อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 197 บังเอิญเจอ
เทาเท่พูดอย่างสง่าในขณะที่สาบตาของจอร์แดนนั้นโกรธ “คุณจอร์แดน ผมต้องไปงาน ขอตัวกลับบ้านอาบน้ำก่อนนะครับ”
เทาเท่เน้นหนักที่คำว่า “กลับบ้าน” เพื่อเน้นว่าตัวเองนั้นได้อยู่ข้างบ้านจริงๆ ทำให้จอร์แดนโกรธขึ้นอีกครั้ง
เทาเท่ก้าวเท้าเดินกลับบ้าน หลินจือรีบพูดทักจอร์แดนว่า “คุณอาจอร์แดน เข้าไปนั่งข้างในบ้านก่อนดีกว่าค่ะ”
จอร์แดนเข้ามาในบ้านด้วยความรู้สึกโกรธ หลินจือเทน้ำเปล่าอุ่นๆให้เขาดื่ม เพื่อให้อารมณ์สงบ
หลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จจอร์แดนก็พูดกับหลินจือด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษนะ อาคิดไม่ถึงว่าอาจะตั้งใจทำให้เรื่องมันดีกลับทำให้แย่ไปได้ที่ให้หนูมาอยู่ข้างบ้านเขา”
“คุณอาอย่าพูดอย่างนี้เลยค่ะ เราสองคนเป็นแค่เพื่อนบ้านกันเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร” หลินจือรู้ว่าจอร์แดนจะรู้สึกผิดและโทษตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอเลยไปหาเทาเท่หวังว่าเขาจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
จอร์แดนพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า “อาเองก็เพิ่งรู้ว่าก่อนหน้านี้หนูชอบเขามาหลายปี เขาไม่สนใจหนูเลยสักนิด หนูคงขื่นขมมากสินะ?”
หลินจือส่ายหน้าช้าๆ “เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว หนูก็ลืมความรู้สึกนั้นไปแล้วค่ะ”
มีประโยคนึงที่พูดเอาไว้ได้ดีว่า ความเจ็บปวดนั้นที่คิดว่าจะผ่านไปไม่ได้ พอย้อนมองกลับไปจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรเลย
ตอนนี้อารมณ์ของเธอเป็นอย่างนี้ หรือตอนนั้นในช่วงที่เธอแต่งงานเธออาจจะขื่มขมอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้เธอปล่อยวางได้แล้ว
หลินจือปล่อยวางได้แล้ว แต่จอร์แดนกลับปล่อยวางไม่ได้
เขาพูดกับหลินจือด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวว่า “อาจะยกเลิกสัญญากับเขา หนูจะได้ไม่ต้องร่วมงานกับเขาอีก จะได้อยู่ห่างๆกับเขา”
เรื่องที่จะยกเลิกสัญญากับเทาเท่จอร์แดนก็เคยพูดถึง ครั้งนี้เขาพูดถึงอีก หลินจือรับรู้ได้ถึงความจริงจังและความเด็ดเดี่ยวของเขา
แต่เธอยังคงพยายามที่จะพูดโน้มน้าวว่า “ไม่จำเป็นจริงๆค่ะ”
เธอรู้ว่าจอร์แดนไม่อยากให้เธอข้องเกี่ยวกับเทาเท่ เพื่อที่จะไม่ต้องถูกเทาเท่รังแกอีกหรือเพื่อที่จะไม่ให้เธอหวั่นไหวกับเทาเท่อีก
หลินจือพูดกับจอร์แดนอย่างจริงจังว่า “เพราะว่าหนูปลงได้แล้ว ก็เลยไม่ต้องเลี่ยงที่จะทำงานร่วมกัน ถ้าหนูหลบเขาตลอดเวลา นั่นไม่ได้แปลว่าหนูลืมเขาไม่ได้ ไม่กล้าเจอหน้าถูกต้องไหมคะ?”
