องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 886 ข้ามผ่านกาลเวลา
“นรกสนใจเพียงแค่คนตายเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา” ยมทูตตนนั้นพูด เขายืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับมองหินสีดำกลิ้งผ่านเท้าไปราวกับไม่แยแส คนคนนี้ยังคงเลือดเย็นเหมือนอย่างเคย
เหนือบริเวณอันรกร้างว่างเปล่านั้น เขตอาคมสีแดงเลือดทิ้งรอยไหม้เก่าแก่และซับซ้อนเอาไว้บนพื้นดิน
สัตว์อสูรและวิญญาณร้ายที่ถูกดูดเข้าไปในอาคมนั้นระเบิดออกเป็นหมอกโลหิตทันทีที่พวกมันเข้าไป
จากนั้นหมอกโลหิตจึงถูกส่งไปตามเส้นของเขตอาคมที่ว่านี้อย่างรวดเร็ว ทำให้พวกมันสว่างวาบขึ้น
ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน
ผู้คนต่างแหงนหน้ามองบรรดาสัตว์อสูรบนพื้นโลกถูกพลังปริศนาดูดหายเข้าไปในกลุ่มเมฆหนาทึบ
พวกเขาไม่เคยเห็นพลังที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน
ผู้คนมากมายเริ่มคุกเข่าลงบนขั้นบันไดของวัดหลิงอิ่นพร้อมกับจุดธูปไหว้พระพุทธองค์ ด้วยหวังว่าหมอกสีดำที่บดบังแสงอาทิตย์นั้นจะหายไป
แต่พลังพวกนี้ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!
การสังเวยสัตว์อสูรเพียงอย่างเดียวย่อมไม่สามารถทำให้อาคมโลหิตพึงพอใจได้!
ดังนั้น เขาจึงเริ่มจับวิญญาณคนตายมาเปลี่ยนเป็นวิญญาณร้ายเพื่อเปิดทางให้กับเขา!
การทำเช่นนี้ส่งผลให้หมอกสีดำที่รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าค่อยๆ ขยายตัวขึ้นทีละน้อย ความหนาและกลิ่นเลือดฉุนๆ นั้นยังส่งผลร้ายให้กับบริเวณโดยรอบนั้นอีกด้วย
พวกหนู งู และหนอนที่เดิมทีเคยซ่อนตัวอยู่ในโพรงเริ่มคลานออกมา เมื่อสัตว์ที่ปกติจะอาศัยอยู่ในป่าเริ่มปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง ประชาชนทุกคนจึงหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือดราวกับคนตาย
แทบทุกคนต่างสัมผัสได้ว่าแผ่นดินนี้กำลังจะมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
ดังคำโบราณว่าไว้ เมื่อใดที่ปีศาจปรากฏตัวขึ้น เมื่อนั้นหายนะย่อมตามมา
เมื่อผู้ขับไล่วิญญาณร้ายผู้มีประสบการณ์เห็นภาพนี้ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น
ในฐานะสมาชิกของตระกูลแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้าย พวกเขาย่อมไม่สามารถทนมองอยู่เฉยๆ ได้
สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือการรวมกลุ่มผู้ขับไล่วิญญาณร้ายกลุ่มใหญ่ แล้วออกตามหาจุดศูนย์กลางของอาคมโลหิตเพื่อหยุดยั้งมัน
“เจ้าสิ่งชั่วร้ายตนนั้น! เจ้าจงรีบหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะร่ายอาคมผนึกขับไล่วิญญาณร้ายเดี๋ยวนี้ หากเป็นเช่นนั้น แม้กระทั่งวิญญาณเจ้าก็จะไม่เหลือแม้แต่เสี้ยวเดียว!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ตอบ ไม่แม้กระทั่งจะหันกลับไปมอง เขายืนอยู่กลางเขตอาคมด้วยท่าทางชวนขนหัวลุก ใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลานั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายอาวุโสไม่เคยสนใจผู้ใด พวกเขาสบตากัน แล้วชูกระบี่ไม้ท้อในมือขึ้น ”ในเมื่อเจ้าไม่คิดที่จะกลับใจ เช่นนั้นพวกข้าย่อมทำได้แค่ทวงคืนความยุติธรรมให้กับสวรรค์!”
