องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 911
บทที่ 911
เขารู้สึกมานานแล้วว่าเด็กสองคนนี้มีบางอย่างผิดปกติ
ยิ่งเขาได้มองทั้งคู่ เขาก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเองมากขึ้น!
อย่างแรก เด็กอายุสามขวบคนไหนจะรู้จักขึ้นรถไฟด้วยตัวเอง
อย่างที่สอง อีกาสีดำทุกตัวต่างก็บินไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเด็กชายตัวน้อยราวกับได้ยินเสียงเรียกของเขา
นักค้ามนุษย์มองด้านหลังของไป๋หลี่ซ่างเสียจากที่ไกลๆ พร้อมกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปาก
เจ้าเด็กนี่ก็แค่เด็กที่พอจะรู้วิชาเต๋าแต่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่เขากลับคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานจนสามารถเล่นงานเขาได้หรือ รนหาที่ตายก่อนวัยอันควรชัดๆ!
นักค้ามนุษย์ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เขากัดนิ้วมือแล้วใช้เลือดของตัวเองวาดไม้กางเขนลงบนพื้นโดยไม่ลังเล จากนั้นจึงแนบยันต์ลงกับพื้นอย่างแรง
แสงจางๆ ลอดออกมาจากยันต์แผ่นนั้นก่อนลอยขึ้นสู่อากาศพร้อมส่งเสียงดังฟู่ราวกับกำลังดูดซับพลังงานที่มองไม่เห็นอยู่ แล้วแพร่กระจายไปทั่วสถานีรถไฟในเวลาเพียงไม่นาน
นักค้ามนุษย์ยิ้มขึ้นเมื่อเสร็จพิธี เขาอยากเห็นนักว่าเจ้าตัวปัญหาสองคนนี้กับฝูงอีกาพวกนั้นจะหนีไปได้อย่างไร!
“หัวหน้า เสร็จแล้วครับ ผมต้องทำอย่างอื่นอีกหรือเปล่า” นักค้ามนุษย์รู้สึกตื่นเต้นมาก
เสียงที่อยู่ปลายสายติดจะไร้อารมณ์ ”หาที่ที่ไกลกว่านี้แล้ววาดไม้กางเขนขึ้นอีกอันหนึ่ง ต้องแน่ใจว่าไม้กางเขนอันนั้นอยู่ในที่ที่ห่างไกลผู้คนที่สุดแล้วใช้มันควบคุมเขตอาคมของตัวเอง จากนั้นก็เหลือเพียงแค่รอให้ผลลัพธ์ปรากฏขึ้น”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนักค้ามนุษย์ก็ทวีความชั่วร้ายขึ้นอย่างยิ่งยวด ดูเหมือนว่าเขากำลังจินตนาการภาพการตายของเด็กน้อยทั้งสองอยู่ในใจ
เขาเคยเห็นตอนที่หัวหน้าสร้างเขตอาคมนี้มาแล้วก่อนหน้านี้ เวลานั้นเธอสามารถคร่าชีวิตทุกคนได้ตามที่ใจปรารถนา ตอนนี้เมื่อเขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ด้วยมือตัวเอง เขาย่อมภาคภูมิใจกับมันอย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือรอสักสามนาที แล้วความสมดุลของโลกก็จะถูกเขตอาคมนี้ทำลายลง แล้วอีกาดำพวกนี้ก็จะถูกดูดวิญญาณออกจากร่างจนไม่เหลือ!
ในเวลาเดียวกัน เจ้าตัวปัญหาสองคนนั้นก็จะถูกเผาเป็นเถ้าไปพร้อมกับอีกาพวกนั้น!
