อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 154 ตั้งใจกลั่นแกล้ง
ซูซีคิดได้เสียที่ไหนกัน ว่าหลินจือจะคุ้นเคยกับหัวหน้าบาริสต้าของร้านกาแฟร้านนี้ขนาดนี้ เมื่อครู่ตอนที่เธอเพิ่งจะสั่งกาแฟไปนั้น ผู้หญิงคนนั้นยังมีใบหน้าเย็นชาไม่อยากจะสนใจเธออยู่เลย
ถ้าไม่นึกถึงว่าวันนี้ตัวเองยังมีธุระอยู่ เธอจะต้องร้องเรียนผู้หญิงคนนั้นแน่
และเธอยังคิดว่าคนบ้านๆอย่างหลินจือจะไม่เคยมาร้านกาแฟที่มีระดับแบบนี้อีกด้วย
ขณะที่กำลังโมโหอยู่นั้น ก็เห็นบาริสต้าคนนั้นตีลงบนหน้าอกแล้วเอ่ยพูดกับหลินจือเสียงดัง : “วันนี้เธอคุยเธอสั่งได้เต็มที่เลยนะ ฟรีทั้งหมดเลย”
หลินจือรู้สึกประหลาดใจ : “ฟรี?”
บาริสต้าคนนั้นยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา : “ใช่ ฉันเลี้ยงเอง”
ซูซีรู้สึกโมโหมาก
เธอตั้งใจที่จะมาก่อนครึ่งชั่วโมง สั่งกาแฟที่แพงที่สุด ก็เพื่อให้หลินจือได้จ่ายเงิน ผลปรากฏว่าบาริสต้าคนนั้นบอกว่าวันนี้จะเลี้ยงหลินจือเสียอย่างนั้น….
ความโมโหของซูซีจุกอยู่ที่อกแบบนั้น ไม่ขึ้นไม่ลง ทำให้เธอโมโหเสียจนรู้สึกปวดท้อง
หลินจือเอ่ยพูดกับแอนนี่อย่างเกรงใจ : “ไม่ดีหรอกมั้ง”
“ไม่ดีอะไรกัน? ความสัมพันธ์อย่างพวกเราต้องมาแบ่งฉันแบ่งเธออีกเหรอ?” แอนนี่พูดไปพลางยกมือขึ้นมาเกี่ยวไหล่ของหลินจือเอาไว้ด้วย
นิสัยของแอนนี่ก็เป็นคนเปิดเผยไม่สนใจอะไรแบบนี้ แต่อย่าเห็นว่าเธอดูเหมือนผู้ชายแบบนี้ แต่เวลาเธอทำกาแฟนั้นนิ่งเงียบและประณีตเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีทักษะระดับสูง การแข่งขันชงกาแฟหลายๆประเภทเธอก็คว้าที่หนึ่งมาแทบจะทุกครั้ง
หลินจือยากที่จะปฏิเสธคำเชื้อเชิญได้ : “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากๆเลยนะ เธอทำงานก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปทางนั้นแล้ว”
หลังจากที่หลินจือบอกลาแอนนี่แล้วถึงได้เดินอย่างช้าๆไปตรงตำแหน่งที่ซูซีอยู่ เธอเพิ่งจะนั่งลงนั้นซูซีก็เอ่ยพูดขึ้นด้วยความถากถาง : “หลินจือ คุณมีความสามารถไม่น้อยเลยนี่ ใครๆก็รู้จักไปหมด”
หลินจือเอ่ยพูดขึ้นนิ่งๆ : “ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ว่าร้านกาแฟร้านนี้โซเมนเป็นคนเปิดใช่ไหมคะ?”
ซูซีเอ่ยขึ้น : “แน่นอนว่าก็ต้องรู้สิ”
หลังจากที่พูดจบแล้วนั้นซูซีก็ตั้งใจเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค : “ก่อนหน้านี้ฉันกับพินอินก็มาดื่มกาแฟที่นี่กันทั้งวัน จะไม่รู้ได้ยังไง”
ซูซีมีเจตนาที่จะแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ดีของเธอกับพินอินออกมา กระตุ้นหลินจือที่เพิ่งถูกพินอินทำร้ายมา แต่ความจริงแล้วหลินจือไม่ได้แคร์เรื่องพวกนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
เทาเท่สำหรับเธอแล้วไม่ได้มีความหมายอะไรแล้ว เธอจะต้องไปแคร์พินอินทำไมกัน?
