องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 896 น้องคนเล็กตกเป็นเป้าหมาย
แกรกๆๆ!
เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังก้องไปทั่วห้อง
ทันทีที่วานรพูดจบ ภาพวงจรปิดบริเวณหน้าประตูทางเข้าโรงเรียนอนุบาลก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทั้งสี่
“นี่เป็นภาพวงจรปิดของวันนี้ครับ” วานรพูดพลางเคาะแป้นพิมพ์อีกหลายครั้ง เขาจัดการแบ่งภาพนั้นออกเป็นสี่มุมเพื่อให้เฮ่อเหลียนเวยเวยสามารถวิเคราะห์ภาพวงจรปิดที่ว่านั่นได้ง่ายขึ้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจะบอกให้เขาค้นหาภาพวงจรปิดในวันที่เด็กคนนั้นหายตัวไป แต่เธอก็ชะงักไปเมื่อสังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่างบนหน้าจอ ”เดี๋ยวก่อน ภาพวงจรปิดตอนเก้าโมงเช้าอยู่ที่ไหน”
“ภาพตอนเก้าโมงเช้าหรือครับ” วานรขมวดคิ้วพร้อมกับเล่นวีดีโอนั้นอีกครั้ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ”ไม่มี.. ภาพวงจรปิดหายไปห้านาที”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลง เก้าโมงเช้า นั่นเป็นตอนที่เธอพาลูกไปส่งที่โรงเรียน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เธอจึงเลื่อนเมาส์ไปที่รถแลมโบกินีที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ แล้วมองรถคันนั้นด้วยสายตาเย็นชา ”ภาพวงจรปิดถูกตัดทันทีหลังจากรถคันนี้ปรากฏขึ้น หาดูสิว่าเจ้าของรถคันนี้คือใคร”
“รับทราบ” วานรทำงานด้วยความว่องไว
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังติดอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ”ทีนี้ย้อนเวลากลับไป แล้วเอาภาพวงจรปิดตอนห้าโมงครึ่งจนถึงหนึ่งทุ่มครึ่งของเมื่อวานหลังจากโรงเรียนเลิกมาให้ฉันดูสิ”
วารถทำตามคำสั่งของเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วเคาะแป้นพิมพ์อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้เวลาเดินต่อกันปกติ แต่ภาพวงจรปิดนั้นกลับมืดสนิทและส่งเสียงดังออกมาเป็นระยะเหมือนมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับหน้าจอ
“เกิดอะไรขึ้น นี่มันชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วนะครับ!” วานรพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยดูลึกล้ำขึ้น ”โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้กำลังตกเป็นเป้าหมาย”
เธอไม่รู้สึกถึงปราณแห่งความชั่วร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่จะเป็นฝีมือของภูตผีวิญญาณได้
อันที่จริง สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกสงสัยมากกว่าเรื่องนี้ก็คือเรื่องของภาพวงจรปิดที่หายไปเมื่อเช้าต่างหาก
ถ้ามันไม่ใช่ฝีมือของวิญญาณ มันก็ต้องเป็นฝีมือมนุษย์
จากประสบการณ์ของเฮ่อเหลียนเวยเวย มนุษย์รับมือยากกว่าภูตผีวิญญาณเสียอีก
แต่ก็ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไมเด็กพวกนี้ถึงตกเป็นเป้าได้ เพราะโดยปกตินั้น โจรลักพาตัวมักจะเลือกเป้าหมายเป็นเด็กที่มาจากตระกูลคนรวย
โรงเรียนอนุบาลในย่านนี้เป็นโรงเรียนระดับต้นๆ ดังนั้นจึงมีลูกหลานจากตระกูลคนรวยและชนชั้นสูงอยู่มากมาย
แต่เธอก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าผู้จ้างวานที่มาหาเธอในวันนี้ไม่ได้มาจากตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย
ถ้าอย่างนั้น อีกฝ่ายลักพาตัวเด็กจากครอบครัวแบบนั้นไปทำไม
นอกเสียจากว่า.. มันจะไม่ได้มีเป้าหมายเป็นการเรียกเงินค่าไถ่!