อีกาดำเป็นกลุ่มแรกที่มีปฏิกิริยา เพราะเมื่อเทียบกับไป๋หลี่ซ่างเสีย อย่างไรอีกาดำพวกนี้ก็เป็นเพียงแค่นก พวกมันย่อมไม่สามารถปกป้องตัวเองจากเขตอาคมที่มนุษย์สร้างขึ้นได้
ในขณะที่ไป๋หลี่ซ่างเสียกำลังจะเดินนำเสี่ยวชิงเฉิงขึ้นบันได อีกาดำเหล่านั้นก็ทำท่าเหมือนได้รับผลกระทบจากอะไรบางอย่างเข้า ดวงตาของพวกเขาถูกหมอกสีดำปกคลุมอย่างกะทันหัน และกำลังจะกลายร่างเป็นวิญญาณร้าย
ณ ใจกลางจัตุรัส เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้ขาข้างหนึ่งประคองรถบีเอ็มดับเบิลยูโทมาฮอว์กของตัวเองไว้และกำลังจะดึงกุญแจออก แต่ทันใดนั้นเธอก็หยุดเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปมองด้านหลังทันที
ปราณหยางของที่นี่ควรจะทรงพลังอย่างมาก แต่ในเวลานี้กระแสลมแรงที่พัดผ่านเข้ามากลับชนเข้ากับกระแสลมตรงข้ามกลายเป็นลมหมุนที่อัดแน่นไปด้วยปราณหยิน ปราณหยินและปราณหยางที่ผสานเข้าหากันใกล้สถานีรถไฟก่อให้เกิดพลังอันแข็งแกร่งแต่ก็เต็มไปด้วยความโกลาหล มันทำให้ทุกคนอยู่ไม่สุข และยังทำให้พวกเขามีแต่ความคิดชั่วร้ายอยู่ในหัวอีกด้วย
มีใครบางคนร่ายอาคมขึ้นที่นี่หรือ คนคนนั้นคิดจะทำให้อีกาดำพวกนี้ตกอยู่ในอาการสับสนจนทำร้ายผู้คนเข้าหรืออย่างไร
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีที่คิดได้เช่นนี้
นักค้ามนุษย์มองอีกาดำที่เริ่มแตกฮือกันออกไป เขากระหยิ่มยิ้มย่องอยู่เงียบๆ เพราะคิดว่าคงไม่มีใครสังเกตจุดที่เขายืนอยู่
ต่อให้เจ้าตัวปัญหาสองคนนั้นจะมีฝีมือติดตัวอยู่บ้าง แต่พวกมันก็ต้องติดอยู่ในนั้นด้วยฝีมือของเขา ในขณะที่เขาเป็นอิสระและสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ!
นักค้ามนุษย์กำลังจะหยิบยันต์อีกแผ่นออกมาแปะในเขตอาคมอย่างย่ามใจ แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะมีรถบีเอ็มดับเบิลยูโทมาฮอว์กลวดลายสวยงามพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังแล้วบดขยี้เขตอาคมของเขาจนย่อยยับ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเสียงพยัคฆ์คำราม คนที่อยู่บนหลังรถจักรยานยนต์คันนั้นมองหน้าเขา ก่อนจะกระตุกริมฝีปากขึ้น ”นายเองหรือที่เป็นคนลักพาตัวเสี่ยวชิงเฉิงของฉันไป”
นักค้ามนุษย์มองเธอด้วยดวงตาไร้ความสำนึกผิด ด้วยความสามารถที่เขามีในเวลานี้ ต่อให้เป็นตำรวจเขาก็ยังไม่กลัว แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงแค่คนเดียว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น และตั้งใจที่จะใช้พลังของเขตอาคมดึงวิญญาณของเฮ่อเหลียนเวยเวยออกมา!