“ก็จริง” จอร์แดนก็รู้สึกว่าคำพูดของหลินจือก็มีเหตุผล
คิดอยู่สักพักเขาก็พูดกับหลินจืออีก “ไม่ว่าจะยังไง อาแค่หวังให้หนูมีความสุข”
“หนูมีความสุขอยู่แล้วค่ะ” หลินจือพูดหัวเราะเบาๆ “ทำในเรื่องที่ตัวเองชอบ มีเพื่อนที่ดี ตอนนี้ยังมีคุณอากับ舒阿姨ที่เป็นญาติที่ดีอย่างนี้อีก หนูยังมีอะไรไม่มีความสุขอีกคะ”
คำพูดของเธอทำให้จอร์แดนปลง เขาปวดใจแต่กลับภูมิใจ
ในสภาพแวดล้อมครอบครัวของตระกูลเนธาเนียล เธอยังคงเติบโตเป็นเด็กผู้หญิงที่งดงามและอ่อนโยนก็เป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ของเขา
หลินจือเห็นอารมณ์ของจอร์แดนเย็นลงแล้ว ก็จึงพูดอีกว่า “คุณอามาเมืองเจสเวิร์ดกะทันหันแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีอะไร อามาเยี่ยมหนูเฉยๆ” จอร์แดนจะไม่เล่าเรื่องที่จัดการชาร์ลีสองคนพ่อลูกให้หลินจือฟัง ต่อจากนี้เรื่องไม่ดีพวกนี้เขาไม่อยากให้มันมาปรากฏในชีวิตเธอ
หลินจือได้ยินว่าจอร์แดนมาเยี่ยมเธอ ในใจก็ให้อบอุ่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “แล้วคุณอาพักอยู่ในโรงแรมหรอคะ? ไม่งั้น…”
หลินจืออยากจะพูดว่าไม่งั้นจอร์แดนพักอยู่ที่นี่ ยังไงบ้านหลังนี้ก็ใหญ่
อีกอย่างก็เป็นบ้านที่จอร์แดนซื้อ จอร์แดนอยู่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้อยู่
แต่จอร์แดนปฏิเสธข้อเสนอของเธอ “ไม่ต้อง อาอยู่โรงแรมดีกว่า จะได้ไม่เป็นขี้ปากคน”
แม้ว่าจอร์แดนจะคิดถึงหลินจือผู้ซึ่งเป็นลูกสาวคนนี้มาก แต่เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะอยู่ใกล้ชิดกับหลินจือ ถึงแม้ว่าในมือเขาจะมีผลDNAแล้วก็ตาม
ครั้งที่แล้วที่หลินจือไปเมืองเวลฟ์พักที่โรงแรมที่เขาจัดการไว้ให้ เขาถือโอกาสเอาเส้นผมของเธอไปตรวจDNA
และผลDNAก็ออกมาว่า หลินจือเป็นลูกสาวแท้ๆของเขาจริงๆ
เขาถือผลDNAนั้นด้วยอารมณ์ที่ทั้งร้องทั้งหัวเราะ เซ้นส์ของเขาไม่ผิด ควาสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นมหัศจรรย์ ไม่งั้นเขาคงไม่ชอบหลินจือมากมายขนาดนั้นด้วยความรู้สึกไร้เหตุผล
จอร์แดนยังพูดอีกว่า “เอ้อ ตอนกลางคืนมีงานเลี้ยงในวงการภาพยนตร์ หนูไปไหม?”
หลินจือพยักหน้า “นานิบอกเรื่องนี้กับหนูแล้วค่ะ เธออยากให้หนูไปเป็นเพื่อนเธอ”
เดิมทีนานิกับโจมอนต้องไปด้วยกัน แต่เพื่อเลี่ยงที่จะถูกนักข่าวจี้ถามข่าวของเขาทั้งสองคน คนทั้งสองเลยตัดสินใจออกงานแยก ดังนั้นนานิก็มาหาเธอให้เธอไปเป็นคู่เป็นเพื่อน
จอร์แดนพูดกำชับว่า “อย่าลืมใส่เครื่องประดับที่คุณย่าหนูส่งให้นะ”
จอร์แดนไม่พูดหลินจือก็ลืมแล้วจริงๆ หลังจากที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้สิ่งแรกที่หลินจือทำคือซื้อตู้เซฟ หลังจากนั้นก็เอาเครื่องประดับหยกใส่เข้าไปด้านใน
หลินจือพูดด้วยความลำบากใจว่า “หนูเป็นแค่คนเขียนบทตัวเล็กๆ ใส่เครื่องประดับที่ราคาแพงขนาดนั้น คงไม่เหมาะมั้งคะ”
แต่ไหนแต่ไรมาหลินจือไม่ได้เป็นคนขี้อวด จอร์แดนรู้
แต่ว่าเขายังยืนยันว่า “หลินจือ หลังจากนี้ไม่ว่าหนูจะออกงานไหนไม่ต้องรู้สึกว่าไม่ทัดเทียม วงศ์ตระกูลของตระกูลแม็กซิมัสประคอองความเจิดจรัสรุ่งโรจน์ของหนูได้”
เขาหมายถึงวงศ์ตระกูลทางสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลแม็กซิมัส ไม่ใช่เป็นแค่ลูกสาวแต่ในนามเท่านั้น
รอให้เวลาผ่านไปกว่านี้ก่อน เขาต้องบอกเรื่องนี้ให้เธอรู้อย่างแน่นอน
“ค่ะ” หลินจือรับปาก เธอก็ถามจอร์แดนอีกว่า “เอ้อ แล้วคุณอาไปงานเลี้ยงคืนนี้ไหมคะ?”