“ในเมื่อคุณรู้ว่าที่นี่โซเมนเป็นคนเปิด ถ้าอย่างนั้นฉันรู้จักคนที่นี่มีอะไรที่แปลกไปอย่างนั้นเหรอคะ?” หลินจือเอ่ยถามซูซีอย่างสุภาพ “ตอนนั้นที่ฉันเรียนทำกาแฟ โซเมนแนะนำให้ฉันมาที่นี่”
พูดถึงกาแฟขึ้นมาแล้ว ซูซีก็กัดฟันด้วยความโมโหขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากว่ากาแฟนั้นทำเพื่อเทาเท่
หลินจือเตือนซูซีขึ้นด้วยความหวังดี : “ถึงแม้เมื่อครู่นี้แอนนี่จะบอกว่าวันนี้ไม่ต้องให้ฉันจ่าย แต่ฉันคิดว่าเราก็ไม่ควรจะมาเสียเวลากันน่าจะดีกว่านะคะ ไม่ใช่ว่าคุณมาขอโทษฉันเหรอ? เริ่มได้เลยค่ะ”
คำพูดนี้ของหลินจือ ซูซีได้ยินแล้วนั้นดูจะได้ใจอยู่มาก เธอรับกับความโมโหนี้ได้เสียที่ไหนกัน เธอยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปยังหลินจือพลางตวาดเสียงดังขึ้นมาในทันที : “หลินจือ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร!”
หลินจือยกมือขึ้นมาปัดมือที่อยู่ตรงหน้าเธอของซูซีออก แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่นิ่งเฉย : “ซูซี ไม่รู้ว่าคุณไปเอาความหยิ่งในศักดิ์ศรีนี้มาจากไหน วันทั้งวันเอาแต่รู้สึกว่าฉันเทียบคุณไม่ได้เลยในทุกๆด้าน”
ซูซียังไม่ทันได้รอที่จะพูดอะไรออกมานั้น หลินจือก็เอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง : “ฉันคิดว่า80%เป็นเพราะฐานะครอบครัวที่ร่ำรวยของคุณใช่ไหม?”
มือทั้งสองข้างของซูซีนั่นกอดอกอยู่บนโซฟา เชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง : “ฉันก็อาศัยฐานะทางครอบครัวของฉันจะทำไม? ฐานะทางครอบครัวแบบนี้เธอมีหรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าชาร์ลีไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆของเธอหรอกเหรอ?”ซูซีเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ใครจะไปรู้ว่าพ่อแท้ๆของเธอจะมาจากไหน? ไม่แน่ว่าแย่ยิ่งกว่าชาร์ลีอีกนะ”
คำพูดนี้ของซูซีเป็นการใส่ร้ายพ่อแท้ๆของหลินจืออย่างใจดำโหดร้าย แต่หลินจือกลับไม่ได้รู้สึกโมโห เธอเพียงเอ่ยพูดด้วยความสงบนิ่งเท่านั้น : “แต่ชีวิตคนนี้มันยาวนานมากนะคะ ในอนาคตอะไรๆก็ไม่แน่นอนหรอกไม่ใช่เหรอ? ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อีกหลายปีคุณอาจจะเทียบฉันไม่ได้ก็ได้นะคะ”
“ฉันมีฝีมือมีความสามารถ ต่อให้ต่อไปฉันไม่ได้เขียนบท ก็สามารถเปิดร้านกาแฟเพื่อเลี้ยงชีพได้ หรือแม้กระทั่งเปิดร้านอาหาร แต่คุณละคะ? คุณซูซี ไม่มีพ่อของคุณ ฉันกังวลว่าต่อไปคุณจะตกลงไปอยู่ในจุดที่เป็นขอทานตามข้างถนนหรือเปล่า”
หลินจือไม่ได้เจตนาจะพูดให้คนอื่นตกใจ และพูดโม้โอ้อวดด้วย
ตัวเธอเองคิดว่าการดำรงชีวิตของเธอนั้นไม่เป็นปัญหา ส่วนซูซีนั้นไม่แน่
“เธอ–!”ซูซีโมโหเสียจนสั่นเทาไปทั้งร่างกาย แต่กลับพูดไม่ออกเลยแม้แต่ประโยคเดียว
เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าหลินจือจะช่างพูดแบบนี้ หรือแม้กระทั่งยังพูดจาอย่างไม่ไว้หน้ากันอีกด้วย
หลินจือรู้สึกพอใจที่ซูซีโมโหตัวเอง เธอไม่ปฏิเสธว่าเธอกำลังกลั่นแกล้งซูซีอยู่
ความจริงแล้วหลินจือไม่ได้เป็นคนที่มีเจตนาจะกลั่นแกล้งคนอื่นอยู่แล้ว เธอคิดเพียงว่าซูซีขอโทษเธอด้วยความจริงใจซักนิด เรื่องนี้เธอก็จะปล่อยให้ผ่านไปแล้ว
แต่ซูซีไม่ได้มีความจริงใจเลย แต่กลับยังทำเป็นสูงส่งตลอดเวลาอยู่ตรงหน้าเธอ อยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว ซูซียังมีอะไรให้ดูสูงส่งกัน?
