องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 917
บทที่ 917
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ เสียงหัวเราะของวานรก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ”คุณบอกว่าใครหยาบคายนะ”
“อาจารย์วานร ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ชายวัยกลางคนพยายามอธิบาย
วานรตัดบทเขาอย่างไร้เยื่อใยว่า ”ผู้หญิงคนที่คุณบอกว่า ’หยาบคาย’ คือหัวหน้าขององค์กรวิญญาณ”
“อะไรนะ!” ชายวัยกลางคนตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรขณะที่เหงื่อเริ่มผุดพรายขึ้นปกคลุมไปทั่วหน้าผาก
วานรพูดต่อ ”เด็กคนนั้นเป็นลูกของเธอ เขาคือนายน้อยของพวกเรา ผมคิดว่าคุณคงไม่จำเป็นต้องให้ผมบอกคุณใช่ไหมว่าหลักการขององค์กรวิญญาณคืออะไร”
พวกเราไม่จู่โจมใครถ้าไม่มีใครมาหาเรื่อง แต่ใครก็ตามที่หาเรื่องพวกเราจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก
ประโยคนี้แล่นเข้ามาในใจของชายวัยกลางคนโดยอัตโนมัติ นิ้วของเขาเริ่มสั่นโดยไม่รู้ตัว
ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าขององค์กรวิญญาณอันลือชื่อนั่นจะมาปรากฏตัวที่นี่
ที่นี่เป็นแค่เมืองระดับสองธรรมดาๆ ในแผ่นดินใหญ่ ไม่ใช่เมืองชั้นหนึ่งด้วยซ้ำ
ใครจะไปเดาออกว่าราชินีนักรบจะปรากฏตัวขึ้นหลังจากซ่อนตัวอยู่ถึงสามปี
จริงอยู่ที่เขาเองก็เคยได้ยินมาอยู่บ้างว่าองค์กรวิญญาณกลับมาแล้ว และพวกเขากำลังจับตาดูการลักลอบค้ามนุษย์บนแผ่นดินใหญ่
แต่เขาคิดมาตลอดว่ามันเป็นแค่ข่าวลวงที่คู่อริของเหล่าลิ่วปล่อยออกมาเท่านั้น เพราะไม่มีเหตุผลเลยที่องค์กรวิญญาณจะเดินทางข้ามทะเลแอตแลนติกมาถึงนี่เพื่อกำจัดองค์กรลักลอบค้ามนุษย์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้ในที่สุดแมวเฒ่าก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการเคลื่อนไหวขององค์กรวิญญาณ
ลูกน้องของเหล่าลิ่วคงไปลักพาตัวเด็กที่เขาไม่ควรลักพาตัวมาอย่างแน่นอน!
ทีแรกแมวเฒ่าวางแผนไว้ว่าจะใช้น้ำเสียงอย่างคนผ่านโลกมามากของตัวเองข่มขู่เฮ่อเหลียนเวยเวย แต่ทั้งหมดที่เขาสามารถคิดได้ในเวลานี้คือคำถามที่ว่าต่อจากนี้เขาควรทำอย่างไรเพื่อกลบเกลื่อนความโง่เขลาเมื่อครู่ของตัวเอง
ใครก็ตามที่เคยรับมือกับอันธพาลย่อมรู้ดีว่าไม่ควรยั่วโมโหวิญญาณแห่งความมืดที่สามารถกลืนกินเหยื่อของตัวเองจนไม่เหลือกระดูกโดยเด็ดขาด
“เข้าใจผิด! ทุกอย่างเป็นแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้นครับ!” แมวเฒ่าไม่สามารถเอามือขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่พยายามแสดงท่าทางนอบน้อมออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเห็นแมวเฒ่ายังอยู่ในสาย วานรก็ประกาศว่า ”ไปแก้ตัวกับลูกพี่ของผมเอาเองก็แล้วกัน เธอจะตัดสินเองว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงหรือไม่ ถ้าใช่ พวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าไม่ใช่ละก็ พวกเราจะไปถึงอวิ๋นกุยในอีกครึ่งชั่วโมง และเมื่อถึงเวลานั้น พี่น้องของผมคงจะไม่ได้เป็นมิตรเหมือนอย่างผมหรอก”
หลังจากได้ยินดังนี้ แมวเฒ่าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องวางสาย จากนั้นเขาจึงหันไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ”เมื่อครู่นี้ผมจำคุณไม่ได้ มันก็เหมือนการที่เราเผลอยิงพวกเดียวกันนั่นแหละครับ มันเป็นความผิดพลาดจากความประมาท!”
