อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 149 แค่เป็นประสบการณ์ก็เท่านั้น
หลินจือนั่งรถของจอนห์กลับ จอนห์ค่อนข้างพูดมาก ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข
ถึงแม้จอนห์กับควีนจะเป็นฝาแฝดชายหญิง แต่นิสัยทั้งสองก็ไม่เหมือนกันเลย
นิสัยของควีนจะเชื่องช้าและนิ่งสงบ ส่วนจอนห์จะสดใสและเปิดเผย ดังนั้นถึงแม้ทั้งสองจะทำงานกับเทาเท่ แต่เนื้อหางานที่รับผิดชอบต่างกัน
ส่วนมากถ้าสถานการณ์ที่ต้องพบปะสังสรรค์ก็จะเป็นจอนห์ที่เข้าร่วม บางครั้งถึงจะต้องการควีน
หลินจือถึงบ้านแล้วก็เก็บของเล็กน้อยแล้วก็รับสายของไวท์ ในสายไวท์บอกว่าจะช่วยเธอดูคอม นี่เป็นเรื่องใหญ่ หลินจือจึงรีบตกลง
ยี่สิบนาทีต่อมาไวท์มาถึง ถอดชุดกาวน์แล้วสวมแว่นกรอบทองของเขา ตอนนี้ดูแล้วรู้สึกเหมือนเป็นนักเทคนิคระดับสูง
หลังจากไวท์กระทำการให้อย่างชำนาญแล้วจากนั้นก็โชว์หลินจืออย่างภาคภูมิใจ:“ตอนนี้คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถเรียกได้ว่ามีเกราะป้องกันแล้ว ปกติแฮกเกอร์ก็จะเข้าไปไม่ได้ คุณแต่งได้อย่างได้เลย”
“ขอบคุณมากเลยนะ”หลินจือขอบคุณ แล้วเธอก็คิดอะไรแล้วพูดอีก“ใช่สิ ครั้งที่แล้วซานาหมอซานาคนนั้นที่ช่วยรักษาฉัน วันไหนฉันเลี้ยงข้าวพวกคุณด้วยกันเลยดีกว่า”
หลินจือก็คิดว่ายังไงซะหมอซานาคนนั้นก็เป็นคนที่ไวท์แนะนำด้วย พวกเขาต้องสนิทกันแน่ เลี้ยงข้าวพวกเขาด้วยกันคงไม่เป็นไร
คิดไม่ถึงว่าไวท์เกือบจะสำลักน้ำออกมา:“อย่า!อย่าให้ผมพักกับเธอเด็กขาด”
หลินจืองุนงง:“ทำไมเหรอ?พวกคุณไม่ใช่เพื่อนร่วมงานกันเหรอ?หมอซานาก็เป็นคนที่คุณแนะนำไม่ใช่เหรอ?”
