อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 130 ทะเลาะ
พ่อบ้านทำความสะอาดคราบเลือดบนหน้าผากของเทาเท่เสร็จ แต่ก็พบว่าแผลเป็นแนวยาวเปิดออก
พ่อบ้านเองก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน “ผมจะห้ามเลือดให้ก่อน คุณควรไปตรวจที่โรงพยาบาลนะครับ ถ้าไม่ได้ก็ต้องเย็บสองเข็ม”
เทาเท่พูดด้วยสีหน้าสงบ “ไม่จำเป็น ห้ามเลือดก็พอ”
พ่อบ้านกังวล “ถ้าเป็นแผลเป็นจะทำอย่างไรครับ?”
“ไม่เป็นไร”
คุณท่านเหลือบมองเทาเท่ที่มีท่าทีเหมือนกับชีวิตไม่มีความหมาย จึงอดที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ได้ “ไปดูที่โรงพยาบาลหน่อยเถอะ”
เทาเท่ไม่ขยับเขยื้อน คุณท่านเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนแกมีท่าทีไม่อยากอยู่แล้วเลย”
เทาเท่ “…”
เขาดูเหมือนแบบนั้นตรงไหน?
เขาแค่จิตใจห่อเหี่ยวเท่านั้น
โกรธพินอินจนแทบจะพูดไม่ออก แม่เขาก็ยังมาโวยวายใส่ หลินจือก็เมินเขา เขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?
เขาหลับตาลงพูดกับคุณท่านเบาๆว่า “เดิมทีผมวางแผนจะคุยกับหลินจือวันนี้ ผลคือเกิดขึ้นเรื่องแบบนี้ขึ้นซะก่อน”
“โอ้…” คุณท่านเอามือทาบอกคร่ำครวญออกมาอย่างเศร้าใจ
หลานชายแสนอาภัพของเขาใช้ชีวิตมานานกว่า 30 กว่าปี กว่าจะรู้ว่าความรักคืออะไร อีกเพียงก้าวเดียวจะสมหวังแต่ก็ต้องสะดุดไปเสียก่อน
แต่ทว่าหลังจากเขาคร่ำครวญเสร็จก็ปลอบเทาเท่อย่างสบายๆว่า “ก็แค่อกหักเองจริงไหม? ไม่เป็นไรนะ เวลาจะทำให้ทุกอย่างค่อยๆเลือนรางลง”
“บางทีอาจเป็นเพราะพวกเธอไม่มีวาสนาต่อกันแค่นั้น”
“ช่างเถอะ หลังเรื่องนี้ผ่านไปแล้วปู่จะหาผู้หญิงดีๆให้”
เทาเท่มองคุณท่านโดยไม่พูดอะไร เขารู้สึกแย่มากแล้ว แล้วคุณท่านก็ยังอยู่ที่นี่พูดจาบั่นทอนกำลังใจกันอีก
เขาพูดอย่างโกรธเคือง “ผมจะไม่ยอมแพ้ ในชีวิตของผมไม่มีคำว่ายอมแพ้อยู่ในหัว”
คุณท่านได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็แอบดีใจ
เมื่อกี้เขาจงใจกระตุ้นเขา เพราะไม่อยากให้เขายอมแพ้แบบนี้
“จริงสิ หลินจือเป็นยังไงบ้าง?” คุณท่านเปลี่ยนเรื่อง
ดวงตาเทาเท่ฉายแววเศร้า “ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ”
คุณท่านรู้สึกปวดใจมาก “เฮ้อ เธอก็เป็นเด็กที่ชีวิตแสนอาภัพ”
“ชาร์ลีกับเรียวจิไม่ใช่ญาติของเธอ เธอตัวคนเดียวบนโลก พอเจอเรื่องแบบนี้ก็คงไม่รู้ว่าจะไประบายกับใคร”
“คุณปู่คิดมากไปแล้วครับ เธอยังมีแฟนและเพื่อนสนิทอีก” ขณะที่เทาเท่พูดคำเหล่านี้ออกมา น้ำเสียงก็ปนไปด้วยความหึงอย่างห้ามไม่อยู่
คุณท่านมองไปทางด้านข้างแล้วพูดว่า “ก็ใช่ เธอยังมีแฟน”
ในตอนนี้พ่อบ้านจัดการบาดแผลของเทาเท่เสร็จแล้ว พ่อบ้านช่วยห้ามเลือดและพันผ้าก๊อซไว้บนหน้าผากเขา เทาเท่ลุกขึ้นแล้วกล่าวลาทันที ไม่อยากคุยกับคุณท่านเรื่องแฟนของหลินจือต่อ
ขณะเดินมาถึงประตู คุณท่านก็ปลอบเขาอย่างจริงจังตรงทางเข้า “ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกแกวุ่นวายมาจนถึงขั้นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
“ค่อยๆเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนธรรมดา โดยปกติก็แสดงความเอื้ออาทรต่อเธอให้มากๆ เธอเคยมีแกในสายตา เวลาผ่านไปเธอจะได้มองเห็นแกอีกครั้ง”
น้อยครั้งที่คุณท่านจะคุยกับเทาเท่อย่างจริงจัง พอเขาจริงจังขึ้นมาเขาจะตั้งใจ
เทาเท่เข้าใจเจตนาที่ดีของคุณท่าน เขาพยักหน้า หันหลังแล้วจากไป
ต้องยอมรับว่าคำพูดสุดท้ายของคุณท่านช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของเขาได้เป็นอย่างดี
ถูกต้อง ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว การค่อยๆเริ่มต้นจากเป็นเพื่อนธรรมดาก็จะดีขึ้นเอง
ทันทีที่เทาเท่เพิ่งจะออกจากบ้านคุณท่านก็ได้รับสายจากนทีบดี นทีบดีพูดด้วยน้ำเสียงที่ลำบากใจมาก “แม่ของนายเพิ่งโทรหาฉันเพื่อขอให้ฉันแก้ต่างให้พินอิน”
วีนาย่อมรู้ว่าทนายความที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเจสเวิร์ดคือนทีบดี
นทีบดีกล่าวเสริมว่า “ฉันไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันบอกไปว่างานของฉันมีคิวลากยาวไปอีกหลายเดือน อนาคตฉันจะไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานเพื่อจัดการกับคดีต่างประเทศ”
เทาเท่ตอบขณะขับรถ “อืม”
นทีบดีรายงานกับเขาว่า “นอกจากนี้ฉันเพิ่งโทรหาหลินจือ เป็นไปตามที่คาดไว้ เธอปฏิเสธ”
“ฉันรู้แล้ว” เทาเท่ก็รู้เช่นกันว่าหลินจือจะไม่มีทางยอมรับ
นทีบดีพูดทางโทรศัพท์อย่างกังวลว่า “ฉันฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว ดูเหมือนท่าทีเธอไม่ค่อยดีนัก หาคนมาช่วยฟื้นฟูจิตใจเธอไหม?”
