องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 928 แต๊ะอั๋งเวยเวย
กิเลนอัคคีที่เดินตามหลังไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเข้ามาย่อมเห็นภาพนั้นเป็นธรรมดา
เขานึกไม่ถึงเลยว่า พระชายา…
พระชายาจะปรากฏตัวที่นี่
เดิมทีนั้น พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อตามหาตัวนายน้อย
ใครเล่าจะคาดคิดว่าที่นี่จะมีเรื่องประหลาดใจรอคอยพวกเขาอยู่
ในเมื่อพวกเขาเจอตัวคนคนนี้แล้ว…
กิเลนอัคคีและชิงหลงจึงไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องที่ผู้เป็นนายโหดเหี้ยมไร้หัวใจขึ้นทุกวัน หรือกลัวว่าเขาจะทำการสังหารหมู่เข้า
พระชายากับนายน้อยมาเจอกันได้อย่างไร
อีกอย่างหนึ่ง เด็กตัวน้อยที่นายน้อยอุ้มอยู่คือใคร
กิเลนอัคคีมีคำถามมากมายอยู่ในหัว แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมให้มันเอ่ยปากถาม
คนที่ถามขึ้นกลับเป็นเสี่ยวชิงเฉิงที่ถูกอุ้มอยู่ เขายื่นมือออกไปกระตุกใบหูของไป๋หลี่ซ่างเสียแล้วถามว่า ”ก่อนหน้านี้นายเคยบอกว่าท่านพ่อของนายตามหาท่านแม่ของนายมาตลอดไม่ใช่หรือ”
ไป๋หลี่ซ่างเสียพูดเสียงเบา ”…คือท่านแม่ของฉันเอง”
เสี่ยวชิงเฉิงส่งเสียงขึ้นว่า ”หือ?”
“แม่ของนายคือท่านแม่ของฉัน” ไป๋หลี่ซ่างเสียหันหน้าไปอีกด้านอย่างเงียบๆ
ดวงตาของเสี่ยวชิงเฉิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขารีบถามว่า ”พวกเราเป็นพี่น้องกันหรือ”
“นายเป็นน้องชายของฉัน” ไป๋หลี่ซ่างเสียลูบศีรษะของเสี่ยวชิงเฉิงอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเย็นชา แต่ท่าทางของเขากลับเหมือนคนเป็นพี่ชาย
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เสี่ยวชิงเฉิงจึงถามอย่างใจเย็นว่า ”สรุปก็คือ คนเลวคนที่นายพูดถึงนั่นเป็นพ่อของฉันหรือ”
“ใช่แล้ว” ไป๋หลี่ซ่างเสียอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้น แม้เขาไม่ได้สูงถึงขนาดนั้น แต่เขาก็ยังชอบอุ้มเสี่ยวชิงเฉิงพร้อมกับเดินไปด้วย เด็กทั้งสองดูทรงอำนาจและน่ารักอย่างมากในทุกครั้งที่ก้าวเดิน
แน่นอนว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยย่อมได้ยินบทสนทนานั้น
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ที่สำคัญที่สุดก็คือในที่สุดเขาก็หาผู้หญิงเซ่อซ่าที่อยู่ในอ้อมแขนคนนี้เจอเสียที
อสูรร้ายที่เคยร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งอยู่ในหัวใจของเขาก็สงบลงได้ในที่สุด มันถูกล่ามและถูกจับขังเอาไว้ในกรงอีกครั้งหนึ่ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาหาผู้หญิงเซ่อซ่าคนนี้ไม่เจอในระหว่างการเดินทางมาเยือนประเทศจีนครั้งนี้
เขาจะพยายามทำลายทุกสิ่งทุกอย่างอีกหรือเปล่า
เหมือนอย่างที่เทพและพระอรหันต์พวกนั้นเคยพูดไว้แต่แรกว่า
เธอไม่ใช่ของของเขา
แต่… แล้วจะอย่างไรล่ะ
ถ้าเขาต้องการสิ่งนั้นจริงๆ ต่อให้จะเป็นเทพหรือพระอรหันต์ เขาก็สามารถฆ่าพวกมันเพื่อสิ่งนั้นได้
สมัยก่อนตอนอยู่ในภพสวรรค์ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอมีอิทธิพลกับเขาอย่างมาก
เขาเริ่มกลัวว่าเขาจะสูญเสียเธอไป สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือการทำให้มั่นใจว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดกาล ดังนั้นการหักปีกทั้งสองข้างของหงส์เพลิงจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด
จากนั้น พวกเขาสองคนก็ทำข้อตกลงร่วมกัน
เขาเริ่มบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ และค่อยเป็นค่อยไป มีแต่การทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำให้เธอเป็นของเขาได้ตลอดกาล