ไวท์ตอบอย่างโกรธแค้น:“ผมกับเธอดวงชะตาไม่ถูกกันเลย”
“อ้อ โอเค”หลินจือก็ไม่ได้บังคับไวท์“ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นฉันก็จะเลี้ยงเธอเดี่ยวๆ”
หลินจือพูดไปก็หยิบกระเป๋าจะออกไป:“ไปเถอะ ตอนนี้เที่ยงพอดี ฉันเลี้ยงข้าวคุณละกัน”
ใครจะไปรู้ว่าไวท์กลับก็ไม่ยอมขยับอย่างไม่เห็นด้วย:“คุณจะเลี้ยงเธอวันไหน?ผมจะดูว่าผมว่างไหม คุณจะได้ไม่ต้องนัดแยกพวกเราสองครั้ง คุณงานเยอะด้วย”
เดี๋ยวเขาก็ไม่อยากอยู่กับซานา เดี๋ยวก็อยากอยู่ด้วย หลินจือจึงหัวเราะอย่างทนไม่ไหว:“คุณมีความบาดหมางอะไรกับหมอซานากันแน่ คุณทำตัวกลับตาลปัตรแบบนี้ แต่ชัดเจนว่าคุณแคร์เธอมาก”
“ใครสนเธอกันล่ะ!คุณอย่าพูดจาเหลวไหล!”ไวท์รีบปฏิเสธเธอ
“ได้ยินว่าคุณรับแก้บทหนังสือเล่มใหม่ของจอร์แดน นี่ผมอยากประหยัดเวลาเพื่อคุณไม่ใช่เหรอไง?”ไวท์กำชับเธอไปอีก“คุณโทรถามเธอก่อน เธอว่างเมื่อไหร่ ไม่แน่เธอว่างผมอาจจะต้องทำโอที”
หลินจือได้แต่ฟังเธอ หยิบโทรศัพท์โทรหาซานา
ครั้งที่แล้วซานาช่วยรักษาเธอทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข ซานาพูดยิ้มๆในสายว่า:“เรื่องเลี้ยงข้าวไม่ต้องหรอกค่ะ บริการคนไข้คือหน้าที่และความรับผิดชอบของพวกเรา แต่ครั้งที่แล้วได้ยินว่าคุณบอกว่ารู้จักโจมอน ถ้าช่วยฉันเอาลายเซ็นได้ก็ดี”
“ต้องการลายเซ็นของโจมอนเหรอคะ?”หลินจือตกลงอย่างดีใจ“ไม่มีปัญหา——”
หลินจือยังพูดไม่จบ โทรศัพท์ก็ถูกไวท์ที่อยู่ข้างๆแย่งไปอย่างหยาบคาย ทำเอาหลินจือตกใจ
เห็นไวท์ตะโกนใส่สายอย่างโกรธจัด:“หมอซานา ถ้าผมจำไม่ผิด ปีนี้คุณสามสิบแล้วใช่ไหม?คุณเป็นผู้หญิงแก่สามสิบ ไปชอบคนหนุ่มที่อายุยี่สิบแบบนี้ ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ?”
หลินจือ:“……”
เมื่อก่อนเธอคิดว่าคนอย่างเทาเท่พูดจาไม่น่าฟังสุดๆ เมื่อก่อนเธอก็คิดว่าไวท์อ่อนโยนมีสมองและใจเย็น ทำไมตอนนี้ถึงพูดจาไม่น่าฟังเลย?
ว่าผู้หญิงคนหนึ่งว่าเป็นผู้หญิงแก่สามสิบ ไวท์นี่คงใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวสินะ
แต่ซานาที่อยู่ในสายดูเหมือนไม่โกรธอะไร หลินจือยืนอยู่ข้างก็แอบได้ยินซานาตอบกลับไวท์อย่างยิ้มร่าในสายว่า:“มีอะไรต้องอายเหรอ?ก็เหมือนผู้ชายที่ชอบเด็กสาวน่ะแหละ ผู้หญิงแก่สามสิบก็ชอบเด็กหนุ่มเหมือนกัน”
“เหอะๆ!”ไวท์โกรธจนหน้าแดงระเรื่อ หลังจากยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชาก็ตัดสายไป
หลินจือยกมือขึ้นบีบหน้าผาก พูดกับไวท์อย่างปวดหัว:“หมอไวท์ ที่คุณทำกับหมอซานาเมื่อกี๊ ไม่เหมาะเท่าไหร่มั้งคะ?”
“อีกอย่าง หมอซานาแค่บอกว่าต้องลงชื่อเอง”หลินจือพูดถึงเท่านี้ เธอก็รู้สึกผิดตำหนิไวท์ที่พูดจาไม่น่าฟัง
ไวท์โกรธ:“แค่ลงชื่ออะไรกันล่ะ ผมว่าเธออยากจีบเขาน่ะสิ!”
หลินจือผายมือออกแล้วพูด:“ดูเหมือนหมอซานาจะโสดนะ?พูดจาไม่น่าฟังเลย ถึงเธออยากจีบโจมอน แล้วจะยังไงล่ะ?ไม่ได้ทำผิดมหันต์อย่างที่คุณพูดเสียหน่อย?”
