทีที่เขาได้ยินว่าองค์กรวิญญาณกำลังจะถูกยุบ แต่เขาก็พูดอะไรไม่ออก
ชายในชุดสูทสบตากับเหล่าเอแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า ”ลูกพี่ต้องการปกป้องลูก เธอก็เลยต้องการยุบองค์กรวิญญาณของเรา”