ยิ่งวันเวลาผ่านไป ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกหลงรักช่วงเวลาที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน
แต่ในเวลานั้นเขาไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกอย่างไรกับเขา
เขาคิดว่าในข้อตกลงนั้น ฝ่ายที่พยายามอยู่ข้างเดียวมีแค่เขาเท่านั้น
หลังจากนั้นเมื่อเธอได้ไปเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ จนกระทั่งได้ตำแหน่งในพระพุทธศาสนาของตัวเองกลับคืนมา
เขาก็ได้เรียนรู้ที่จะเชื่อใจใครสักคน แต่กระนั้นเขาก็ยังอยากจับเฮ่อเหลียนเวยเวยล่ามโซ่เอาไว้ข้างกาย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเริ่มปล่อยวาง พร้อมกับทิ้งชีวิตแห่งการฆ่าฟันอย่างป่าเถื่อนเอาไว้เบื้องหลัง
เขาตัดสินใจที่จะเป็นสิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่าคนดี
ตราบใดที่เธอไม่ไปจากเขา…
แต่สุดท้ายเธอก็ทิ้งเขาไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้โลกใบนี้จะถูกทำลายหรือจะอยู่รอด เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจอีกต่อไป
ไม่มีใครเคยเข้าใจว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง หรือความรู้สึกต่างๆ นานาที่ถาโถมเข้าใส่เขาในตอนที่โชคชะตาอันยากหยั่งถึงนั้นส่งเธอไปที่มิติเวลาอื่น
จากความสิ้นหวังสู่ความหวัง จากความหวังสู่ความผิดหวัง และในท้ายที่สุด จากความผิดหวังสู่การได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
ตลอดสามปีมานี้ พันธสัญญาที่พวกเขาเคยทำร่วมกันถูกรอยร้าวของมิติเวลาบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี ดังนั้นการตามหาเธอจึงไม่ต่างจากการหาเข็มในกองฟาง
เขาเดินทางจากประเทศอังกฤษมาที่จีน ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจนถึงที่นี่ สุดท้ายเขาก็ยึดมั่นในพระพุทธองค์และยึดมั่นในความรักที่มีต่อนาง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกมือขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอี้ยวตัวไปด้านหนึ่ง มือของเขาลูบไล้เอวสวยของเธอก่อนจะสอดเข้าไปในเสื้อคลุมตัวนั้นแล้วเคลื่อนลงข้างล่างอย่างช้าๆ ด้วยสัมผัสอันแผ่วเบา…
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่น แต่เธอก็ยกมือขึ้นหยุดเขาเอาไว้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะ นิ้วของเขาหยุดอยู่ที่เดิมพร้อมกับถามว่า ”สรุปว่าคนที่ส่งข้อความมาด่าข้าก็คือเจ้าหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า ”เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดที่งดงาม”
“เป็นเช่นนั้นหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกริมฝีปากขึ้นพลางตอบราวกับยั่วเย้าว่า ”เข้าใจผิดหรือ แต่มันก็เป็นความจริงที่เจ้าให้การสนับสนุนซ่างเสีย”
อันที่จริง สิ่งเดียวที่เฮ่อเหลียนเวยเวยต้องการก็คือได้สอนบทเรียนให้กับชายสารเลวคนนั้นด้วยกำปั้นของเธอ แต่เธอกลับนึกไม่ถึงว่าเจ้าคนสารเลวที่ว่านั่นจะเป็นเขา
“ถ้าเจ้าอยากหนุนหลังใคร เจ้าก็ควรรู้จักอดทนให้มากกว่านี้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วเอ่ยต่อ ”ดูเหมือนในวันข้างหน้านี้ข้าคงมีงานให้ทำแล้วกระมัง และงานนั้นก็คือการฝึกความแข็งแกร่งให้กับสะโพกของเจ้า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดไม่ออก จากที่เธอรู้จักองค์ชายมา การฝึกความแข็งแกร่งของสะโพกของเขาย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนอย่างที่พูด!