ดังนั้นหลินจือจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะต้องข่มซูซีให้อย่างเต็มที่ ให้ซูซีได้มองตัวเองอย่างชัดเจน
หลินจือเปลี่ยนท่าทางเป็นนั่งไขว่ห้าง แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “แล้วก็ไม่ใช่ว่าวันทั้งวันคุณเอาแต่ดูถูกฉันว่าใช้อุบายปีนขึ้นเตียงกับเทาเท่ไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นคุณก็ลองปีนขึ้นไปดูบ้างสิ?”
ซูซี : “………”
หลินจือมองต่ำลงมองเล็บที่สะอาดชุ่มชื่นของตัวเองอย่างไม่สนใจใยดี น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามเหมือนกับซูซี : “ซูซี ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกคุณ ตอนที่พวกคุณเป็นแฟนกัน พวกคุณก็ไม่เคยนอนด้วยกัน ฉันหย่ากับเขามาหนึ่งปีแล้ว เขาก็ยังไม่แตะต้องคุณ ตอนนี้เขาไม่ต้องการคุณแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่คุณจะยังมีโอกาสปีนขึ้นไปบนเตียงเขาได้?”
หลินจือเจตนาใช้คำว่าไม่ต้องการคำนี้เหยียบย่ำความหยิ่งในตัวเองของซูซีให้จม
ซูซีโมโหเสียจนหน้าซีด จ้องหลินจือแล้วด่าว่าออกมา : “หลินจือ เธอมันหน้าไม่อาย!”
“อืม ฉันหน้าไม่อาย ฉันยังมีเรื่องที่หน้าไม่อายกว่านี้อีกนะ คุณอยากจะฟังไหม?”หลินจือเอียงใบหน้าที่ขาวเนียนสวยงามแล้วมองซูซีด้วยรอยยิ้มแบบนั้น
หลินจือหัวเราะออกมาเบาๆ : “คุณรู้ไหมว่าฉันแต่งงานกับเขาสามปี เพียงแค่เขาอยู่บ้าน และไม่ใช่ช่วงประจำเดือนของฉัน พวกเรานอนด้วยกันทุกคืนเลย”
ซูซียกมือขึ้นมาปิดหน้าอก จะโมโหตายอยู่แล้ว
เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าหลินจือจะสามารถพูดคำพูดหน้าไม่อายแบบนี้ออกมาได้
เทาเท่ไม่ใช่บอกว่าเขารักหลินจือแล้วนี่ ซูซีรู้สึกมาเสียใจทีหลังที่ไม่ได้บันทึกคำพูดของหลินจือเอาไว้ ถ้าหากบันทึกแล้วเอาให้เทาเท่ดู ให้เขาดูว่าหลินจือนั้นมีคุณธรรมและความประพฤติแบบไหน
หลินจือเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วประกาศออกมากับซูซีอย่างเย็นชาทีละคำ : “เพราะฉะนั้นซูซี คุณต่างหากที่เป็นคนที่แพ้มาตั้งแต่แรก คุณมีสิทธิอะไรที่จะทำตัวสูงส่งแบบนี้?”
“หลินจือ!” ซูซีร้องตวาดออกมาเสียงดัง หยิบกาแฟขึ้นมาคิดจะสาดลงบนร่างของหลินจือ ใช้วิธีนี้ระบายความเกลียดชังที่มีต่อหลินจือ
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าหลินจือจะเร็วกว่าเธอ หยิบกาแฟตรงหน้าขึ้นมาแล้วสาดมาที่เธอก่อน
“อ๊า–” ภายในร้านกาแฟนั้นมีเสียงตะโกนร้องเสียงแหลมของซูซีดังขึ้น