อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 181 ไข้ใจ
“หลินจือ…” เทาเท่กระซิบเรียกชื่อเธอ “ให้โอกาสฉันอีกครั้งไม่ได้จริงๆเหรอ”
“ดึกแล้ว อาบน้ำเถอะ” หลินจือไม่ตอบคำถามของเขา หลังจากพูดแบบนี้จบก็ลุกขึ้นเตรียมออกไป
เทาเท่ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา
ล้มเหลวอีกครั้ง
สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นห้ามเธอ “ดึกขนาดนี้คุณกลับไปคนเดียวไม่ปลอดภัย”
“ผมจะให้คนขับรถมารับคุณกลับ”
ระหว่างรอคนขับรถมารับ เทาเท่ก็ถามหลินจืออีกครั้ง “คุณเชื่อใจจอร์แดนมากขนาดนั้นเลยหรอ คุณไม่กลัวว่าเขาจะวางแผนทำร้ายคุณหรอ”
เทาเท่รู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอเรื่องจอร์แดนรับหลินจือเป็นลูกสาวบุญธรรม
เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจอร์แดนถึงตัดสินใจอย่างนี้ เพิ่งได้พบกับหลินจือครั้งเดียวก็รับหลินจือเป็นลูกบุญธรรมแล้ว
เรื่องนี้คิดไม่ตกสำหรับคนช่างคิดเช่นเทาเท่
ไม่ใช่คิดไม่ตก เขามีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลอยู่ในใจ นั่นคือจอร์แดนมีแผนสำหรับหลินจือและคำอธิบายนี้ทำให้เทาเท่เป็นกังวลมากขึ้น
หลินจือถามกลับเกี่ยวกับคำพูดของเทาเท่ที่ว่าจอร์แดนวางแผนทำร้ายเธอ “ฉันมีอะไรให้น่าปองร้าย”
เทาเท่กล่าวโดยไม่ลังเล “คุณยังเด็กและสวย”
หลินจือรำคาญ “เทาเท่ทำไมคุณถึงคิดแต่เรื่องสกปรก”
เทาเท่พึมพำ “ไม่ใช่ว่าผมคิดสกปรก แต่เป็นตาเฒ่าอย่างจอร์แดนที่อาจอยากได้สาวสวยอย่างคุณ”
เทาเท่รู้สึกในใจว่าจอร์แดนเป็นคนแบบนี้ โดยลืมคิดถึงผลที่ตามมา
หลินจือฟังคำพูดของเขา และยิ้มอย่างแผ่วเบา “ถ้าอย่างนั้นถ้าคุณแก่มา คุณก็จะอยากได้สาวสวยด้วยหรอ”
เทาเท่ “…”
เขาตอบเรื่องนี้ไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าเธอมีฝีปากดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงทำให้เขาพูดไม่ออก
แต่เขาก็รีบอธิบายให้ตัวเองในตอนหลัง “คนมันต่างกัน ผมมั่นใจว่าตอนแก่—”
เขาต้องการจะบอกว่า เมื่อเขาแก่ เธอก็ยังคงเป็นคนเดียวในใจเขา แต่หลินจือขัดจังหวะเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ “คุณแตกต่างจากพวกเขาจริงๆ เพราะคุณไม่มีหัวใจ”
เทาเท่โกรธมาก
เขาเคยไม่มีใจให้เธอ แต่ตอนนี้เขามีใจแล้ว เธอไม่รู้สึกเหรอ
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรอีก คนขับรถของเทาเท่ก็มาถึง หลินจือบอกลาว่าพักผ่อนให้สบาย แล้วหันหลังจากไป
ใช้เวลาเกือบทั้งคืน หลินจือก็เหนื่อยเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงกลับบ้านและอาบน้ำพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นเธอไปประชุมที่ตระกูลฟอเรนา นานิก็เข้าร่วมการประชุมเช่นเดียวกัน และยังมีนิปปอนและนักแสดงหญิงที่เขาแนะนำซึ่งเล่นนางรอง
นักแสดงสาวชื่อดาหลา เธอดูประหลาดมาก แต่หลังจากที่หลินจือดูวิดีโอออดิชั่นของดาหลาที่เจเทาวน์แชร์มา ซึ่งแสดงเป็นนางรองผู้น่าสงสารแต่ข้างในกลับร้ายกาจนั้น เธอก็กลายเป็นตัวละครในละครทันที
ความแตกต่างอย่างมากนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ทักษะการแสดงของนักแสดงได้ดีที่สุด ดังนั้นหลินจือจึงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆกับดาหลาที่เล่นเป็นนางรอง
ซูซีเคยเล่นบทนี้มาก่อน แต่หลังจากการออดิชั่นเจเทาวน์ก็ไม่ให้บทซูซี
ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบกับดาหลา บางทีซูซีก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่มีการเจ็บปวด ดาหลาดีกว่าซูซีมาก
เทาเท่ก็เข้าร่วมการประชุมด้วย พนักงานบางคนที่เข้าร่วมการประชุมเห็นอาการบาดเจ็บที่มือของเขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง เทาเท่เหลือบมองหลินจือซึ่งกระซิบกับนานิบนที่นั่ง และตอบเบาๆว่า “ถูกแมวข่วน”
