องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 885 ฉีกกระชากมิติเวลา
“สมกับเป็นตี้จวินจริงๆ! ท่านสามารถคลี่คลายปัญหาใหญ่ที่ข้าเผชิญอยู่ได้พอดี ข้าตามหาโจรกลุ่มนี้มานานทีเดียว ข้าเกลียดยิ่งนักเวลาที่คนอื่นมาแตะต้องเงินทองของข้า แต่เพราะข้าตาบอด ดังนั้นการตามหาตัวพวกมันเพื่อแก้แค้นจึงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก” เสียงของเขาแผ่วเบาอย่างมาก แต่บางครั้งมันก็ฟังดูเหมือนเขากำลังหัวเราะอยู่ตลอดเวลา ”แต่ท่านไม่คิดว่าวิธีที่ท่านใช้เพื่อทำให้ข้าปรากฏตัวขึ้นมันไม่ดูนองเลือดเกินไปหน่อยหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองกลับไปด้วยสีหน้าราบเรียบ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังนั้นแต่งกายอย่างหล่อเหลาด้วยชุดจีนแบบดั้งเดิม แม้เขาจะเดินอยู่ในทะเลทราย แต่ที่ชุดของเขากลับไม่มีฝุ่นติดอยู่เลยแม้แต่เม็ดเดียว ตาที่ปิดและทิ้งแพขนตายาวลงนั้นดูเหมือนจะบอดสนิท นกที่เกาะอยู่บนไหล่ของเขาดูเหมือนจะเป็นวิญญาณชนิดหนึ่ง เพราะมันกำลังใช้สายตาทิ่มแทงนั้นจ้องมองเขาด้วยความเป็นปรปักษ์
นอกจากนกตัวนั้น ยังมีร่างเล็กๆ ของคนคนหนึ่งเดินตามอยู่ด้านหลังอีกด้วย เด็กคนนั้นขอบตาดำคล้ำและสะพายขวดน้ำเต้าเอาไว้บนหลัง
เด็กคนนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแต่อย่างใด เขาคือปีศาจน้อยที่ครั้งหนึ่งเคยติดตามรับใช้จิ่งอู๋ซวงอยู่นั่นเอง
แต่เขาไม่สนใจเหตุผลที่ทำให้ปีศาจน้อยติดตามรับใช้ผู้ชายคนนี้แทน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองชายคนนั้นด้วยสายตาดำทะมึน ”นางอยู่ที่ไหน”
บทสนทนาระหว่างผู้มีสติปัญญาย่อมไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม
เถ้าแก่เพ่ยยิ้ม ”ข้าจำเป็นต้องคิดคำนวณดูก่อน แม้จะเป็นความลับของฟ้าดิน ก็ต้องรอให้ตัวแปรที่ว่านั้นปรากฏขึ้นเสียก่อนจึงจะสามารถคำนวณได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เคลื่อนสายตาไปมองต้นโพธิ์ที่ปีศาจน้อยหอบอยู่ เขาก้มหน้าลงแล้วใช้ฟันกัดถุงมือสีดำบนมือของตัวเองออก จากนั้นจึงกัดข้อมือขาวของตัวเอง แล้วหยดเลือดบริสุทธิ์จากภพสวรรค์ลงบนรากของต้นโพธิ์ ”ทีนี้ก็คำนวณได้แล้วใช่หรือเปล่า”
เถ้าแก่เพ่ยตาบอด แต่เขามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าคนที่มองเห็นได้ปกติ ”ข้าคิดว่าตี้จวินจะเป็นคนที่ไร้ความอดทนต่อศัตรูหัวใจเสียอีก”
“ก็จริงที่ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกริมฝีปากบางขึ้นอย่างเย็นชาพลางกวาดตามองต้นโพธิ์อย่างไม่ใส่ใจนัก ”ดังนั้นเถ้าแก่เพ่ย หวังว่าตอนนี้เจ้าจะมีข่าวที่ข้าต้องการอยู่นะ”
เถ้าแก่เพ่ยไม่สนใจคำขู่นั้น นิ้วเรียวของเขาชี้ไปที่นกบนไหล่ของตัวเอง
เมื่อนกตัวนั้นบินออกไป เขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น พลังจำนวนนับไม่ถ้วนก็พลันก่อตัวเข้าหากันกลายเป็นเส้นบางๆ ทอดยาวออกไป เส้นด้ายเหล่านั้นลอยอยู่ในอากาศแล้วถักทอเข้าหากันกลายเป็นสัญลักษณ์โบราณขนาดใหญ่
ราวกับฟันเฟืองแห่งกาลเวลากำลังคำนวณเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ปีศาจที่อยู่รอบๆ ไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของพวกมันจึงเริ่มบิดเบี้ยว
แต่สมาธิของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจดจ่ออยู่แค่การคำนวณของชายหนุ่มเท่านั้น
ในที่สุด เขาก็คว้าข้อมูลที่ตัวเองต้องการมาได้!