หมอกสีดำจากทุกทิศทางรวมตัวเข้าหากันกลายเป็นงูพิษตามการเคลื่อนไหวของนักค้ามนุษย์ อสรพิษตัวเล็กๆ พวกนั้นแลบลิ้นใส่เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ยังนั่งอยู่บนรถรุ่นโทมาฮอว์กของตัวเอง
“ไปลงนรกซะ นังโง่!” นักค้ามนุษย์ตกอยู่ในความตื่นเต้นของการเข่นฆ่า ดวงตาของเขาลุกโชติช่วงระหว่างที่หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย เขาคิดว่าการฆ่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่ปลอกกล้วย
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อยแม้จะเผชิญหน้ากับงูสีดำจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาหา เธอยังคงรักษามาดอันหล่อเหลาเอาไว้ได้เป็นอย่างดีขณะวางเท้าข้างหนึ่งลงกับพื้นอย่างมั่นคง
ทันใดนั้น งูสีดำก็ร่วงลงมากลางอากาศก่อนจะสลายไปกลายเป็นหมอกจางๆ สายลมกระโชกพัดเข้ามาระลอกหนึ่ง กวาดเอาทุกอย่างให้หายไปจนหมดสิ้น
เขตอาคมนี้ไม่ต่างอะไรไปจากของเล่นเด็กสำหรับหงส์เพลิงแห่งพระพุทธศาสนา
เพราะอย่างไร หงส์เพลิงก็เป็นถึงพระอรหันต์ไร้พ่าย
รอยยิ้มบนใบหน้าของนักค้ามนุษย์แข็งค้างเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น!
เป็นไปได้อย่างไร
ทำไมเขตอาคมที่หัวหน้าสอนมาถึงล้มเหลวล่ะ
เป็นไปไม่ได้ จะมีเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!
นักค้ามนุษย์ปฏิเสธที่จะเชื่อและพยายามกางเขตอาคมขึ้นอีกครั้ง!
แต่ยันต์ของเขาราวกับถูกพลังของใครบางคนขัดขวางเอาไว้ มันไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว!
นักค้ามนุษย์มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้ได้ในทันทีว่าตัวเองจบสิ้นแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาใช้อาคมเป็นเหมือนกัน!
แต่มันก็ยังไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี! สิ่งที่เขาใช้คือยันต์เก้าวิถีเปื้อนเลือดเชียวนะ ต่อให้มันจะถูกใช้ตอนกลางวัน แต่มันก็ไม่ควรถูกทำลายได้ง่ายถึงขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้มีฝีมือขนาดไหนกันแน่
หรือว่าเธอจะเป็นคนจาก… ตระกูลเพ่ย
เมื่อคิดได้ดังนี้ เหงื่อเย็นๆ ก็หยดลงมาจากหน้าผากของนักค้ามนุษย์ทันที ก่อนหน้านี้ตอนที่หัวหน้าใช้อาคม เธอเคยบอกว่าถ้าพวกเขาเจอคนของตระกูลเพ่ยเข้าละก็ อย่าได้คิดที่จะสู้กับพวกเขาซึ่งๆ หน้าเด็ดขาด สิ่งที่ดีที่สุดคือการปิดบังเจตนาร้ายของตัวเองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้ในทันที
คนตระกูลนั้นเป็นลูกหลานตัวจริงเสียงจริงของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้าย ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายต่อหลายปี แต่พวกเขาก็ยังคงทำหน้าที่กำจัดสิ่งชั่วร้ายที่คนธรรมดามองไม่เห็นมาโดยตลอด
ถ้าเธอเป็นคนของตระกูลเพ่ยจริง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขากำลังตกที่นั่งลำบากอย่างใหญ่หลวง!
ตราบใดที่หัวหน้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาย่อมไม่มีโอกาสที่จะชนะได้!
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ นักค้ามนุษย์จึงไม่สนใจที่จะหยิบยันต์ขึ้นมาจากพื้นอีก สายตาโหดเหี้ยมของเขาเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่หญิงชราคนหนึ่งที่เดินผ่านมา เขาผลักหญิงชราคนนั้นออกแล้ววิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม!
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาพร้อมกับก้าวขาเรียวยาวของตัวเองออกไปเพื่อช่วยหญิงชราคนนั้น แต่เมื่อเธอกำลังจะไล่ตามอีกฝ่ายไป จู่ๆ หญิงชราคนนั้นก็คว้าแขนเสื้อของเธอไว้พร้อมกับจ้องมองเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับเห็นเธอเป็นศัตรูคู่อาฆาตก็ไม่ปาน ”อย่าคิดหนีเชียว! ชนแล้วหนีหรือ หล่อนคิดว่าฉันจะยอมปล่อยหล่อนไปง่ายๆ หรือไง”