อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 182 รู้จักเพื่อนบ้านใหม
ดังนั้นหลินจือจึงไม่ได้อธิบายอะไรให้เทาเท่ฟัง แต่เพียงแค่พูดสั้นๆว่า “ฉันเชื่อว่าอาจารย์จอร์แดนเป็นคนเที่ยงตรงและเป็นคนดี”
จากนั้นเธอก็ดึงนานิออกไป
เทาเท่สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบอารมณ์หงุดหงิดของเขา เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องตรวจสอบจอร์แดนให้ละเอียด โดยเฉพาะจุดประสงค์เรื่องที่จอร์แดนเข้าหาหลินจือและทำดีกับหลินจือขนาดนี้ เขาต้องตรวจสอบอย่างชัดเจน
จากนั้นเขาก็ก้าวตามหลินจือไป และถามอย่างไม่เป็นทางการว่า “หลังไหนเป็นของคุณ”
หลินจือตอบตามความจริง “อาคารยี่สิบแปด ห้องสอง ทำไม”
บ้านในวิลล่าสารีญา เป็นพื้นที่วิลล่าล้วนๆ มีบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และมีบ้านที่ใช้ส่วนกลางร่วมกันชั้นล่าง
หลังที่จอร์แดนมอบให้หลินจือคือทาวน์โฮม มีสองหลัง
เทาเท่เลิกคิ้ว “อาคารยี่สิบแปด คุณแน่ใจหรอ”
“แน่นอน” หลินจือถามอย่างงงๆ “มีปัญหาอะไรหรอเปล่า”
“ไม่มีปัญหา” เทาเท่ออกไปหลังจากพูดจบ ปล่อยให้หลินจือและนานิยืนงง
นานิขับรถพาหลินจือไปที่วิลล่าสารีญาด้วยกัน ระหว่างทางหลินจือพูดกับนานิว่า “ที่จริงฉันไม่อยากย้ายมาที่นี่ อยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ๋ ฉันรู้สึกว่ามันกว้างเกินไป”
“ฉันก็อยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ชิน” นานิเกลี้ยกล่อมเธอ “แถมสภาพแวดล้อมที่นี่ก็ปลอดภัยกว่าอพาร์ตเมนต์ที่เธออยู่”
“ยังไงก็เถอะ ไปดูก่อนสิ เไม่แน่เธออาจะหลงรักบ้านหลังนั้นทันทีก็ได้”
ปรากฎว่านานิพูดถูก ทันทีที่หลินจือเข้าประตู เธอก็ถูกบ้านหลังนี้ดุงดูด ชั้นแรกมีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานขนาดใหญ่ และชั้นสองมีตู้หนังสือทั้งผนัง
บางทีแดดก็ส่องลงบนพรม ได้อ่านหนังสือ ฟังเพลง และชงชาอย่างสบายๆ นี่คือชีวิตในฝันของหลินจือ
สไตล์การตกแต่งของบ้านทั้งหลังยังเรียบง่ายและสะดวกสบายฃ จอร์แดนเคยบอกกับเธอว่า เขากับภรรยาเลือกนานมากกว่าจะได้หลังนี้ อย่างแรกเพราะการตกแต่งยังคงใหม่มาก และเจ้าของบ้านเดิมแต่งเสร็จ ยังไม่ทันได้เข้ามาอยู่ก็ไปต่างประเทศก่อน
อย่างที่สอง พวกเขาทั้งสองรู้สึกว่ารูปแบบของบ้านนั้นเหมาะกับหลินจือ อย่างนี้หลินจือก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องตกแต่งใหม่ ซึ่งจะเป็นการใหญ่อีก
แน่นอนจอร์แดนยังบอกกับลูน่าว่าถ้าเธอไม่ชอบ เธอสามารถตกแต่งใหม่ได้ แล้วพวกเขาจะจ่ายให้
นานิก็ประหลาดใจเช่นกัน “ว้าว เป็นบ้านที่สวยงามและสะดวกสบายจริงๆ จะรออะไรอีก ย้ายมาเลย”
“ย้าย” หลินจือสั่นอย่างเห็นได้ชัด
นานิหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ขยับดีกว่าใจเต้นเฉยๆนะ ย้ายวันนี้เลย ช่วงที่ฉันยังอยู่ในเมืองเจสเวิร์ดจะได้ช่วยย้าย”
“ตกลง” หลินจือพยักหน้าตอบรับ เธอไม่ได้มีของอะไรมากมาย มีแต่เสื้อผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้านานิขับรถ สองสามรอบก็เสร็จแล้ว
ทั้งสองกำลังจะกลับหลังจากดูบ้านเสร็จ แต่เทาเท่ก็โทรเข้ามา
เทาเท่ถามเธอทางโทรศัพท์ว่า “เห็นบ้านรึยัง รู้สึกยังไงบ้าง”
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่หลินจือถูกเทาเท่บังคับให้ปลดบล็อคหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขา เทาเท่ก็โทรหาเธอสะดวกมากขึ้น
“รู้สึกดีมาก” หลินจือตอบสั้นๆ
เธอรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ และมันค่อนข้างไม่เหมาะสมสำหรับเทาเท่ที่จะถามคำถามแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถตอบว่าเกี่ยวอะไรกับคุณได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามตอบให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ใช่ว่าเทาเท่ไม่ได้ยินการต่อต้านของเธอ แต่เขาเลือกที่จะเพิกเฉย
