อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 102 เพิ่งจะเริ่มต้น
หลินจือในตอนนั้นสวมชุดสีแดง ริมฝีปากแดงสวยสดใส ดวงตาเฉียบคม
ตั้งแต่นั้นมาเทาเท่ก็รู้สึกชิงชังผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดหรือแต่งหน้าจัดด้วยปากแดงๆ ตามสัญชาตญาณ
เขารู้สึกว่าการปรากฏตัวขึ้นของหลินจือนั้นทำเขาแทบเป็นโรคจิต
เหตุผลหลักคือตลอดสามปีที่หลินจือใช้ชีวิตอยู่กับเขา ทุกๆวันของเธอก็มักจะแต่งหน้าบางเบาในแบบธรรมชาติ ซึ่งดูเป็นแนวที่เรียบร้อยสดใส
ตอนนั้นเธอแต่งองค์ทรงเครื่อง พราวตาระยิบระยับ ที่ทิ้งไว้ให้หากเป็นเรื่องดีก็ยังพอทน
แต่เธอกลับปาสัญญาการหย่าใส่เขาต่อหน้าผู้คนมากมาย และการเสียหน้านั้นก็ได้ก่อเกิดเป็นเงามืดในหัวใจของเขา
โซเมนสัมผัสได้ถึงสายตาที่อาฆาตของเทาเท่ รีบยกมือขึ้นและพูดยอมรับผิดว่า“ฉันผิดไปแล้วผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดถึงมัน”
สีหน้าของเทาเท่ก็ถึงได้อ่อนลง
เวลาอาหารค่ำของคนทั้งสามก็ยังคงดำเนินต่อ หลังจากที่เทาเท่ดูโทรศัพท์อยู่หลายครั้ง โซเมนก็ถามด้วยความสงสัยว่า“นายมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
เทาเท่ถามกลับ “หมายความว่ายังไง?”
โซเมนชี้ไปที่โทรศัพท์ของเขา“นายเอาแต่จ้องโทรศัพท์ เหมือนมีนัดกับใคร”
เทาเท่“……”
เขาบอกได้ไหมว่าเขากำลังรอข้อความจากหลินจืออยู่ ?
ปฏิกิริยาในคืนนี้ของเขาดุดันขนาดนั้น หลินจือต้องสัมผัสได้ว่าเขาโกรธ อย่างน้อยก็น่าจะส่งข้อความมาถามไถ่เขาบ้าง
แต่แล้วรอจนป่านนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
“เปล่า”เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของโซเมน เทาเท่ก็ทำได้เพียงหลบเลี่ยง
โซเมนกับไวท์ก็มองหน้ากัน ทั้งสองต่างไม่มีใครพูดอะไร
หลังจากที่ทานอาหารแล้วเสร็จเทาเท่ก็ขับรถออกไปก่อน โซเมนกับไวท์ออกไปพร้อมกัน
ไวท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถอนหายใจและพูดว่า“เหมือนเขาจะรับไม่ได้ ว่าหลินจือไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้เลย ”
เห็นได้ชัด เหตุผลที่เทาเท่เอาแต่จ้องมองโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ โซเมนกับไวท์นั้นมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
โซเมนเอนกายพิงไปที่เบาะรถอย่างเกียจคร้าน“เหมือนเขาจะมองไม่เห็น ว่าการที่หลินจือเห็นเขาเป็นเหมือนคนแปลกหน้านั้นเธอไม่ได้ล้อเล่น ”
“เขายังคิดอยู่ตลอด ว่าหลินจือยังแคร์เขาอยู่ ”
ไวท์กางมือออก“คงไม่ต้องรอให้หลินจือตกลงปลงใจคบหากับใคร แล้วถึงจะมองมันเห็นหรอกนะ ? ”
โซเมนพูดอย่างจนใจ “ใครจะไปรู้”
ไวท์ถอนหายใจแล้วพูดว่า“ ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะสายเกินไป”
บางทีเมื่อก่อนตอนที่หลินจืออยู่กับเทาเท่อาจจะเจียมตนเกินไป ดังนั้นจึงทำให้เทาเท่คิดว่าหลินจือจะยังคงวนเวียนอยู่กับเขาตลอด
ดังนั้น ตอนนี้เทาเท่ก็ยังคงทะนงตน
เทาเท่อดทนรออยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆจากหลินจือ เขาในตอนนี้ก็เพิ่งจะมาตระหนักได้ ว่าหลินจือดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเขาเลยว่าจะกำลังโกรธอยู่หรือไม่