การถูกลักพาตัวจนเกือบจะถูกข่มขืนไม่ใช่เรื่องเล็ก
แม้ว่าสุดท้ายจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ช่วงเวลาที่ถูกขังอยู่ในโกดังนั้น ก็ล้วนส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของคนคนหนึ่งเป็นอย่างมาก
ความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพียงพอที่จะบดขยี้คนคนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ปกติจิตใจดี
แม้ว่าตอนแรกพวกนทีบดีจะไม่ค่อยชอบวิธีการปีนขึ้นเตียงเท่าเท่ของหลินจือ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่เป็นภรรยาของเทาเท่ หลินจือได้ทำหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่จริงๆ จึงทำให้พวกเขาไม่พบข้อบกพร่องใดๆ
เธออยู่เคียงข้างเทาเท่อย่างเงียบๆและรู้งาน ดูแลเขาทุกอย่างอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่งอแงไม่ทะเลาะไม่แย่งชิง
ดังนั้นทัศนคติของนทีบดีที่มีต่อหลินจือจึงเปลี่ยนไป จนถึงขั้นตอนนี้เขายังเป็นห่วงเธอมา
“อืม” คำพูดของนทีบดีทำให้หัวใจของเทาเท่ดิ่งลงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลคุณหมอก็บอกว่าควรใส่ใจด้านการให้คำปรึกษาด้านจิตใจของผู้ป่วย
แต่ว่าตอนนี้คนที่เขาหาให้เธอคงไม่ยอมรับ
แต่ทว่าก่อนที่เทาเท่จะคิดหาวิธีหาคนมาให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาแก่หลินจือ ก็เกิดเรื่องขึ้นกับหลินจือแล้ว
ในตอนเย็นขณะที่เทาเท่และโซเมนทานอาหารเย็นด้วยกัน
เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยนทีบดีจึงพาภรรยาของเขาไปต่างประเทศในช่วงบ่าย จะได้ไม่ให้วีนาตามตัวเขาต่อ
ไวท์โทรหาเทาเท่ “หลินจือมาที่โรงพยาบาลของพวกเรา ไข้เธอสูงไม่ยอมลด น่าจะเกิดจากเรื่องที่เกิดเมื่อกลางวันทำให้สร้างรอยบาดแผลขนาดใหญ่ให้เธอ”
“อะไรนะ?” เทาเท่ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที จากนั้นหยิบกุญแจรถของตนวางแผนจะรีบออกไป
ไวท์ห้ามเขาทางโทรศัพท์ “นายไม่จำเป็นต้องมา เจเทาวน์เป็นคนส่งเธอมา”
“เจเทาวน์น่าจะรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเธอ ดังนั้นจึงรีบกลับมา เขาบอกว่าเขารีบไปที่บ้านของหลินจือ เคาะประตูอยู่เวลานานกว่าหลินจือจะมาเปิดประตูให้เขา ในตอนนั้นเธอไข้ขึ้นสูงมากจนไม่ไหวแล้ว”
เทาเท่กำโทรศัพท์ในมือแน่น พูดอะไรไม่ออก
เขารู้ว่าอารมณ์ของเธอไม่ค่อยดีนัก แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้
หลังจากวางสายไวท์แล้ว เขายังถือกุญแจแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมา
โซเมนห้ามเขาไว้ “ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าแฟนของเธอก็อยู่?”
เมื่ออดีตสามีเจอแฟนปัจจุบัน คนที่อึดอัดก็คืออดีตสามี
“แฟนแล้วไง? การไปเยี่ยมคนที่มีแฟนมันผิดกฎหมายรึไง?” เทาเท่ทิ้งท้ายประโยคนี้ให้โซเมนแล้วจากไป
โซเมนตามเขาไปอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่เสียหน้า
แต่เห็นได้ชัดว่าเทาเท่ไม่สนใจหน้าของตัวเองเลย เขาขับรถพาโซเมนไปโรงพยาบาลด้วย
หลินจือถูกส่งตัวไปที่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว กำลังให้น้ำเกลือเพื่อลดไข้
เจเทาวน์เฝ้าอยู่ข้างเตียงของเธอด้วยสีหน้าปวดใจ หลังจากเห็นเทาเท่เข้ามา เจเทาวน์ผู้ซึ่งมีนิสัยอ่อนโยนก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เขาก้าวไปข้างหน้าต่อยเทาเท่ไปหนึ่งหมัดอย่างไม่เกรงใจ