อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 264 ไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเอง
หลินจือปฏิเสธข้อเสนอของเทาเท่ ดวงตาของเทาเท่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
แต่ในวินาทีถัดมาเขาก็พูดว่า “งั้นรอโนอาห์ไปแล้ว คุณก็ต้องพาฉันไปเล่นที่อื่นด้วย”
พูดถึงเรื่องนี้ เขากับหลินจือไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลย อย่าว่าไปเที่ยวเลย ไม่เคยแม้แต่จะไปแช่น้ำพุร้อนใกล้ๆ หรือตีกอล์ฟด้วยกันในวันหยุด
เขามักจะเดินทางไปทำงานทั่วโลก ตอนนั้นเธออยู่ที่บ้านเฉยๆ เขาจะพาเธอไปทำงานด้วยก็ได้ แต่เสียดายที่ตอนนั้นเขาไม่ยอมรับเธอเลยสักนิด เป็นไปไม่ได้ที่จะพาเธอไปด้วย
คิดถึงนี่ เทาเท่แทบรอไม่ไหวที่จะย้อนเวลากลับไปในอดีต ต่อยตีตัวเองในตอนนั้นให้เขต ต่อยให้ตื่นเลยก็ดี
หลินจือรู้สึกว่าข้อเสนอของเทาเท่ไม่สมเหตุสมผลเลย “ตรรกะอะไรของคุณ?”
เทาเท่พูดอย่างเย็นชา “คุณต้องยุติธรรมสิ คุณดูแลพาโนอาห์เที่ยวเมืองเจสเวิร์ด ก็ต้องไปเที่ยวกับฉันด้วย”
หลินจือรู้สึกคำพูดเขาเหมือนเป็นการแย่งความรัก ช่างปัญญาอ่อนไร้เดียงสา
เธอดูแลโนอาห์ เป็นแค่มารยาท เขาจำเป็นที่จะเลียนแบบเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?
แต่เธอยังคงยักคิ้วถามเขาว่า “คุณแน่ใจเหรอว่าจะไปเที่ยวกับฉัน?”
เทาเท่พยักหน้าโดยไม่ลังเล “แน่ใจ”
หลินจือเหลือบมองเขาและพูดเบาๆ “ในนิยายเรื่องFortress BesiegedของคุณQian zhongshuเขียนว่า:การเดินทางสามารถบอกได้ดีที่สุดว่าคนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ หลังจากนั่งรถเหนื่อยๆทั้งเดือน ทั้งสองฝ่ายยังดูไม่ออกไม่รังเกียจไม่ทะเลาะกัน และยังคงรักษาสัญญาการแต่งงานตามเดิม รับประการได้ว่าสามีภรรยาแบบนี้จะไม่หย่ากัน”
หลังจากที่หลินจือพูดจบ “หวังดี” เตือนเทาเท่ไปหนึ่งคำ “ถึงตอนนั้นยังไม่ทันเที่ยวเสร็จพวกเราก็ทะเลาะกันก่อน คุณอย่ามาเสียใจ”
หลินจือกำลังคิด คำพูดของคุณQian zhongshuก็มีเหตุผลมาก ทำไมไม่ลองออกไปเที่ยวกับเทาเท่สักครั้ง บางทีพวกเขาอาจเข้ากันจริงๆ
ถึงตอนนั้นเวลานั้นเทาเท่ก็จะเลิกหมกมุ่นอยู่กับเธอ และเธอ ก็จะไม่ต้องเหนื่อยกับความสัมพันธ์นี้อีกต่อไป
เทาเท่กับหลินจือไม่ได้คิดไปในทางเดียวกันเลย เขาแค่โอบเอวเธอแน่นแล้วถามอย่างจริงจังว่า “ถ้าไปเที่ยวกลับมาแล้วพวกเรายังไม่จบกัน คุณจะยอมแต่งงานกับฉันใหม่ไหม”
หลินจือกัดฟันพูด “คุณคิดมากไปแล้ว”
“ที่คุณQian zhongshuพูด ใช้ได้กับคนที่ยังไม่แต่งงานและกำลังเตรียมจะแต่งงานเท่านั้น และพวกเรา ที่แต่งงานแล้วหย่าร้าง ไม่เหมาะสม อย่างมากก็แค่ดูว่าพวกเราจะเข้ากันได้หรือไม่แค่นั้น?