ไวท์ถูกคำถามนิ่งๆของหลินจือถามจนจุกพูดไม่ออก หลินจือพูดอีกว่า:“คุณโกรธจัดแบบนี้ คงไม่ใช่ว่าคุณชอบหมอซานาหรอกนะ?”
ไวท์แสดงออกอย่างผิดปกติ ถ้าหลินจือไม่รู้สึกอะไร งั้นก็ต้องบอกว่าทึ่มมาก
“ผม——”ใบหน้าหล่อเหลาของไวท์ดูอึดอัด จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าใส่คอมของตัวเองแล้วรีบพูดกับหลินจือ ผมไปก่อนนะ คุณทำงานเถอะ”
หลินจือรีบพูด:“ฉันต้องเลี้ยงข้าวคุณอีกนะ”
เธอถือกระเป๋าไว้แล้ว ตอนนี้เขาบอกจะไป?
“ไม่ต้องหรอก เรื่องเล็กน้อย”ไวท์พูดแล้วก็ออกไป หลินจือได้แต่ช่างมัน
ไม่ต้องเลี้ยง หลินจือก็ไม่อยากออกไปกิน เลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่ให้ตัวเอง
เวลาที่รออาหารเดลิเวอรี่มาส่ง หลินจือก็โทรหาซานาอีกครั้ง
หลินจือพูดอย่างรู้สึกขอโทษ:“หมอซานา เมื่อกี๊ขอโทษนะคะ ฉันก็ไม่คิดว่าหมอไวท์จะแย่งโทรศัพท์ฉันไป”
จากนั้นหลินจือก็อธิบายกับซานาเรื่องที่ผ่านมาเล็กน้อย ซานาพูดอย่างใจเย็น:“ไม่เป็นไรค่ะ”
หลินจือคิดเล็กน้อยแล้วก็ถามไป:“ระหว่างคุณกับหมอไวท์?”
ซานากลับไม่ปิดบัง บอกเธอไปตรงๆ:“เมื่อก่อนตอนที่เรียนหนังสือที่ต่างประเทศฉันเคยนอนกับเขาสองสามครั้ง ฉันลืมไปนานแล้ว แต่เหมือนเขาจะมีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับฉัน”
หลินจืออ้าปากอย่างตกใจ สักพักก็พูดไม่ออก
คนที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศ เป็นคนเสรีขนาดนี้เลยเหรอ?
นอนด้วยกันไม่กี่ครั้งเธอก็ลืมไวท์แล้ว?และไวท์ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ผู้ชายที่ทำให้คนลืมง่ายนะ?
ภายนอกไวท์สูงใหญ่หน้าตาดี ท่าทางก็ยังดูโดดเด่น ได้ยินว่าตอนเรียนก็ยังเป็นเด็กเรียนอีก ซานาลืมผู้ชายแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
เหมือนจะรู้สึกได้ว่าหลินจือตกใจ ซานาก็ยิ้มอธิบาย:“พูดตรงๆนะ ตอนนั้นฉันมีความสัมพันธ์อย่างนั้นกับเขา ก็แค่คิดว่าตัวเองเรียนหนังสือมากไป อายุเท่านี้แล้วยังบริสุทธิ์อยู่ เลยหาผู้ชายที่เพียบพร้อมในทุกๆด้านมาเป็นประสบการณ์ก็เท่านั้น”
“และตอนนั้นพวกเราก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว พอเรียนจบทุกคนก็ต้องไปตามทางของใครของมัน ใครยังจะจำกันได้อีกล่ะ”ซานาพูดถึงตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกนัก“ใครจะไปคิดว่าฉันที่จะหาโรงพยาบาลปักหลักทำงานดีๆ ดันไปเจอเขาอีก”
“ฉันเข้าใจแล้ว”หลินจือบ่นพึมพำ
ดังนั้น ซานาแค่อยากเล่นกับไวท์เท่านั้น ส่วนไวท์ กลับคิดจริงจัง