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะฉลาดมากทีเดียว กรุงปักกิ่งไม่เหมือนเมืองอื่น การลักพาตัวและข่มขู่ใครสักคนในเมืองนี้ย่อมไม่ต่างจากการขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองก่อนเวลาอันควร
ถ้ามันไม่ได้ทำเพราะต้องการเงินค่าไถ่ ก็มีความเป็นไปได้อยู่แค่อย่างเดียวเท่านั้น
มันต้องเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อย่างแน่นอน!
หากว่ากันโดยดูจากสถิติทางอาชญากรรมแล้ว เวลานี้คดีค้าเด็กในประเทศจีนมีจำนวนสูงที่สุดเลยก็ว่าได้
ปกติแล้วเด็กที่หายตัวไปมักจะอยู่ในช่วงอายุระหว่างสิบแปดเดือนถึงสี่ขวบครึ่ง สมองส่วนความจำของเด็กในช่วงอายุนั้นยังไม่พัฒนาเต็มที่ และโจรลักพาตัวก็ยังสามารถอุ้มพวกเขาได้อย่างง่ายดายเพราะพวกเขายังมีน้ำหนักตัวไม่มาก ต่อให้พวกเขาร้องไห้ออกมา แต่มันก็คงไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากใครมากนัก เพราะคนส่วนมากย่อมคิดว่าเด็กพวกนั้นคงแค่งอแงเพราะอารมณ์หงุดหงิด ไม่ได้นึกสงสัยว่านั่นเป็นการลักพาตัวแต่อย่างใด
“วานร เจาะระบบของอีกฝ่ายต่อไป ดูบันทึกของโรงเรียนให้ทีว่าเด็กๆ ที่หายตัวไปมีอายุอยู่ในช่วงสิบแปดเดือนถึงสี่ขวบครึ่งหรือเปล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าประเด็นทันที
วานรดูมีสีหน้าจริงจังกับเรื่องนี้อย่างมาก นิ้วของเขาราวกับเต้นรำอยู่บนแป้นพิมพ์ ”คุณพูดถูกครับ เด็กที่อายุมากที่สุดอายุสี่ขวบ และเด็กส่วนมากที่หายไปก็มีแต่เด็กอายุสามขวบทั้งนั้น”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” นี่เป็นคดีการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ที่ได้รับการเตรียมการมาเป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าผิดปกติอย่างมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยค่อนข้างจะมั่นใจกับเรื่องนี้ทีเดียว เพราะคนพวกนั้นลงมือได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว และยังสามารถใช้เทคโนโลยีล้ำหน้าเจาะเข้าระบบของโรงเรียนเพื่อลบหลักฐานอาชญากรรมของตัวเองได้อีกด้วย ยิ่งกว่านั้น พวกมันก็รู้จักขั้นตอนการทำงานของตำรวจดี
เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นมากเกินพอสำหรับให้องค์กรอาชญากรรมมืออาชีพทำการเคลื่อนย้ายเด็กๆ ไปยังสถานที่ที่ต้องการได้ตามใจ
เพราะเด็กในช่วงอายุนี้สามารถขึ้นรถไฟความเร็วสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน
กรุงปักกิ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคม ดังนั้นการเคลื่อนย้ายเด็กสักคนไปที่เมืองอื่นจึงสามารถทำได้สะดวกสบายมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยตระหนักได้ทันทีว่าคดีนี้ยุ่งยากเพียงใด ในเมื่อถังเส่าเป็นคนส่งต่อคดีนี้มาให้เธอด้วยตัวเอง ดังนั้นย่อมหมายความว่าโรงเรียนอนุบาลแห่งอื่นก็คงจะเจอปัญหาทำนองนี้อยู่เหมือนกัน
สำนักถังจงรักภักดีต่อประเทศจีน และทุกรุ่นจะต้องมีคนเข้าร่วมกับกองทัพ
โดยส่วนมากนั้น สำนักถังจะรับหน้าที่คลี่คลายคดีอันตรายที่อยู่นอกเหนือสายตาของสาธารณชนอย่างลับๆ คดีในคราวนี้ก็น่าจะเหมือนกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำตามแนวคิดที่ว่านี้ และสั่งให้วานรลองเจาะเข้าไปในระบบของโรงเรียนอนุบาลแห่งอื่นๆ ดู เป็นอย่างที่เธอคิด ย่านอื่นๆ เองก็มีคดีทำนองนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่อาชญากรรมในครั้งนี้ยังไม่ได้แพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความเชื่อมโยงระหว่างคดีเหล่านี้