นี่มันที่ไหนกัน
มีบ้านเรือนที่ไหนสามารถสร้างได้สูงกว่าภพสวรรค์อีกหรือ
นกตัวมหึมาที่บินไปบินมาอยู่ตรงนั้นคืออะไร
ทำไมนางถึงมีของพวกนี้อยู่ข้างๆ ล่ะ
เป็นไปได้หรือเปล่าว่า…
นัยน์ตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสั่นระริก เขานึกถึงคำพูดที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเคยบอกเขาเมื่อนานมาแล้วได้
ก่อนหน้านี้นางเคยบอกว่าจริงๆ แล้วนางไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเฮ่อเหลียน
แต่เป็นวิญญาณที่มาจากหนึ่งพันปีให้หลัง…
“นางกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองแล้ว” เถ้าแก่เพ่ยหลับตา การคำนวณนั้นหยุดชะงักลงทันที ”เห็นได้ชัดว่าที่แห่งนั้นไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนี้”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยละสายตาออกจากเขา ”ไม่ ที่แห่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินนี้ แต่มันเป็นแผ่นดินนี้ในอีกหนึ่งพันปีให้หลังต่างหาก”
เถ้าแก่เพ่ยไม่ได้ปฏิเสธ ดูเหมือนเรื่องนี้จะอยู่ในการคำนวณของเขาเช่นกัน ”ข้าช่วยท่านได้เพียงเท่านี้ หลังจากนี้ ข้าจำต้องช่วยให้ปีศาจน้อยปลุกเจ้านายของเขา ส่วนค่าตอบแทนในครั้งนี้ ขอให้ท่านสั่งให้คนนำเงินไปวางไว้ที่นอกเมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้าย แล้วจะมีคนไปเก็บมันมาให้ข้าเอง”
กิเลนอัคคีมองร่างที่หายไปท่ามกลางทะเลทรายอันรกร้างว่างเปล่า ลึกลงไปในใจนั้น เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับเรื่องนี้นัก
แผ่นดินนี้แต่เป็นหนึ่งพันปีให้หลังหรือ
นายท่านจะไปที่นั่นได้อย่างไร
เขาต้องรอไปอีกหนึ่งพันปี ถึงจะได้พบกับพระชายาอีกครั้งหรือ
นายท่านไม่มีความอดทนมากพอที่จะรอให้ถึงวันนั้นได้แน่
ในระหว่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับพระชายาก็ยากจะบอกได้
หนึ่งพันปี แม้จะเป็นพวกเขา แต่เวลาเท่านั้นก็ยังมืดมนยิ่งนัก
มันยาวนานเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะสามารถทนรับได้
มีหนทางมากมายที่จะนำไปสู่ในอีกหนึ่งพันปีให้หลัง การลงไปที่นรกแล้วเกิดใหม่เป็นมนุษย์ก็น่าจะใช้เวลาหนึ่งพันปีเหมือนกัน
แต่วิธีนั้นไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับนายท่านเลย
ยิ่งกว่านั้นก็ยังไม่มีใครรู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของพระชายา ทั้งยังไม่สามารถระบุปีที่นางอยู่ให้ชัดเจนได้อีกด้วย
บุตรแห่งราชานรกเป็นคนเดียวในนรกที่สามารถเดินทางข้ามเวลาได้ นี่เป็นพลังที่แม้แต่ยมทูตก็ไม่มี
ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น กิเลนอัคคีก็หันไปมองสีหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโดยไม่รู้ตัว
ใบหน้านั้นถูกผมยาวที่ทิ้งตัวลงมาบดบังเอาไว้ สิ่งเดียวที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนมีแต่เพียงดวงตาสีแดงเข้มราวกับทะเลเลือดในนรกที่กำลังกระเพื่อมเป็นระลอก
“หนึ่งพันปีหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลดมือที่จับใบหน้าของตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้ลง เขาหัวเราะออกมา น้ำเสียงแหบพร่านั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและทรงอำนาจโดยธรรมชาติ ”พวกมันคิดจริงๆ หรือว่าจะสามารถหยุดข้าได้”
“นายท่านขอรับ” กิเลนอัคคีมองเขาอย่างเป็นห่วง
แสงสีทองอันเต็มไปด้วยอคติเริ่มปรากฏขึ้นในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสายลมกรรโชกพัดขึ้นจากพื้น วิญญาณร้ายจากนครแห่งความตายที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินถูกดูดเข้าสู่พลังอันไร้ที่มานี้ทันที!
นรกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แรงสั่นในครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งใด
หินก้อนโตร่วงลงมาจากนรกขุมที่หนึ่งลงไปถึงนรกขุมที่สิบแปด แม้แต่ยมทูตก็ยังทรงตัวไม่อยู่จนตกลงไปในทะเลเลือด
บุตรแห่งราชานรกกำลังส่องกระจกอยู่ตอนที่ศีรษะของเขาถูกกระแทกจนบวม เขาฟาดมือลงกับพื้นอย่างเดือดดาลแล้วผุดลุกขึ้นทันที ”เกิดอะไรขึ้น เจ้าพวกนี้จะปล่อยให้ข้าจัดทรงผมดีๆ ไม่ได้เลยหรือไร! เกิดอะไรขึ้นบนโลกมนุษย์หรือ”
ท่านพ่อของเขามักจะทิ้งงานให้กับเขาอยู่เสมอ ในขณะที่ตัวเองเอาแต่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง!
“องค์ องค์ องค์ชายน้อย” ผู้พิพากษาวิญญาณพยายามคลานออกมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้น ”มีใครบางคน มีใครบางคนใช้อาคมโลหิตบนโลกมนุษย์พ่ะย่ะค่ะ!”
อาคมโลหิตหรือ
บุตรแห่งราชานรกผู้มีใบหน้าหล่อเหลาถึงกับอึ้งไป เขาไม่คิดที่จะหวีผมต่อ แต่กลับรีบลุกขึ้นยืน ”ต้องเป็นราชาปีศาจแน่ๆ! เขาคงหาหงส์เพลิงเจอแล้ว! อาคมโลหิตเป็นอาคมที่สามารถฉีกกระชากมิติกาลเวลาได้มิใช่หรือ ข้าจะตามเขาไปด้วย!”
“องค์ชาย มันอันตรายนะพ่ะย่ะค่ะ!” ผู้พิพากษายอมเสี่ยงชีวิตแล้วใช้แขนกอดเอวของบุตรแห่งราชานรกเอาไว้
บุตรแห่งราชานรกถีบเขาออกอย่างโหดร้าย ”ไม่อันตรายเลยสักนิด! อย่างไรคนที่ใช้อาคมโลหิตก็ไม่ใช่ข้านี่! ถ้ามันได้ผล ข้าอาจจะสามารถใช้อาคมนี้ตามรอยของหงส์เพลิงไปถึงยุคปัจจุบันได้ก็เป็นได้ เจ้าอย่าคิดว่าท่านพ่อเอาข้ามาไว้ในยุคโบราณเช่นนี้แล้วจะสามารถขัดขวางความรักที่ข้ามีให้กับเสี่ยวโกวได้เชียว!”
ผู้พิพากษาวิญญาณไม่สามารถรั้งองค์ชายของตัวเองได้อีกต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะมียมทูตตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูได้ทันเวลา บุตรแห่งราชานรกจะต้องหนีไปอย่างแน่นอน!
“ถ้าท่านไปกับเขา ท่านก็มีแต่จะถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยเท่านั้น” ยมทูตที่ยืนอยู่หน้าประตูถือสมุดสีดำไว้ในมือ เขายกมือดันแว่นของตัวเองขึ้น ”อย่าลืมเรื่องร่างกายของเจ้า เจ้าเจ็ด”
บุตรแห่งราชานรกสบถเสียงเบาด้วยใบหน้าชั่วร้ายอย่างที่สุด ”ถ้าเป็นตามที่เจ้าพูด เช่นนั้นก็หมายความว่าโลกมนุษย์กำลังจะถูกทำลายมิใช่หรือ”