อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 207 คลื่นประชาสัมพันธ์นี้ชนะอย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะว่าเธอสะสมบทบาทที่ไม่อยู่ในสายตานั้นมากมาย เพราะว่าเธอไม่มีชื่อเสียงมาตลอดแต่กลับมองโลกในแง่ดี ทำให้ได้รับความรู้สึกดีจากชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นถึงดาหลาได้บทนางรองนี้มาดูเหมือนจะโดดเด่นจากฝูงชน ก็ไม่มีใครต่อต้าน กลับกันหลายๆคนดันกลายเป็นแฟนคลับเธอ และยังตั้งตารอคอยบทบาทนางรองที่เธอแสดงด้วย
ดังนั้นในเวลาสั้นๆ”The Legend of Concubine Rong “ก็กลายเป็นละครที่ได้รับการรอคอยและมีคนพูดถึงมากที่สุดในอีก 6 เดือนข้างหน้า คาดว่าถึงต่อไปมีละครอื่นมาประชาสัมพันธ์ ก็ร้อนแรงเท่า”The Legend of Concubine Rong “นี้ไม่ได้
ซูซีโกรธจนโยนโทรศัพท์ไปด้านข้าง ตำนานจันทราของเธอในคืนนี้ยังไม่ทันได้ประชาสัมพันธ์เลย
ซูซีกัดฟันคิดอย่างโกรธเคือง:ไม่เป็นไร ยิ่งตอนนี้หลินจือโดดเด่นมากแค่ไหน อีกสองสามวันข่าวฉาวเธอถูกเปิดโปง ก็จะยิ่งล้มเจ็บไปมากเท่านั้น
การปรากฏตัวต่อสาธารณะของหลินจือในคืนนี้ เป็นการตัดสินใจหลังจากเทาเท่กับจอร์แดนปรึกษากัน
แน่นอนว่า พวกเขาก็ขอความเห็นจากหลินจือก่อน
ก่อนตัดสินใจแนะนำหลินจือในฐานะคนเขียนบทละครของหนังสือจอร์แดนให้ผู้คนรู้ จอร์แดนกับเทาเท่ก็เรียกเธอมาข้างๆ แล้วพูดแผนการของพวกเขาให้เธอฟัง
ตัดสินใจเปิดเผยหลินจือสู่สาธารณะ ถึงแม้จอร์แดนกับเทาเท่จะเห็นพ้องต้องกัน แต่กลับมีความเห็นแก่ตัวเองต่างกันไป
จอร์แดนปูทางเพื่อประกาศความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหลินจือในวันข้างหน้า เทาเท่กลับปูทางเพื่อประกาศความสัมพันธ์คู่รักกับหลินจือในวันข้างหน้า ถึงแม้ตอนนี้เขากับหลินจือยังไม่คืบหน้า แต่เขาก็ยังเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
ครั้งนี้ เขาจะไม่ซ่อนเธอไว้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ครั้งนี้ เขาอยากจะโอบกอดเธอไว้แล้วประกาศตัวตนของเธอกับทั้งโลก จะให้งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่แก่เธอ จะให้ทุกอย่างที่สวยงามที่สุดบนโลกใบนี้แก่เธอ จะทำให้เธอไม่ไปจากเขาอีก
แต่ว่า ถึงแม้จอร์แดนกับเทาเท่จะมีความเห็นแก่ตัวเป็นของใครของมัน แต่พวกเขาก็มีเป้าหมายเดียวกัน
นั่นก็คือพวกเขาต่างหวังว่าหลินจือจะถูกโลกภายนอกมองเห็น ความสามารถของเธอความยอดเยี่ยมของเธอ ควรจะถูกมองเห็น
เทาเท่ทำอะไรก็มีแผนการที่ดีมาเสมอ พิจารณาถึงทุกด้านไว้แล้ว
เขากับจอร์แดนก็แค่ขอความเห็นของหลินจือ ส่วนหลินจือจะยอมปรากฏตัวหรือไม่ เธอตัดสินใจเอง
เทาเท่วางอยู่สองแผน ถ้าหลินจือยอมปรากฏตัวกับถ้าหลินจือไม่ยอมปรากฏตัว
หลินจือยอมปรากฏตัว งั้นก็ถือโอกาสประชาสัมพันธ์”The Legend of Concubine Rong “ได้พอดี ประเด็นร้อนกับเวลาก็มาพอดี ผลการประชาสัมพันธ์จะต้องดีกว่าประชาสัมพันธ์”The Legend of Concubine Rong “ละครนี้เดี่ยวๆในภายหลังแน่
ถ้าหลินจือไม่เห็นด้วยที่จะปรากฏตัว งั้นก็ระงับรูปที่มีหน้าเธอชัดๆไว้ แค่ประชาสัมพันธ์ชื่อนักเขียนบทละครไปว่าชื่อฟิลคูลก็พอ
หลังจากหลินจือได้ยินแผนที่พวกเขาพูด ก็พูดอย่างกังวลไปว่า:“แต่ฉันเป็นแค่คนที่อยู่เบื้องหลัง ถ้าปรากฏตัวไปจะถูกคนวิจารณ์ในแง่ลบหรือเปล่า?”