เพราะไม่ได้ใส่ใจเขาแล้ว ก็จึงไม่ได้สนใจว่าเขาจะโกรธหรือเปล่า
ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ที่อารมณ์ความรู้สึกของเขา จะมีผลต่อจิตใจของเธอ
ในส่วนของหลินจือ เธอไม่เพียงไม่สนใจว่าเทาเท่จะโกรธหรือเปล่า แต่เธอกลับรู้สึกโกรธอย่างมาก
เพราะความไร้มารยาทและหยาบคายของเทาเท่ เดิมทีเทาเท่ก็ช่วยเธอเอาไว้มาก และยังให้บันทึกธุรกรรมของบัญชีธนาคารกับเธอ อีกทั้งยังช่วยเธอไล่ชาร์ลีพ่อลูก มันทำให้เธอมองเขาในแง่ที่ดีมากขึ้น
แต่เมื่อคืนพฤติกรรมที่เขากระแทกประตูปิดแล้วเดินจากไป มันทำให้ความประทับใจของเธอที่มีต่อเขานั้นติดลบลงไปอีก
แน่นอนว่า พื้นฐานความเย่อหยิ่งและทะนงตนของเขานั้น มันไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ
ในคืนวันเสาร์ หลินจือกับเจเทาวน์ได้ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน
ชุดราตรีที่เธอสวมใส่นั้นถูกเลือกโดยนานิ ชุดกระโปรงยาวสีดำที่เรียบง่าย มีโชว์แผ่นหลังด้วยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียด
นานิบอกว่าแผ่นหลังของเธอนั้นนวลเนียนและเพรียวบาง ดูสวยมาก แนะนำเธอให้โชว์มันเล็กน้อย
ไม่ใช่เพื่อดึงดูดใคร เพียงเพื่อโชว์ความสวยของตัวเองนิดหน่อยก็เท่านั้น
หลินจือฟังคำแนะนำของนานิ ผู้หญิงทุกคนล้วนอยากจะดูดีในสายตาคนอื่น เธอเองก็ไม่ยกเว้น
ใบหน้าของนานิงดงามและมีเสน่ห์ บวกกับรูปร่างที่มีส่วนเว้าโค้ง รับกับชุดราตรีทุกสี ดังนั้นเธอจึงสวมชุดเดรสปักเลื่อมสีทอง ซึ่งเหมือนนางพญามาก
หลินจือเปรียบเธอเป็นเครื่องบินรบในหมู่ดาราสาว ใครที่ยืนข้างๆเธอก็จะถูกกลบรัศมี
เนื่องจากละครที่นานิกับโจมอนเล่นคู่กันนั้นกำลังออกอากาศอยู่ ดังนั้นกับโจมอนก็จึงมาเป็นคู่กันในงานนี้
อันที่จริงแล้วนานิไม่ชอบให้ถูกจับคู่ด้วยสักเท่าไร แต่ก็ฝืนเอาชนะความจริงไม่ได้
วงการบันเทิงก็แบบนี้ หากละครที่เราเล่นออกอากาศ พระเอกกับนางเอกก็มักจะถูกจับคู่เพื่อเรียกกระแสความนิยมของละคร
เข้าร่วมกิจกรรมก็ถูกจับคู่ เข้าร่วมงานเลี้ยงก็จับคู่ ถ่ายนิตยสารก็จับคู่ เว้นแต่นักแสดงบางคนจะแต่งงานไปแล้ว
เหมือนเธอกับโจมอนที่ทุกคนต่างรู้ว่าโสดทั้งคู่ ก็จึงย่อมต้องถูกจับคู่กันอยู่แล้ว
หลินจือรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับโจมอน ครั้งที่แล้วเป็นต้นเหตุให้โจมอนทำร้ายคนอื่น ในใจของเธอรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ในตอนนั้นที่เธอถูกโจมตีบนโลกออนไลน์ โจมอนโทรหาเธอ และพูดด้วยความโมโหว่าจะแสดงตัวสนับสนุนเธอต่อสาธารณชน
ทำเอาหลินจือกลัวมากจนต้องเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นาน ถึงจะหยุดเขาได้
หากโจมอนโพสต์ผ่านสื่อโซเซียล เธอคงจะถูกโจมตีหนักกว่านี้ เห็นท่าเวลาออกจากบ้านคงไม่แค่โดนด่าเล็กๆน้อยๆแล้ว อาจโดนแฟนคลับของโจมอนฉีกทึ้งดึงร่างก็เป็นได้
นานิพูดด้วยรอยยิ้ม“มีอะไรให้เข้าหน้าไม่ติดกัน ? แค่สงบสติอารมณ์และเพลิดเพลินกับความรักของเจ้าลูกหมาน้อยก็พอ”
หลินจือทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย นานิก็พูดต่อว่า “ฉันคิดว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น”
หลินจือไม่เข้าใจ “อะไร?”