ตอนนั้นเองที่ชายสวมชุดสูทชื่อเอสที่รับหน้าที่ดูต้นทางถีบประตูอีกบานเข้ามาในตู้เสบียงด้วยขาข้างหนึ่ง
เมื่อเขาเดินเข้ามา เขาก็สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มชื่อแอลดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
ตอนแรกเอสตั้งใจจะมาบอกให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าเรื่องที่เครื่องบินส่วนตัวลงจอดบนหลังคารถไฟนี้ดันไปดึงดูดความสนใจจากคนใหญ่คนโตนอกเขตอวิ๋นกุยเข้า
หน่วยปฏิบัติการพิเศษจะออกเดินทางในอีกสิบนาที ดังนั้นเขาจึงอยากให้เฮ่อเหลียนเวยเวยจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
แต่พอมองตามสายตาของแอลไป เขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น!
ใครก็ได้บอกฉันทีสิว่าผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนกำลังคอสเพลย์ตัวละครจากการ์ตูนสักเรื่องคนนี้คือใคร
พวกเขากำลังถ่ายหนังเกี่ยวกับผีดูดเลือดอยู่หรือ
หรือเป็นเรื่องราวความรักระหว่างมนุษย์กับภูตผี
ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ทำไมลูกพี่ของพวกเราถึงกลายเป็นนางเอกขึ้นมาได้ล่ะ!
เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่!
เอสไม่คิดที่จะยั้งมือ เขายกปืนขึ้นเล็งไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทันที แต่คำพูดของเขากลับส่งตรงไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวย ”ลูกพี่ สถานการณ์ตอนนี้มันยังไงกันแน่ครับ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ถูกปืนเล็งอยู่หันหน้าไปมองเอส เขาดูไม่พอใจกับการที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะเขา
ความรู้สึกหนาวเหน็บแล่นปราดลงมาตามแนวกระดูกสันหลังของเอสในทันใด
แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขากลับเห็นว่าลูกพี่ไม่ได้ปัดมือของชายคนนั้นออกจากตัว แต่กลับโอบแขนตัวเองไว้รอบเอวของเขา
บัดซบ เรื่องมันชักจะพิลึกขึ้นทุกทีแล้ว!
เกิดอะไรขึ้น!
ปัง!
มีคนยิงเปิด แต่นั่นไม่ใช่เอส
เป็นเหล่าลิ่วนั่นเอง ที่เขาเลือกที่จะยิงปืนขึ้นในเวลานี้ไม่ใช่เพราะไม่กลัวไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
แต่เป็นเพราะว่าถ้าดูจากเวลา เจ้าหน้าที่ระดับสูงพวกนั้นน่าจะส่งกองกำลังออกมาแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้น รถไฟทั้งขบวนจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา อีกทั้งหัวหน้าก็เคยพูดเอาไว้ว่าไม่ว่าปีศาจตนนั้นจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เธอก็สามารถจัดการปลิดชีพมันได้!
สายตาของเหล่าลิ่วชั่วร้ายอย่างมาก ความโอหังปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งในดวงตาของเขา
“ดูเหมือนพวกแกจะรู้จักกัน ดี ดียิ่งนัก ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะได้ฆ่าพวกแกไปพร้อมกันเลย!” เขาเหลือบมองหารีติระหว่างที่พูด
หารีติอยากได้เฮ่อเหลียนชิงเฉิงมากที่สุด ดังนั้นเธอจึงต้องการฆ่าแม่ที่แท้จริงของเขา แต่ที่สำคัญกว่านั้น เจ้าพวกนี้กำลังดูถูกเธอ
ชายคนนี้ก็เป็นแค่ปีศาจระดับสูง เขาคิดว่าเพราะตัวเองมีพลังปีศาจซ่อนอยู่แค่นิดๆ หน่อยๆ แล้วจะสามารถต่อกรกับเทพและพระอรหันต์ได้หรือ
ช่างน่าขันเสียจริง!