จอร์แดนพูดปลอบเธอ:“แล้วไง?ผมก็ถือว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเช่นกันไม่ใช่เหรอ?ก็ยังปรากฏตัวทั้งวัน”
มีนักเขียนบทหลายคนที่ปรากฏตัวในสังคมเช่นกัน และยังดังยิ่งกว่าดาราอีก
เทาเท่พูด:“คุณน่ะดีมาก ภาพลักษณ์ดี นิสัยดี มีความสามารถ โดดเด่นกว่าคนอื่นทุกส่วน ไม่จำเป็นต้องรู้สึกด้อยไปกว่าใคร”
หลินจือเม้มริมฝีปากมองเธอ
หลินจือยอมรับว่า ประโยคของเทาเท่นี้พูดโดนข้างในใจเธอ เธอรู้สึกด้อยค่าและกังวลใจเล็กน้อยจริงๆ
ตอนนี้เขาพูดชมเธอแบบนี้ ความกังวลในใจเธอก็คลายลงไปบ้าง
แต่ที่ทำให้หลินจือใจเต้นก็คือ สามารถประชาสัมพันธ์”The Legend of Concubine Rong “ไปด้วยได้
เพราะยังไงนี่ก็เป็นละครเรื่องแรกที่เธอเขียนบทคนเดียว ถึงแม้ด้านการผลิตเรื่องนี้จะแข็งแกร่ง แต่ถ้าทุกคนไม่ยอมรับเพราะว่าเธอเป็นนักเขียนบทหน้าใหม่ ก็จะส่งผลต่อประเด็นร้อนของเรื่องนี้ได้
ถ้าเป็นอย่างที่เทาเท่พูดจริงๆ สามารถดึงดูดประเด็นร้อนได้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ เพราะเธอหวังมากกว่าว่า”The Legend of Concubine Rong “จะถูกผู้คนจำนวนมากติดตาม
ดังนั้นสุดท้ายเธอจึงเสนอความเห็นนี้ไป ให้เทาเท่กับจอร์แดนแนะนำเธอต่อคนในงาน จากนั้นยังให้สื่อถ่ายรูปหมู่
ตอนที่งานเลี้ยงมาถึงช่วงสุดท้าย ประเด็นร้อนอย่างแรกก็มาแล้ว
ตามแผนของเทาเท่แล้ว หลังจากประกาศทีมผลิตของ”The Legend of Concubine Rong “แล้ว ก็จะถูกขึ้นประเด็นร้อน
ดาหลาจะขึ้นฮอตเสิร์ช ซึ่งอยู่ในการคาดเดาของเทาเท่ด้วยเช่นกัน
ยังไง ละครที่มีทีมผลิตหรูหราเช่นนี้ ดาหลาที่เป็นเหมือนหน้าใหม่ไม่เป็นที่รู้จักได้บทบาทนี้มา จะต้องถูกติดตามมากเกินไปแน่
แต่ก็ต้องยอมรับว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ที่นิปปอนแนะนำ ได้รับการยอมรับจากสายตาแหลมคมของชาวเน็ตจำนวนมาก ถูกคนทั้งโลกออนไลน์ติดตามแล้ว ยังไม่ถูกขุดส่วนที่ไม่ดีออกมาอีก
ดังนั้น”The Legend of Concubine Rong “จึงขึ้นฮอตเสิร์ชหลายอันในคราวเดียว และกลายเป็นผู้ชนะที่สุดแห่งปี
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นแผนการของเทาเท่ เรื่องที่ซูซีกับลีวายทำละครย้อนยุคที่มีผู้หญิงเป็นหลักมาตอบโต้พวกเขาเขารู้อยู่แล้ว ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ครั้งนี้จึงเป็นการมุ่งเป้าไปที่ซูซี
อยากสู้กับเทาเท่ ซูซียังอยู่ห่างอีกไกล
ทั้งหมดในคืนนี้ บีบเอาละครที่เลียนแบบมาและยังไม่ทันประชาสัมพันธ์ออกไปของซูซีไว้มิด ตั้งแต่แรกซูซีก็ไม่มีโอกาสเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้น ต่อไปถ้าละครเสร็จแล้วออกอากาศ เธอจะชนะได้อย่างไร?