เขาถามต่อไปว่า “แล้วคุณจะย้ายไปที่นั่นเมื่อไหร่”
หลินจือไม่ต้องการบอกความจริงกับเขา “ไว้ดูก่อน”
“อ้อ…” เทาเท่ตอบแค่นี้ จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรกับเธออีก เพียงบอกลาและวางสายไป หลินจือไม่รู้เลยว่าเขาหมายถึงอะไรในการโทรครั้งนี้
ด้วยความช่วยเหลือของนานิ หลินจือจึงจัดกระเป๋าเดินทางของเธออย่างรวดเร็ว นานิเรียกรถตู้มา และด้วยความช่วยเหลือจากคนขับ เธอจึงขนของทั้งหมดไปในคราวเดียว
หลินจือใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงบ่ายกับการจัดบ้าน และในที่สุดก็ได้บ้านที่เป็นระเบียบ
เมื่อโยนร่างกายที่อ่อนล้าลงบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่ หลินจือก็มองที่โคมไฟบนเพดานอย่างละเอียดจนเหม่อ
จนถึงตอนนี้เธอยังคงรู้สึกไม่จริงอยู่บ้าง ตั้งแต่ได้ดัดแปลงสัญญาสิทธิ์ของจอร์แดน เธอก็รู้สึกว่ามันไม่จริงแล้ว
นานิบอกว่าเป็นเพราะเธอผิดหวังในชีวิตมาหลายปี ดังนั้นตอนนี้เธอจึงรู้สึกขอบคุณพระเจ้าสำหรับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ และรู้สึกได้ถึงความเกินจริงและเหลือเชื่อ
ใช่ ตั้งแต่วันที่เธอแต่งงานกับเทาเท่ ชีวิตของเธอก็เหมือนตกลงไปในเหว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอได้คนที่เธอเรียกว่าชายที่รัก แต่สูญเสียตัวเองไป
นานิยังกล่าวอีกว่าแม้ว่าบ้านหลังนี้จอร์แดนเป็นคนให้ แต่ก็เป็นความพยายามของเธอเอง
เนื่องจากความสามารถของเธอ เธอจึงมีโอกาสทดสอบหนังสือเล่มใหม่ของจอร์แดน
ด้วยโอกาสนี้เธอจึงได้พบกับจอร์แดน ดังนั้นจอร์แดนจึงชอบเธอ และรับเธอเป็นลูกบุญธรรม
เธอเป็นเหมือนหยกที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น บัดนี้ผุดขึ้นจากพื้นดิน เผยให้เห็นแสงของเธอเอง แม้อบอุ่นแต่พร่างพราย
หลังจากที่หลินจือฟังสิ่งที่นานิพูดกับตัวเอง เธอก็รู้สึกประทับใจ และล้อนานิว่า “คุณดาราดังนานิ คำพูดของเธอพวกนี้ สามารถเอาไปเป็นบทหนังได้เลยนะ”
นานิหยุดหัวเราะไม่หยุด “เฮ้อ แสดงมาทั้งวัน ประโยคที่ลึกซึ้งและมีความหมายฉันได้พูดออกเยอะแยะ ไม่คิดว่าฉันจะซึมซับมาสักสองสามประโยคเลยรึไง”
หลินจือก็หัวเราะเช่นกัน
เพราะเหนื่อยเกินไป หลินจือที่นอนลงบนเตียงจึงผล็อยหลับไป
เธอถูกปลุกโดยกริ่งประตูจึงตื่นขึ้นอีกครั้ง เธอลุกขึ้นจากเตียงด้วยความงุนงง แล้วเดินลงบันไดไปเปิดประตูอย่างสะลึมสะลือ
คนที่ยืนอยู่นอกประตูคือเทาเท่ซึ่งสวมชุดลำลองสำหรับอยู่บ้าน หลินจือขยี้ตาและถามว่า “ทำไมคุณถึงมาที่นี่”
เขาหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า
เธอเพิ่งย้ายมาบ้านใหม่ แล้วเขาก็ตามมาอีก
แถมเขายังแต่งตัวแบบนี้จากบ้านและขับรถมาจากบ้าน สมเหตุสมผลหรอ
หลินจือยังคงสับสน ก่อนเทาเท่จะพูดด้วยท่าทางสบายๆ “ผมมาทำความรู้จักเพื่อนบ้านใหม่”
“เพื่อนบ้านใหม่” หลินจือยิ่งสับสนมากขึ้น
เพื่อนบ้านใหม่อะไร
จากนั้นก็เห็นเทาเท่ยื่นมือให้เธออย่างเป็นทางการ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “สวัสดีครับคุณหลินจือ ผมชื่อเทาเท่อยู่ข้างบ้านคุณ อาคารยี่สิบแปด หลังหนึ่ง”
หลินจือเหมือนถูกฟ้าผ่าลงมาบนร่าง ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างไม่สามารถควบคุมได้พลางจ้องไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้า
เขาพูดว่าอะไรนะ
เขาอาศัยอยู่ในบ้านเบอร์หนึ่งถัดจากเธอ
เมื่อวานตอนเธอย้ายมาอยู่ เธอยังสังเกตเพื่อนบ้านกับหลินจืออยู่เลย เธออยากรู้ว่าเพื่อนบ้านเป็นคนยังไง อัธยาศัยดีมั้ย
แต่เมื่อวาน มีผ้าม่านหนาทึบปิดที่หน้าต่าง นานิบอกว่าบ้านนั้นไม่น่ามีคนอยู่หลายปี นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าถ้าไม่มีเพื่อนบ้าน เธอจะเงียบและสงบ
ใครจะคิดว่าวันนี้จะถูกบอกว่า เทาเท่เป็นเจ้าของบ้านข้างๆ!
ช่างเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายอะไรอย่างนี้!