เป้าหมายทั้งหมดของพวกมันล้วนแต่เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวฐานะยากจน เด็กแบบนี้มักมีช่วงเวลาที่ผู้ปกครองคลาดสายตาไปจากพวกเขา ตัวอย่างก็เช่น เวลาที่พ่อแม่ของเด็กมารับพวกเขากลับบ้านช้า นอกจากนั้นคดีลักพาตัวลักษณะนี้ก็จะไม่ได้รับการจัดการจากเจ้าหน้าที่โดยทันที และผู้ปกครองของพวกเขาก็ยังไม่มีอำนาจและอิทธิพลมากพอที่จะสามารถกดดันเจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้อีกด้วย
แต่เวลาสั้นๆ เพียงแค่นี้ พวกมันคิดจะขายเด็กจำนวนมากขนาดนี้ให้กับใครกันแน่
ในขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของเธออยู่นั้น เด็กๆ ที่โรงเรียนอนุบาลก็เลิกเรียนพอดี
ไป๋หลี่ซ่างเสียยังพยายามที่จะเอาชนะเสี่ยวชิงเฉิงเพราะอยากได้เสี่ยวชิงเฉิงมาเป็นลูกน้อง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเดินตามหลังอีกฝ่ายทันทีที่โรงเรียนเลิก
ส่วนเสี่ยวชิงเฉิงก็ยังคงถือเค้กช็อกโกแลตที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งไว้ในมือระหว่างหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาพาดบนไหล่ เขาตั้งใจจะกินขนมชิ้นนี้ระหว่างเดินกลับบ้าน ถ้าเป็นในเวลาปกติ สุนัขปีศาจอันสง่างามตัวนั้นมักจะปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายเขา
แต่วันนี้เสี่ยวเฮยกลับไม่ยอมปรากฏตัว ทว่ามันกลับถูกแทนที่ด้วยอมนุษย์ตนนี้
เสี่ยวชิงเฉิงหันกลับไปมองไป๋หลี่ซ่างเสีย
ไป๋หลี่ซ่างเสียยักคิ้วใส่เขา ท่าทางชั่วร้ายและกระหายเลือดอย่างมาก
เสี่ยวชิงเฉิงตัดสินใจได้ว่าจะให้เขาเดินตามต่อ เขาจะจับตัวหมอนี่ทันทีที่ถึงอู่ จากนั้นจะพาตัวเขาไปหาเวยเวยคนสวยแล้วโชว์ให้นางดูว่าบนโลกนี้ยังมีปีศาจที่หน้าตาดูดีถึงเพียงนี้อยู่ด้วย
ถ้าเป็นไปได้ จริงๆ เขาก็อยากเก็บมันไว้เป็นสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เสี่ยวชิงเฉิงก็หันกลับไปมองเด็กชายที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว เขาจะรับมันไว้ก็แล้วกัน ในเมื่อหมอนี่รู้จักวิธีต่อสู้ เขาก็น่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานของเสี่ยวเฮยได้
เวลานี้เด็กคนพี่ยังไม่รู้ถึงเจตนาของอีกฝ่าย เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องคว่ำอีกคน ทำให้เขากลายเป็นลูกน้อง ก่อนฉวยเค้กช็อกโกแลตชิ้นนั้นมาให้จงได้!
เด็กชายตัวน้อยๆ ทั้งสองเดินต่อ อีกคนอยู่ข้างหน้าส่วนอีกคนก็เดินตามอยู่ข้างหลังไม่ห่าง ทั้งสองล้วนแต่มีแผนการอยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใครจะลงมือก่อนกัน
ท่าทางการเดินของเสี่ยวชิงเฉิงนั้นยังดูไม่ค่อยมั่นคงนัก ไม่เหมือนกับไป๋หลี่ซ่างเสีย ทุกย่างก้าวของเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยความสง่างามของปีศาจผู้หยิ่งในศักดิ์ศรี แต่ถ้าเทียบกับผู้เป็นพ่อ กลิ่นอายของเขานั้นทั้งดำมืดและชั่วร้ายกว่าอีกฝ่ายอย่างมาก
ทันใดนั้น ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่ยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ก็หันหน้ามาทางเสี่ยวชิงเฉิงที่หันหน้าไปพอดี…