เธอจะตกลงแต่งงานใหม่เพียงเพราะการเดินทางไปเที่ยวร่วมกันยังไง?
เคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง สำหรับเขา การแต่งงานเป็นเรื่องที่เธอจะไม่มีง่ายๆแน่นอน ไม่งั้นเธอก็คงไม่พูดกับเทาเท่ใช้แต่อวัยวะไม่ใช้หัวใจอะไรแบบนี้
ถึงแม้เทาเท่จะไม่พอใจกับคำตอบของเธออย่างมาก แต่เขาก็ต้องยอมรับ “ตกลง ฟังคุณทั้งหมด”
ไม่ว่ายังไง เธอยอมตอบตกลงที่จะเดินทางสองต่อสองกับเขาได้ เขาก็พอใจมากแล้ว
เขารู้ดีว่าเขารีบร้อนเกินไปไม่ได้ เขาเคยทำเธอเสียใจ ก็ต้องให้เขาค่อยๆซ่อมแซมหัวใจที่แตกสลายไป
หลินจือก็คิดไม่ถึง ทั้งสองคนจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เทาเท่ก็ถือว่าทำตามในสิ่งที่เขาพูด
เมื่อคุยทุกอย่างเสร็จแล้ว งั้นเธอก็คงเอ่ยปากไล่คนแล้ว “เสร็จแล้ว คุณไปได้แล้ว”
เทาเท่ทำหน้าไม่อยากจากไป หลินจือรู้สึกหมดหนทาง “คุณอยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้ มันสนุกเหรอ?”
ตอนนี้เธอกำลังเป็นเมน แค่อยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆ
“ใครบอกว่าทำอะไรไม่ได้?” หลังคำพูดของเทาเท่จบลงก็ก้มลงไปกอดหลินจือขึ้นมาทันที
หลินจือตกใจ รีบเอาแขนเกาะคอของเขา “คุณทำอะไร?”
ในห้องนอน ขณะที่หลินจือถูกเทาเท่จับไว้ เธอก็รู้ว่าสักทีคำพูดของเขาหมายถึงอะไร เธอก็โกรธมากจนเกือบจะระเบิด
จากนั้นเทาเท่ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ หลินจือก็ออกจากห้องนอนไปด้วยความโกรธ ไปนอนที่ห้องรับแขก
เทาเท่ออกมาจากห้องอาบน้ำต้องไม่พอใจเป็นธรรมดา แล้วเคาะประตูห้องรับแขกตั้งนานหลินจือก็ไม่สนใจเขา เขาทำได้แค่กลับไปที่ห้องนอน และนอนคนเดียวทั้งคืน
หลินจือเคยชินกับการตื่นแต่เช้า แต่เช้าวันที่สองตอนที่เทาเท่ตื่นขึ้นมากลับไม่เห็นคนเลย
เขาคิดจะไปโชว์ฝีมือที่ห้องครัวสักหน่อย ทำอาหารเช้าเสร็จค่อยเรียกเธอ
เมื่อวาน เขาไปฝึกทำอาหารง่ายๆกับเชฟของร้านอาหารของโซเมน เขาทำอาหารยากๆโดยตรงไม่ได้แน่นอน พวกเขาแค่สอนความรู้พื้นฐานในการทำอาหารให้เขาก่อน
เขาเป็นคนขอเริ่มเรียนอาหารเช้าง่ายๆ ทำตรงหน้าให้ดีก่อน
รอเขาทำอาหารเช้าเสร็จนำไปที่โต๊ะ หลินจือยังไม่ตื่น
เขาเคาะประตูห้องนอนรับแขกด้วยความห่วงใย “หลินจือ? ตื่นขึ้นมากินข้าวแล้ว”
มีเสียงเบาๆของหลินจือออกมาจากข้างใน “คุณกินก่อนเถอะ ฉันจะนอนอีกสักครู่”
เทาเท่คิดได้ว่าเมื่อก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาใช้เมนมาในการอ้างเพื่อปฏิเสธไปเชิญนิปปอนกับเขา ตอนนั้นควีนบอกว่าผู้หญิงจะไม่สบายในช่วงนั้นของเดือน
คิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “คุณไม่สบายหรือเปล่า?”
หลินจือคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดาถูก จริงๆเธอไม่ได้ไม่สบายขนาดนั้น แค่ปวดท้องนิดๆน้อยๆ แล้วก็ขี้เกียจไม่อยากขยับตัวแค่นั้น
เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่เมนมาแล้วปวดจะเป็นจะตายเหล่านั้น เธอถือว่าโชคดีมาก แค่วันแรกจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่หลังๆก็จะค่อยๆดีขึ้น
ไม่คิดเลยเทาเท่ที่อยู่ข้างนั้นเป็นห่วงอย่างกับอะไร เคาะประตูอยู่นั่นแหละ “คุณเปิดประตูหน่อย”
หลินจือถูกเขากวนจะตาย จนต้องลุกจากเตียงไปเปิดประตูให้เขา
เทาเท่เข้ามาก็ถามเธอด้วยความห่วงใย “คุณจะไปโรงพยาบาลไหม?”
หลินจือมองเขาอย่างกับว่าเขาเป็นบ้า พูดอย่างหมดหนทาง “ถ้าคุณให้ฉันอยู่เงียบสักครู่ ฉันจะดีขึ้นเร็วกว่านี้”
เธอพูดจบเธอก็กลับไปนอนลงบนเตียงอีกครั้ง เทาเท่ที่ถูกรำคาญก็พูดตรงๆ “สภาพนี้คุณยังจะดูแลต้อนรับโนอาห์เหรอ? บอกเขาไม่ต้องมาแล้ว”
หลินจือไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เขาก็ไม่ใช่มาตอนนี้ อีกตั้งหลายวัน”
ถึงตอนนั้น เมนของเธอก็ใกล้หมดแล้ว ก็จะไม่มีอาการอะไรแล้ว ก็เขาไม่อยากให้โนอาห์มา ดังนั้นเขาเลยหาข้ออ้างบ่น
แผนการของเทาเท่ไม่สำเร็จ กัดฟันลับๆ เปลี่ยนน้ำเสียงอ่อนโยนพูดว่า “ฉันไปยกอาหารเช้ามาให้คุณ คุณกินเสร็จก็นอนต่อ”
หลินจือพึ่งคิดได้ว่าที่เขาเคาะประตูเพื่อเมื่อกี้คือเรียกเธอกินอาหารเช้า อดไม่ได้ที่จะตกใจแล้วถามว่า “คงไม่ใช่อาหารเช้าที่คุณนะ?”
“แน่นอน” เทาเท่พูดอย่างจริงจัง “ฉันบอกแล้วฉันจะเรียนทำอาหาร เมื่อวานฉันเรียนกับเชฟที่ร้านอาหารของโซเมนมาบ้าง วันนี้ฉันจะหาเวลาว่างไปเรียน”
หลินจือมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแตกต่างไปจากเดิมอย่างกันคนละคน ไม่ว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหน
คิดไปคิดมาเธอก็หลับตาลงพูดเบาๆว่า “เทาเท่ จริงๆคุณไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองน้อยใจแบบนี้”
เขาคนที่สูงส่งและหยิ่งยโสแบบนั้น ตอนนี้กลับถ่อมตนต่อหน้าเธอ ยังจะเรียนทำอาหารอะไร พูดออกไปเขาไม่กลัวขายหน้าเหรอ?