“คุยจบแล้วหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มือซ้ายหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้ม
สายตาของเธอทำให้เขาขนลุกซู่ จากนั้นเขาก็พยักหน้าทันที ”จบแล้วครับ จบแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาให้หมด คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเหล่าลิ่ว ทำไมคุณถึงอยากปกป้องเขาถึงขนาดนั้น” ความนัยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นดูลึกล้ำอย่างมาก
แมวเฒ่ารู้สึกเหมือนมีเหงื่อเย็นๆ แตกพลั่กไปทั่วร่าง ”พวกเราเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น อย่างไรพวกเราก็อยู่บนเส้นทางเดียวกัน ยิ่งมีเพื่อนมากก็ยิ่งมีทางเลือกมาก ถ้าผมรู้ว่าเขาเสียมารยาทต่อคุณ ผมคงไม่เอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่”
“หมายความว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์นี่หรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว
ทันใดนั้นแมวเฒ่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ”พูดตามตรงว่าผมไม่ได้โหดเหี้ยมพอที่จะทำเรื่องพวกนี้ได้ จริงอยู่ที่ผมมีเด็กอยู่ภายใต้การดูแลสองสามคน แต่ทุกคนก็เข้ามาด้วยความสมัครใจทั้งนั้น ปกติแล้วพวกเขาจะหาเงินด้วยการล้วงกระเป๋ากันที่ใกล้ๆ สถานีรถไฟ ผมทนแบกรับความเครียดทางใจจากการหักแขนขาเด็กแล้วบังคับให้พวกเขาไปขอทานไม่ได้หรอกครับ ถึงผมจะไม่ใช่คนดี แต่ผมก็เชื่อในเรื่องของกรรม ผมขโมยเงินคนอื่นได้ แต่ผมไม่สามารถทำร้ายใครได้จริงๆ แต่พูดตามตรงว่าผมเองก็ไม่ได้มีความสามารถพอที่จะรับมือกับคนเบื้องบนได้ ลูกพี่เวย ถึงคำพูดในตอนแรกของผมจะฟังดูโหดร้าย แต่มันก็คือความจริง มีใครบางคนให้การสนับสนุนเหล่าลิ่วอยู่เบื้องหลัง ถ้าคุณต้องการเผชิญหน้ากับเขา คุณต้องแกะรอยหัวหน้าใหญ่ของอวิ๋นกุยให้ได้เสียก่อน ขบวนการนี้ฝังรากลึกเกินไป ยิ่งพวกเขามีตำแหน่งสูงเพียงใด พวกเขาก็จะยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นเท่านั้น พวกเขาไม่สนใจว่าอะไรถูกอะไรผิด และจะปิดข่าวทุกข่าวที่จะส่งผลให้ตัวเองเสียผลประโยชน์ การลักลอบค้าเด็กและผู้หญิงมีมาพักหนึ่งแล้ว เหล่าลิ่วเริ่มอาละวาดหนักขึ้นเพราะเขารู้ว่ามีคนได้รับผลประโยชน์จากเขาอยู่มากมาย เขากุมความลับของพวกคนใหญ่คนโตเอาไว้อีกมาก และยังสามารถทำให้หนึ่งในนั้นตกจากตำแหน่งปัจจุบันของตัวเองได้ด้วยการเปิดโปงความลับของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นผู้ว่าของเขตอวิ๋นกุยก็เป็นคนที่ถูกส่งมาจากเมืองหลวง และเป็นหนึ่งในพวกเขามาตั้งแต่แรก การจะกวาดล้างพวกเขาให้สิ้นซากนั้นจึงจัดว่าเป็นเรื่องที่ยากทีเดียว ต่อให้วันนี้คุณจับหนึ่งในนั้นได้ เขาก็อาจจะถูกปล่อยตัวออกมาในเวลาเพียงแค่สองวัน ต่อให้เหล่าลิ่วถูกจับขังคุกจริงๆ แต่ตราบใดที่มีเงินมาเกี่ยวข้อง ย่อมมีคนอื่นกล้าทำการค้าขายแบบนี้อีก เพราะทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนระดับสูงพวกนั้นต่างก็แสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเรื่องพวกนี้”
