อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 223 ถูกผู้หญิงข่วน
หลินจือรับไม่ได้กับข้ออ้างในการชวนไปรับประทานอาหารค่ำของโซเมน “ประธานโซเมน เหตุผลนี้ไม่ใช่เหตุผลหลักหรอกใช่ไหม?”
เธอเพิ่งเป็นที่รู้จักในฐานะลูกสาวของครอบครัวแม็กซิมัส แล้วจู่ๆ โซเมนก็มากระชับความสัมพันธ์เช่นนี้ ไม่ดูจงใจไปหน่อยเหรอ
เธอไม่ชินเลยสักนิด
โซเมนพูดอย่างจริงจัง “ไม่ไกลเกินเอื้อมหรอก ผมเป็นแค่คนเริ่มต้น หลังจากนี้จะมีผู้คนมากมายติดต่อไปหาคุณ เพื่อตีสนิทกับคุณ”
โซเมนพูดความจริง
แม้ว่าจุดประสงค์แท้จริงของเขาคือการช่วยเทาเท่ แต่หลังจากนี้จะมีผู้คนมากมายเข้ามาตีสนิทกับหลินจือเป็นเรื่องจริง
ตระกูลแม็กซิมัสแห่งเมืองเวลฟ์ ใช่ตระกูลธรรมดาๆ เสียที่ไหน
คนเราต่างคิดอยากปีนป่ายขึ้นไปสู่ตระกูลใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่วันนี้ไปหลินจือคงถูกรุมเร้าจากเรื่องนี้จนอยู่ไม่สุข
และยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่หลินจือถูกประกาศว่าเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส พ่อของเขาส่งข้อความมาหาเขา เปรยให้เขาตามจีบหลินจือมาให้ได้ เพื่อแต่งงานเป็นเขยเข้าตระกูลแม็กซิมัส
เขาจึงพิมพ์ไปตามตรงว่า เขามีคนในหัวใจอยู่แล้ว และกดส่งกลับไป
หากเขาไปตามจีบหลินจือ เทาเท่คงกำจัดเขาแน่
หลินจือตอบตกลงในการเชิญชวนไปรับประทานอาหารร่วมกันครั้งนี้ ประการแรก เพราะโซเมนบอกว่าคนที่มาร่วมงานเลี้ยงด้วยมีเพียงคนคุ้นเคยกัน และประการที่สอง น้ำเสียงของโซเมนดูจริงใจมากเสียจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้
หลังวางสายจากโซเมนหลินจือทำงานต่อไปได้สักพัก ก็มีสายที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา
หลินจือกดรับสายโทรศัพท์ด้วยความสงสัย ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายวัยประมาณสามสิบปี พูดขึ้นมาว่า “ใช่คุณหลินจือหรือเปล่าครับ”
ทันทีที่เขาอ้าปากพูด คำพูดจาเหลาะแหละของอีกฝ่ายทำให้หลินจือรู้สึกไม่พอใจ เธอขมวดคิ้วถามกลับไปว่า “ใช่ค่ะฉันเอง คุณเป็นใครคะ”
ชายคนนั้นยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ผมวอลนัทจากบริษัทเรณูอุสสาหกรรมแห่งเมืองเจสเวิร์ดครับ อยากขอเป็นเกียรติเชิญคุณไปทานอาหารค่ำด้วยกันได้ไหมครับ”
วินาทีนั้นหลินจือราวกับถูกตบหน้า เมื่อครู่เธอเพิ่งคิดไปว่าคำพูดของโซเมนออกจะเกินจริงไปหน่อย คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ กลับมีคนหามาถึงหน้าประตูบ้าน
เธอปฏิเสธไปอย่างสุภาพ “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่รู้จักคุณ คงไปทานข้าวมื้อนี้กับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
หลินจือไม่รู้จักวอลนัทคนนี้ ไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ และไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทเรณูอุสสาหกรรมอะไรนี่เลยสักนิด
และสำคัญที่สุด น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจ
วอลนัทยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่รู้จักก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เมื่อเจอหน้าก็รู้จักกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” พูดจบหลินจือก็กดวางสายทันที
อีกฝ่ายพยายามเพิ่มเพื่อนในวีแชตจากการค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเธอ แต่หลินจือเมินเฉยไม่สนใจ
หลินจือรู้สึกอิดหนาระอาใจ เธอชำเลืองมองชายคนนั้นที่พยายามหาช่องทางติดต่อเธอ ไม่มีอะไรไปมากกว่าต้องการตีสนิท และหากตามจีบเธอได้ ก็จะใช้วิธีการนี้เพื่อปีนขึ้นสู่ตระกูลแม็กซิมัส
อันที่จริงก่อนจอร์แดนจะออกเดินทาง เขาพูดบางอย่างคล้ายๆ กันนี้กับเธอ ตอนนั้นจอร์แดนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ลูกเป็นลูกสาวของครอบครัวแม็กซิมัสของเราที่สูญเสียไปและได้กลับมา พวกเราทุกคนในครอบครัวจะจับมือลูกไว้ ฉะนั้นลูกไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระหน้าที่ หรือประนีประนอมอะไรเพื่อครอบครัวทั้งนั้น”
“พ่อของลูกเป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัว พ่อไม่มีภาระหน้าที่อะไรที่ต้องฟื้นฟูครอบครัว พวกพี่ชายพี่สาวของพ่อต่างอาสารับหน้าที่นั้นไปหมดแล้ว เมื่อมาถึงลูก ลูกก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นกัน”
ตอนนั้นหลินจือยังไม่เข้าใจคำพูดของจอร์แดน เธอไม่คิดว่าจะมีคนติดต่อมาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์กับตัวเธอ คาดไม่ถึงว่าวอลนัทคนนี้จะให้บทเรียนอย่างมีชีวิตชีวาและสมจริงกับเธอในวันนี้
ช่วงเวลาต่อมา ยังมีสายแปลกๆ โทรเข้ามาอีกหลายสาย หลินจือมีประสบการณ์จากวอลนัทเมื่อก่อนหน้านี้ เธอจึงไม่กดรับสายเหล่านั้นที่โทรเข้ามา
ตอนบ่ายนานิโทรมาหาเธอด้วยอาการใจคอแห้งเหี่ยว บอกว่ามีเซเลบริตี้และดาราหลายคน พยายามติดต่อเธอผ่านหล่อน เพื่ออยากตีสนิทกับหลินจือ
ก่อนหน้านี้หลินจือเคยไปเยี่ยมนานิอยู่บ่อยครั้ง แต่เนื่องจากเมื่อก่อนเธอยังไม่มีกระแสใดๆ จึงไม่มีใครให้ความสนใจ
ทุกคนคิดว่าเธอเป็นเพียงเพื่อนของนานิเท่านั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นเธอเป็นภรรยาของเทาเท่ นอกจากนี้ยังเป็นคนเขียนบทละครที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักซึ่งนำแสดงโดยดาราเหล่านั้น
หลังจากเธอถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกสาวของจอร์แดน ดาราสาวหลายคนรู้สึกคุ้นหูคุ้นตา เมื่อไตร่ตรอง จึงนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นหญิงสาวคนนั้นที่มาเยี่ยมนานิที่บ้านอยู่บ่อยๆ
สักพัก พวกเขาก็เริ่มทยอยติดต่อมาหานานิ เพื่อต้องการช่องทางการติดต่อของหลินจือ
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นหลินจือพลันรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมา เธอบอกนานิเรื่องของวอลนัทและสายแปลกๆ ที่โทรมาอีกหลายสาย
นานิสบถ “บัดซบเอ๊ย! ไอ้วอลนัทนั่น เป็นคนเหี้ยและน่าขยะแขยงที่สุด! คอยผลาญแต่เงินที่บ้าน คบหาแต่ดาราสาวๆ สวยๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย เป็นยัยพินอินเวอร์ชันผู้ชายดีๆ นี่เอง บริษัทพ่อของเขาก็เกือบจะถูกเขาทำให้ล้มละลาย”
นานิคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิง เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับพวกเพลย์บอยเหล่านี้
หลินจือกล่าวอย่างลำบากใจ “ฉันควรเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ดีไหม”
นานิ “ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้ แม้ว่าเธอจะเปลี่ยนเบอร์ พวกเขาก็จะหาจนเจอ”
หลินจือหดหู่ใจ “แล้วฉันควรทำยังไง ต่อจากนี้จะไม่ถูกพวกเขาตามรังควานไปทั้งวี่ทั้งวันหรอกเหรอ”
นานิพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ฉันมีความคิดดีๆ”
“หลินจือสงสัย “อะไร”
นานิอธิบายว่า “เปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับประธานเจเทาวน์ อย่างน้อยๆ พวกผู้ชายที่ไล่ตามเธออยู่ก็จะพ่ายพ่ายไปเอง”
หลินจือถอนหายใจ เจเทาวน์เพิ่งพูดเมื่อคืนว่านานิยังไม่รู้เรื่องการยกเลิกความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ แต่ถึงแม้ยังไม่เลิก เธอก็เปิดเผยต่อสาธารณชนไม่ได้อยู่ดี เพราะคำพูดนั้นระหว่างเธอกับเจเทาวน์พัวพันกันอย่างคลุมเครือจริงๆ
หลินจือบอกเรื่องนี้กับนานิ นานิทอดถอนหายใจออกมา “เอาล่ะ งั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้ว”
นานิพูดขึ้นทันที “แล้วเธอยินยอมกับการไล่ตามจีบของเทาเท่ไหม คำพูดของผู้ชายคนนั้นแน่นอนผู้ชายคนอื่นต้องพ่ายแพ้ไป ต้องยอมรับว่า ท่านประธานเทาเท่ถือได้ว่าเก่งกาจที่สุดในบรรดาผู้มีความสามารถในวัยเดียวกันในเมืองเจสเวิร์ดแห่งนี้ ไม่ว่าจะด้วยฐานะหรือรูปร่างหน้าตา”
หลินจือปฏิเสธทันควัน “แบบนั้นยิ่งไม่ได้”
เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ หลินจืออยากเพิกเฉยต่อเทาเท่ไปตลอดชีวิต
เมื่อคืนแม้เธอทั้งข่วนทั้งทุบตีเขา แต่ก็ยังไม่อารมณ์ไม่ดีอยู่เหมือนเดิม
“เธอยังโกรธที่เขาทำร้ายเธอตอนนั้นอยู่อีกเหรอ” นานิถอนหายใจ “พูดตามตรงนะ ตอนนี้เขาเป็นหมาซะขนาดนั้น สงสารเขาบ้างเถอะ”
“นานิ เธอล้อเล่นรึเปล่า” หลินจือเจ็บใจอย่างมาก เมื่อเพื่อนรักของตัวเองพูดเห็นอกเห็นใจเทาเท่ เธอบ่นอย่างไม่พอใจ “เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาน่าขยะแขยงแค่ไหน!”
นานิรีบแก้คำพูดทันที “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันเพียงแค่เห็นใจเขานิดหน่อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขากับเธอตั้งแต่แรก ตอนนี้เธอก็ไม่สนใจเขาแล้วนี่”
หลินจือรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
หลังจากพูดคุยโทรศัพท์กับนานิจบลง เธอได้รับข้อความจากคลีนส่งผ่านมาทางโทรศัพท์มือถือ ‘ที่คอของประธานเทาเท่ คุณเป็นคนข่วนมันรึเปล่า’
“ในที่ประชุมหลายคนถามว่าเขาถูกแมวข่วนมารึเปล่า ครั้งสุดท้ายไม่ใช่ว่าเขาถูกเจ้าเล็กข่วนที่หลังมือหรอกเหรอ”
‘ท้ายที่สุดเขาจึงบอกมาว่า เขาถูกผู้หญิงข่วนมา’
“คุณก็รู้ คำพูดนี้ค่อนข้างคลุมเครือ กลุ่มผู้บริหารระดับสูงในบริษัทเราเกือบลืมหัวข้อการเปิดประชุม เพราะพยายามถามไม่หยุดว่าผู้หญิงของท่านประธานเทาเท่เป็นใคร”
หลินจือ “…”
เขาจำเป็นต้องไร้ยางอายขนาดนี้ไหม?