“อื้ม” จอร์แดนพูด “แต่ก่อนพวกเขาก็เชิญอา แต่ว่ากิจกรรมที่อยู่ต่างถิ่นอามักจะไม่ไปหรอก แต่ครั้งนี้มาเมืองเจสเวิร์ดพอดีก็ไปเสียหน่อยก็ได้”
“ดีจังเลยค่ะ” หลินจือดีใจที่จอร์แดนนั้นจะไปงานเลี้ยงด้วย เธอมักจะรู้สึกว่ามีจอร์แดนอยู่ เธอมีความมั่นใจขึ้นเยอะมาก
“ยากที่คุณอาจะมาเมืองเจสเวิร์ด แล้วยังมีเวลาว่างด้วย ตอนกลางวันหนูพาคุณอาออกไปเดินเล่นดีกว่าค่ะ” หลินจือพูดเสนออย่างกระตือรือร้น
“เอาสิ” จอร์แดนตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทางที่ดีผ่านอาไปดูที่ที่หนูใช้ชีวิตตอนเด็กๆหน่อย”
เขาอยากเห็นสถานที่ที่หลินจืออยู่ตอนเด็กๆ อยากที่จะเข้าใจและมีส่วนร่วมในอดีตที่ผ่านมาของเธอ
หลินจือรู้สึกว่าข้อเสนอของจอร์แดนนั้นไม่เลว เธอจัดแจงเก็บของแล้วพาจอร์แดนออกจากบ้าน หลินจือจะพาจอร์แดนไปกินข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยพาไปในเขตที่เธอใช้ชีวิตอยู่ตอนเด็ก
แต่พอคนทั้งสองออกจากบ้านก็เจอเทาเท่ เทาเท่ใส่ชุดสูทเรียบร้อย กำลังที่จะออกจากบ้านไปทำงาน
หลังจากที่ได้เห็นคนทั้งสองเทาเท่ก็พูดขึ้นก่อนว่า “ท่านประธานจอร์แดน พวกคุณกำลังจะไปไหน? ผมจะไปส่ง”
จอร์แดนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆหรอก ทุกคนล้วนหวังผลกันทั้งนั้น”
เทาเท่ “……..”
แต่สิ่งที่จอร์แดนพูดก็เหมือนจะถูก เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วก็มีแผนการจริงๆ
เขามีแผนเพื่อที่จะได้หลินจือทั้งตัวและหัวใจ
“ไม่รบกวนเวลาทำงานของท่านประธานเทาเท่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ท่าทีของหลินจือยังพอมีมารยาทอยู่บ้าน
เทาเท่จึงทำได้แค่เฉย
เพราะมีจอร์แดนอยู่ด้วย จะให้เขามากวนคงไม่ได้ จอร์แดนเป็นคนโหดเหี้ยม เขากลัวว่าจอร์แดนจะจัดการเขาจริงๆ
ทำไมจอร์แดนไม่รับหลินจือเป็นบุตรสาวให้เร็วกว่านี้หรือให้ช้ากว่านี้นะ ทำไมต้องเวลานี้ด้วย มันเพิ่มความยากในเส้นทางที่เขาจะจีบหลินจือกลับมามากยิ่งขึ้น
แต่เช้าอย่างนี้คนทั้งสองออกจากบ้าน จะไปทำอะไรกัน?
เทาเท่รู้สึกว่าตัวเองจ้องส่งคนตามไป คงไม่ได้จะไปเดทอะไรกันหรอกนะ?