ขณะที่ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเอ่ยเช่นนั้น พวกเขาก็ยกเท้าขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทันที!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังไม่คิดที่จะหันกลับไป เขาเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อยาวของตัวเองเท่านั้น!
โครม!
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายทั้งหมดนั้นต่างถูกพลังของเขาทุ่มลงกับพื้น!
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายยังไม่ยอมแพ้ พวกเขากุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงเริ่มเตรียมใช้อาคมอื่นกับเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ตาลง แล้วยื่นมืออกไปทางหนึ่งราวกับกำลังคว้าอะไรสักอย่าง ทันใดนั้นคอของผู้ขับไล่วิญญาณร้ายระดับสูงคนหนึ่งก็ถูกมือของเขากำเอาไว้ แล้วบีบมันแน่น!
“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าได้สมหวัง!”
ทันทีที่พูดจบ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็โยนผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคนนั้นเข้าไปในเขตอาคม!
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นภาพนี้ พวกเขารีบร่ายคาถาเก้าอักขระอย่างรวดเร็ว และตั้งใจจะใช้แสงแห่งพระพุทธคุณตรึงไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไว้กับที่เพื่อทำลายวิญญาณของเขา
แต่พวกเขากลับคาดไม่ถึงว่าแสงแห่งพระพุทธคุณจะใช้ไม่ได้ผลกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า!
มันสายเกินกว่าจะถอยหลังกลับได้ เพราะผู้ขับไล่วิญญาณร้ายจะถูกเขาจับตัวได้ทุกครั้งที่เขายื่นแขนออกมา ไม่ว่าผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคนนั้นจะอยู่ในระดับไหน พวกเขาก็เปรียบเสมือนกับมดปลวกในมือของเขา ทุกคนล้วนแต่ถูกโยนเข้าไปในอาคมโลหิตทั้งสิ้น
ในสายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้น นอกจากเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้ว มนุษย์ก็เป็นเพียงแค่ของเล่นแก้เบื่อ
เขาเป็นปีศาจ
ปีศาจไม่มีหัวใจ
น่าแปลกที่การเพิ่มผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเข้าไปกลับทำให้หมอกสีดำของอาคมโลหิตยิ่งทวีความหนาขึ้น เสียงฟ้าแลบฟ้าร้องดังก้องไปทั่วท้องฟ้าเบื้องบนราวกับวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงในไม่ช้า!
แต่แม้จะเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ไม่คิดที่จะยั้งมือแต่อย่างใด ดวงตาอันลึกล้ำของเขากลับยิ่งสว่างเจิดจ้า และพลังปีศาจมหาศาลก็พลันแล่นพล่านไปทั่วใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
ทันทีที่อาคมโลหิตก่อตัวขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่รอบๆ จะถูกมันดูดเข้ามา
เลือดสดๆ และพลังวิญญาณเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับอาคมโลหิตนี้!
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายไม่มีโอกาสได้เสียใจในการกระทำของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ทันทีที่ร่างสุดท้ายหายวับไป ขนนกสีดำก็พลันระเบิดขึ้น ณ ใจกลางของเขตอาคมโลหิตนั้น ปีกคู่นั้นดูเหมือนกำลังโบกสะบัดและโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า!
จากนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจึงเดินออกมาจากอาคมโลหิต ขนนกสีดำเคลื่อนที่ตามการเคลื่อนไหวของเขา และตกลงรอบเท้าของเขาทุกก้าวที่เขาเดิน
ทั่วร่างของเขาราวกับถูกปกคลุมไปด้วยขนนก ใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับปีศาจนั้นทำให้ทุกคนชะงักไป
นั่นเป็นเพราะหลุมดำที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ไม่มีใครรู้ว่าหลุมดำนั้นจะนำไปสู่ที่ใด หลุมดำที่ว่านั่นมีสายลมกรรโชกพัดออกมา แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับจะสามารถดูดกลืนทุกสิ่งเข้าไปภายในได้!
ตอนแรกหลุมดำมีขนาดเล็กอย่างมาก แต่ขนาดของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความโกลาหลนั้น โลกอีกใบหนึ่งก็คล้ายจะเผยโฉมออกมาจากชั้นหมอกสีดำนั้น!
กิเลนอัคคีตาโตเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า
นั่นมัน นั่นมันอะไรกัน
เป็นไปไม่ได้!
ถึงข้าจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน!
นายท่านสร้างรอยแยกในมิติเวลาขึ้นกลางอากาศ!
แต่โลกใบนั้นดูแปลกประหลาดจนเกินไป มันแปลกเสียจนก้าวข้ามโลกที่กิเลนอัคคีรู้จักไปเลยทีเดียว!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ลงมือทันทีหลังจากรอยแยกมิติเวลาปรากฏขึ้น ดูเหมือนเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง และยืนยันในสิ่งที่เห็นอยู่หลายต่อหลายครั้ง ยิ่งเขามั่นใจเท่าใด ดวงตาของเขาก็ยิ่งสดใสมากขึ้นเท่านั้น
แผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขนนกสีดำอันคมกริบราวกับมีดที่สามารถแทงทะลุได้ทุกสิ่งแทงเข้าไปในร่างของสัตว์อสูรทีละตัว!
แรงสั่นสะเทือนนั้นสามารถรู้สึกได้แม้กระทั่งในเมืองหลวง ในเวลาเดียวกันนั้น สัตว์อสูรทั่วทั้งแผ่นดินราวกับเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นพร้อมกัน!
ท่ามกลางฝุ่นควันโขมงนั้น ในที่สุดสายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็หยุดอยู่ที่จุดจุดหนึ่งในเมฆหมอกมายาอันไร้ที่สิ้นสุด!
กิเลนอัคคีรู้ว่าต่อให้เขาจะสามารถสร้างรอยแยกให้กับมิติเวลาได้ แต่ถ้าเขาหาคนคนนั้นไม่พบ นายท่านของเขาก็จะยังไม่ได้พบกับพระชายา
ดังนั้น ทุกความพยายามย่อมไม่ต่างจากการเดิมพัน
สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าด้านข้างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยขณะที่เขาหรี่ตาลง!
ทันใดนั้น หมอกสีดำที่รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว แล้วปกคลุมร่างของเขาเอาไว้ทั้งตัว นอกจากเขาแล้ว ยังมีปีศาจอีกจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในนั้นด้วย!
เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นให้ได้ยินโดยทั่วกัน เสียงของพวกมันสั่นสะท้านในขณะที่พวกมันกำลังจะได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก
ทารกคนพี่เป็นคนที่ฉลาดที่สุด เพราะเขาใช้สองแขนกอดรอบขาข้างซ้ายของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไว้ตั้งแต่แรก บนใบหน้าเล็กๆ อันหล่อเหลาราวกับเทพบุตรนั้นไม่มีร่องรอยแห่งความกลัวอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากลับปิดบังความตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด
อย่างไรเขาก็เป็นปีศาจ
เขามีความปรารถนาอันรุนแรงในการแสวงหาเลือดและการทำลายล้างมาตั้งแต่เกิด
เมื่อเวลาผ่านไป หมอกสีดำก็ยิ่งขยายตัวขึ้นจนกระทั่งปกคลุมไปทั่วเมืองโบราณกลางทะเลทราย
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยและคนของเขากลับหายไปจากแผ่นดินนี้โดยสมบูรณ์!