นานิโอบไหล่ของเธอ มองดูหลินจือที่เย็นชาและสะดุดตาในชุดเดรสสีดำผ่านกระจก แล้วพูดอย่างจริงจังว่า“ ผู้ชายที่วิ่งไล่ตามเธอกำลังจะเข้ามา ต่อไปก็จะมีมากยิ่งขึ้น และเธอต้องหัดเรียนรู้ที่จะสงบนิ่ง”
“เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าสมัยเรียนเธอฮ็อตแค่ไหน?”นานิวางคางไว้บนหัวไหล่ของหลินจือ ในขณะที่กำลังนึกถึงอดีตก็พลางถอนหายใจ“ สมัยมัธยม ผู้ชายที่ตามจีบเธอเยอะจนล้อมรอบโรงเรียนเราได้ พอเข้ามหาลัยก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ”
“หากไม่ใช่เพราะใจเธอมีเทาเท่อยู่แล้ว คงจะได้เจอกับผู้ชายที่รักและดูแลเธอได้ไปนานแล้ว”
“ดังนั้น ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงสิ่งที่เทาเท่ทำกับเธอ รู้สึกมันไม่คุ้มค่ากับเธอเลย ”
หลินจือมีหน้าตาที่สะสวยและสะดุดตา อ่อนหวานและอ่อนโยน เป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายๆคนในรั้วโรงเรียน
บวกกับเธอมีความสามารถมาก บ่อยครั้งบทความของเธอจะถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และวารสารของโรงเรียนและยังได้เผยแพร่ผ่านทางวิทยุของโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งมันดึงดูดผู้ชายได้อีกจำนวนมาก
เธอกับหลินจือที่ทั้งสวยและไร้เดียงสา ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงมากในรั้วโรงเรียน
ในสายตาของผู้ชายหลายคนที่ชื่นชอบหลินจือ หลินจือเธอคือสมบัติ
เมื่อมาอยู่กับเทาเท่ กลับเห็นหลินจือเป็นเพียงต้นหญ้า นานินึกขึ้นมาทีไรก็ต้องหัวเราะเยาะเทาเท่อย่างดูถูก
ความคิดของหลินจือก็ลอยล่องไปกับคำพูดของนานิด้วยเช่นกัน เธอนึกไปถึงช่วงเวลาที่ถูกเหล่าเด็กนักเรียนชายต่างพากันรุมจีบเธออย่างคลั่งไคล้
เธอในตอนนั้นเป็นคนมีความมั่นใจ สดใส และร่าเริง
เมื่อมาเจอกับเทาเท่ ความมั่นใจทั้งหมดที่มีก็อันตรธานหายไปจนหมด
แต่แล้ว เธอก็ปล่อยวางมันได้
เธอมองดูตัวเองในกระจก ยิ้มบางเบาและพูดกับนานิว่า“ มีเพลงเพลงหนึ่งเขียนเอาไว้ได้ดีมาก ฉันรักเขา ไม่เคยนึกเสียใจ และเคารพในตอนจบ”
เคยรัก และเคยทุ่มเท แม้ตอนจบจะไม่ได้สวยหรู แต่เธอก็ไม่รู้สึกเสียใจ และจะจดจำมันไว้ในใจเสมอ
“เธอช่างใจกว้างดีจริง——”นานิไม่รู้จะพูดอะไรเธอแล้ว ทำได้เพียงตำหนิเทาเท่ “ เทาเท่มีแฟนเก่าที่ไม่งอแงและไม่สร้างปัญหาอย่างเธอ นั้นเป็นเพราะชาติที่แล้วได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต”
คำพูดของนานิทำเอาหลินจือหลุดขำพรืดออกมา
บนโลกนี้มีเรื่องที่น่าสนใจกว่าเรื่องผู้ชาย และเรื่องความรักอยู่อีกมาก ทำไมต้องมาจมปลักและยึดติดกับมันด้วย