ชายคนนั้นหัวเราะ และพูดติดตลกว่า “ไม่ใช่ผู้หญฺงใช่มั้ยครับ”
ผู้ชายมักเรียกผู้หญิงที่ไม่เชื่องว่าเป็นแมวน้อย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ชายจะเข้าใจความหมายของเทาเท่ผิด
เทาเท่แอบเหลือบมองหลินจืออีกครั้ง “ไม่ใช่ครับ”
ถ้าถูกผู้หญิงข่วนจริงๆก็คงดี แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ข่วนเขา และไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ
นานิได้ยินคำพูดของเทาเท่ จึงถามหลินจือเสียงต่ำว่า “เขาไม่ได้ถูกแมวของเธอข่วนใช่ไหม”
หลินจือพูดอย่างเหนื่อยๆ “ใช่ ฉันไปโรงพยาบาลตอนกลางดึกเมื่อคืนนี้ และ เจ้าเล็กยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
นานิปิดปากของเธอทันที และยิ้มเหยียด “ดูสิๆ เขาแย่ขนาดไหน แม้แต่แมวก็ไม่ชอบเขา”
นานิตำหนิว่าเทาเท่ทำตัวไม่คลุมเครือมาตลอด และยังหัวเราะดังมาก หลินจือรีบเตือนให้เธอควบคุมตัวเอง
“ช่วงนี้ฉันดูแลเจ้าเล็กให้เธอตลอด เจ้าเล็กไม่เคยข่วนฉันเลย นี่ไม่ใช่การพิสูจน์ว่าตัวเขาแย่เกินไปหรอ” นานิยังคงยินดีในความโชคร้าย
หลินจือพูด “ใครจะรู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไร กลางดึกก็ยังจะไปหา เจ้าเล็ก”
นานิพูด “เขาไม่ได้บ้า เขาเป็นไข้ใจ บอกไปหาแมวแต่ที่จริงไปหาเธอ”
หลินจือรู้สึกขนลุกกับคำพูดของนานิ ไข้ใจอะไร เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับเทาเท่ได้เลย
เพราะทั้งสองกระซิบนินทาเจ้านายที่อยู่บนสุด ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงพูดเสียงต่ำและเข้ามาใกล้กันมาก
เทาเท่ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะเห็นว่าใบหน้าของนานิกำลังจะติดกับหลินจืออยู่แล้ว จึงทนมองไม่ได้อีกต่อไป
ถึงจะเป็นผู้หญิงทั้งคู่ ถึงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันขนาดนั้นใช่ไหม
เทาเท่หันศีรษะมองควีนซึ่งนั่งถัดจากเขา และควีนก็เข้าใจ รีบเปิดการประชุมทันที “ทุกคน อรุณสวัสดิ์ เรามาเริ่มการประชุมกันเถอะ”
เมื่อได้ยินควีนพูดอย่างนี้ นานิและหลินจือก็จึงแยกกัน สีหน้าของเทาเท่ก็ดีขึ้น
การประชุมกินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากเลิกประชุม นานิก็ควงแขนหลินจือดินออกไป แล้วพูดว่า “เดี๋ยวเธอนั่งรถฉันไป พวกเราไปดูวิลล่าสารีญาเป็นไง”
สารีญาเป็นชื่อวิลล่าที่นานิอาศัยอยู่ หลินจือบอกนานิเรื่องจอร์แดนกับลูน่าให้บ้านแก่เธอแล้ว แต่หลินจือไม่อยากย้ายเข้ามาเพราะเธอรู้สึกว่าไม่เหมาะสม
แต่นานิไม่รู้สึกอะไรเลย วันนี้นานิว่างพอดี เธอจึงพาหลินจือไปดูบ้านด้วยกัน
เทาเท่ที่เดินอยู่ข้างหลังได้ยินคำพูดของนานิจึงหยุด และมองไปที่หลินจือพร้อมขมวดคิ้วถามว่า “คุณมีบ้านในวิลล่าสารีญาหรอ”
ก่อนที่หลินจือจะพูดอะไร นานิก็ตอบก่อน “คุณเทาเท่คุณยังไม่รู้ใช่มั้ย คุณจอร์แดนและภรรยาของเขามอบบ้านให้หลินจือ ซึ่งอยู่ในวิลล่าสารีญา”
สีหน้าของเทาเท่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเขาก็ถามอย่างเหลือเชื่อ “จอร์แดนให้บ้านคุณ คุณก็กล้ารับหรอ”
เดิมทีเทาเท่ก็เคลือบแคลงใจหนักแล้วที่จอร์แดนรับหลินจือเป็นลูกบุญธรรมของเขา แต่เมื่อเขาได้ยินว่าจอร์แดน ได้ให้บ้านกับหลินจือ แถมยังเป็นบ้านราคาแพงในวิลล่าสารีญา เขาก็เชื่อทันทีว่าจอร์แดนไม่ได้มีเจตนาดี
หลินจือไม่สามารถอธิบายให้เทาเท่ฟังได้ถึงความไว้วางใจและความใกล้ชิดที่ไม่อาจอธิบายได้ของเธอกับจอร์แดน และคืนนั้นที่เธอทานอาหารเย็นกับตระกูลแม็กซิมัส เธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความกระตือรือร้นและความเมตตาของตระกูลแม็กซิมัสที่มีต่อเธอ
ถ้าจอร์แดนมีเจตนาไม่ดีต่อเธออย่างที่เทาเท่กล่าว เขาจะพาเธอไปหาคนที่บ้านอย่างตรงไปตรงมาได้อย่างไร