“ฉันเข้าใจความหมายที่คุณพูด” เฮ่อเหลียนเวยเวยขยับนิ้ว
ก่อนที่แมวเฒ่าจะทันได้ตอบอะไร เขาก็ได้ยินเสียงดังคลิก แล้วกุญแจมือที่ข้อมือของเขาก็ถูกปลดออก
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาและพูดด้วยเสียงเบาว่า ”เอาสิ่งนั้นมาให้ฉัน พวกเรามีกฎเป็นของตัวเอง ส่วนค่าข่าว วานรจะเป็นคนจ่ายเงินให้คุณโดยตรง แต่แมวเฒ่า ฉันคงต้องเตือนคุณไว้หน่อยว่าคุณเองก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการหาเงินด้วยวิธีไร้ยางอายแบบนั้นซะ คุณเชื่อในเรื่องของกรรมไม่ใช่หรือ คางคกหยกสีม่วงที่คุณมีมันเผาสำนึกผิดชอบชั่วดีของคุณไปหมดแล้วหรือ”
แมวเฒ่ารู้สึกกลัว เขาจึงรีบร้อนตอบว่า ”ลูกพี่เวย คุณต้องเชื่อใจผม ถึงผมจะได้มันมาจากเหล่าลิ่ว แต่ผมก็ไม่ได้บอกเขาเรื่องการมาของคุณ เขาน่าจะจับตาดูลูกสองคนของคุณมาตั้งแต่แรกแล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาส่งคนออกมาสะกดรอยตามคุณเพื่อเก็บข้อมูลทันทีที่คุณก้าวเท้าเข้ามาในเขตอวิ๋นกุย”
“ข้อมูลของฉันหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม แล้วเหลือบมองเขาอีกครั้งระหว่างเล่นกับกุญแจมือในมือ ”แมวเฒ่า คนตรงไปตรงมาไม่พูดจาคลุมเครือ มีอะไรเกี่ยวกับเหล่าลิ่วที่คุณยังไม่ได้บอกฉันอยู่หรือเปล่า”
แมวเฒ่ายังคงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่กลับมองไปทางถาดน้ำชาของตัวเอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยจ้องไปที่มันเหมือนกัน แม้จะดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เธอก็พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า ”ต่อให้คุณจะมองมันมากขนาดไหน ปัญหาเรื่องสุสานบรรพชนของคุณก็ไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยไม้จากต้นท้อกับคางคกหยกสีม่วงแค่ตัวเดียวหรอก”
คราวนี้สีหน้าของแมวเฒ่าเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาของเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรงขณะที่จ้องมองเฮ่อเหลียนเวยเวย ”คะ คุณรู้เรื่องสุสานบรรพชนของผมได้อย่างไร”
“โดยทั่วไปแล้วไม้จากต้นท้อมักใช้ในการขับไล่วิญญาณร้าย ส่วนคางคกหยกสีม่วงก็เป็นตัวเลือกแรกที่ขุนนางระดับสูงและชนชั้นสูงเลือกใช้เพื่อปกปักรักษาหลุมศพตัวเอง นอกจากนั้น บนหน้าผากของคุณก็มีพลังสีดำปกคลุม ที่ด้านหลังก็ยังมีเครื่องหอมอยู่อีกด้วย ฉันจึงสามารถบอกได้ทันทีว่ามันจะต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นที่สุสานบรรพชนของคุณอย่างแน่นอน” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”แต่ที่ฉันสงสัยก็คือ ใครกันที่เป็นคนสอนให้คุณทำพิธีที่จะปิดกั้นเส้นลมปราณทั้งหมดของตัวเองเอาไว้มากกว่า”