ถูกเทาเท่กับจอร์แดนพาไปรู้จักคนจำนวนมาก หลินจือก็หาที่เงียบๆสงบอารมณ์ลงได้ไม่ง่ายเลย
จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูฮอตเสิร์ชไปด้วย หลังจากเห็นการประชาสัมพันธ์นี้สำเร็จอย่างมาก เธอก็โล่งอก
พอจะหันกลับไปหานานิ ก็เห็นผู้ชายสวมชุดสูทสีน้ำเงินเดินเข้ามาทางเธอ
หลินจือก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร เป็นนักแสดงชายที่อยู่บริษัทเดียวกับโจมอน ชื่อว่ามาเรีย
หลายปีก่อนมาเรียก็ดังมากๆ ในฐานะที่เป็นไอดอลในยุคแรกๆ เขาได้ออกอัลบั้ม เล่นละครทีวี และยังมีหนังด้วย แต่ไม่กี่ปีมานี้ก็ค่อยๆหายไป ดูเหมือนว่าไม่เคยหาจุดยืนของตัวเองได้เลย
บวกกับนิสัยเขาค่อนข้างมีปัญหา จึงค่อยๆถูกลดทอนความสำคัญลง
ดูเหมือนปีนี้มาเรียจะยังไม่ถึงสามสิบ ที่จริงยี่สิบแปดยี่สิบเก้าสำหรับศิลปินชายคนหนึ่งแล้ว ถือเป็นช่วงอายุที่น่าอับอาย
ไม่สดใสเหมือนไอดอลวัยรุ่นที่สิบแปดสิบเก้าหรือยี่สิบปีมาออกกล้องเหล่านั้น และก็ไม่ดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมเช่นศิลปินชายสามสี่สิบปี
หลินจือไม่มีความประทับใจต่อมาเรียอย่างดีเท่าไหร่นัก หลายปีก่อนมีครั้งหนึ่งครูสไม่ว่าง เธอจึงถูกเรียกไปทำงานที่กองละครครั้งหนึ่ง แล้วพล็อตนั้นเป็นส่วนที่หลินจือเขียนพอดี สุดท้ายมาเรียรังเกียจบทพูดที่เธอเขียนบอกว่าไม่ดี แล้วตำหนิเธอไปที
และยังพูดอย่างโมโหว่าผู้กำกับหาคนเขียนบทโง่ๆปัญญาอ่อนแบบนี้มาได้ไง หรือว่าไปนอนกับผู้กำกับมาแล้วคำพูดไม่น่าฟังเทือกๆนั้น ตอนนั้นหลินจือโกรธจนร้องไห้
ตอนนั้นเธอเป็นแค่ผู้ติดตามตัวเล็กๆ ผู้พล็อตทุกคำที่เธอเขียนต่างผ่านตาครูสกับผู้กำกับหมดแล้ว พวกเขาไม่ว่าอะไรเลย มาเรียกลับรังเกียจที่เธอเขียนว่าเป็นขยะ
เป็นมาตรฐานของมาเรียเองต่างหากที่ไม่ถึง
ดังนั้นหลังจากเห็นมาเรียเดินมาที่เธอ หลินจือก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจรู้สึกไม่ต้อนรับเขานัก
มาเรียกลับไม่มีการตอบสนองอย่างเขินอายใดๆ ยังคงทักทายเธอด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์:“สวัสดี นักเขียนบทฟิลคูล”
หลินจือพยักหน้าเบาๆ:“สวัสดีค่ะ อาจารย์มาเรีย”
มาเรียพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมตน:“ไม่ต้องๆๆ เธอเรียกฉันว่าอาจารย์มาเรีย ฉันรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่”
ในใจหลินจือหัวเราะอย่างเยือกเย็น หลายปีก่อนเขาก็เรียกร้องคนในกอง ให้คนเรียกเขาว่าอาจารย์ ทำไมตอนนี้ใกล้จะสามสิบแล้ว กลับถ่อมตนขึ้นมา
ชัดเจนว่าคงรู้สึกว่าตอนนี้เธอมีชื่อเสียงแล้ว อยากเอาใจเธอ เลยจงใจทำตัวของเขาเองให้ดูนอบน้อมแบบนั้น