อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 29 หลินจือไม่ปรากฏตัวในที่ประชุม
วันรุ่งขึ้นเวลาเก้าโมงเช้า ห้องประชุมเบลดิ้ง
นี่เป็นการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโปรเจกต์ละครแนวย้อนยุค”The Legend of Concubine Rong “ตามหลักแล้วบุคคลสำคัญอย่างผู้ลงทุน ผู้กำกับ และผู้เขียนบทต้องเข้าร่วมประชุมด้วย
โดยเฉพาะผู้เขียนบท เธอเป็นตัวเอกของวันนี้ เธอต้องมาแนะนำกับทุกคนถึงโครงเรื่องและทิศทางขั้นตอนในการทำงานว่าจะเป็นไปในแนวทางใด
ในตอนที่เทาเท่กับซูซีปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน คิ้วของเจเทาวน์ก็เลิกขึ้นจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเป็นการต้อนรับ
โดยเฉพาะกับการต้อนรับซูซี เจเทาวน์ยิ้มอ่อนและซ่อนความหมายบางอย่างในคำพูด“คุณซูซีคงไม่ใช่ว่านึกสนใจละครของเราหรอกนะครับ?”
ซูซีคล้องไปที่แขนของเทาเท่ ภายใต้การแต่งหน้าที่งดงามเผยรอยยิ้มที่สง่า “คนที่ห่างหายจากวงการมานานแล้วอย่างฉัน ยังจะมีความสนใจอะไรได้อีกละค่ะ ฉันแค่มาเป็นเพื่อนกับเทาเท่ค่ะ”
ในขณะที่พูดซูซีก็มองไปรอบๆบริเวณห้องประชุม มองหาหลินจืออย่างเงียบ ๆ
เจเทาวน์เหลือบมองซูซีแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรต่อหันหลังแล้วเชิญเทาเท่กับซูซีนั่งลง
ในขณะที่เทาเท่นั่งลงก็ชำเลืองมองไปที่นาฬิกาข้อมือ เข็มของนาฬิกาใกล้จะชี้ไปยังเวลาประชุมแล้ว แต่นักเขียนบทบางคนกลับยังไม่เห็นแม้เงา
ผ่านไปสิบนาที การประชุมก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ และหลินจือก็ยังไม่ปรากฏตัว
เจเทาวน์ลุกขึ้นและกล่าวขอโทษกับทุกคน “ทุกๆท่าน ต้องขอโทษด้วยที่นักเขียนบทของเราวันนี้มาร่วมด้วยไม่ได้ ในส่วนของบทละครผมจะเป็นคนแนะนำกับทุกคนเอง ”
สีหน้าของเทาเท่มืดมนลงเล็กน้อย นี่เธอเห็นที่ทำงานเป็นตลาดหรือยังไง ? ไม่อยากมาก็ไม่มา?
สีหน้าของเทาเท่ดูไม่สบอารมณ์ คนอื่นๆต่างก็พากันคัดค้านด้วยเช่นกัน
ซูซีที่นั่งอยู่ข้างๆเทาเท่ก็หัวเราะเหอะๆแล้วพูดออกมาคำหนึ่ง“ไม่ใช่แล้วมั้งค่ะประธานเจเทาวน์ นี่เป็นการประชุมนัดแรกของโปรเจกต์นี้ นักเขียนบทของพวกคุณก็เบี้ยวนัดเอาซะแล้ว นี่มันใช้ได้เหรอคะ?”
เจเทาวน์อธิบายด้วยรอยยิ้ม“เธอไม่ได้เบี้ยวนัดหรอกครับ เกิดอุบัติเหตุกับเธอขึ้นนิดหน่อย”
ทันทีที่เจเทาวน์พูดคำว่าอุบัติเหตุออกมา ก็เห็น เทาเท่ที่อยู่ตรงหน้าขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
อุบัติเหตุ ?
เมื่อวานข้อมือเธอที่ถูกกาแฟลวกก็เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ ?
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธออีก ?
และคำพูดอธิบายว่าเกิดอุบัติเหตุของเจเทาวน์ ก็ทำเอาซูซีหน้าถอดสี เพราะเห็นชัดว่าคำถามเมื่อครู่ของเธอนั้นมันดูก้าวร้าวและคุกคามมาก
เทาเท่จะรู้สึกหรือเปล่าว่าเธอจงใจตั้งแง่กับหลินจืออยู่?
เพราะในสายตาของเทาเท่ภาพลักษณ์ของเธอเป็นคนใจกว้างและมีเหตุมีผลมาโดยตลอด เธอไม่อยากให้เทาเท่มองว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัวและแล้งน้ำใจ
หลังจากที่เจเทาวน์อธิบายจบก็เดินไปด้านหน้าเปิดภาพประกอบคำอธิบายเพื่อใช้ในการนำเสนองาน ทันทีที่หลินจือรู้ตัวว่าตัวเองคงมาไม่ทันก็รีบติดต่อมาหาเขาทันที แล้วยังได้ส่งงานที่จะนำเสนอมาให้เขาผ่านทางคอมพิวเตอร์
จู่ๆเทาเท่ก็ถามขึ้นว่า“ นักเขียนบทของพวกคุณไม่ได้บอกเหรอว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นถึงมาไม่ได้?”
มือที่อยู่ใต้โต๊ะของซูซีก็กำกันแน่น แม้คำถามของเทาเท่จะเป็นคำถามทั่วๆไป แต่เธอก็กลับรู้สึกว่าเทาเท่ กำลังเป็นห่วงหลินจืออยู่
ซูซีก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกแบบนี้ เห็นชัดว่าเมื่อก่อนเทาเท่ไม่เคยไยดีกับหลินจือเลย แต่สัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นช่างแม่นยำจริงๆ
ร่างที่สูงโปร่งของเจเทาวน์ยืนอยู่หน้าเวที ตอบกลับเขาอย่างไม่เดือดไม่ร้อนไปว่า“ ผมไม่ได้ถามครับ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพนักงาน ผมเลือกที่จะเคารพ และเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาบอก”
อันที่จริงแล้ว เจเทาวน์รู้ว่าทำไมหลินจือถึงมาไม่ทัน
วันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่หลินจือ สุสานของแม่หลินจือตั้งอยู่ในชนบทแถบชานเมือง เมื่อคืนเธอรีบเดินทางไปที่นั่น คิดเอาไว้ว่าหลังจากที่ไหว้เสร็จในช่วงเช้าก็จะรีบเดินทางกลับเพื่อเข้าร่วมประชุม
ไม่คิดว่าจะมีฝนตกชุกในฤดูร้อน ระหว่างที่นั่งรถกลับจากชานเมืองรถบัสที่หลินจือนั่งมาล้อรถลื่นไถลและพลิกคว่ำจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ
แม้หลินจือจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่รถพยาบาลก็นำตัวทุกคนบนรถบัสส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจร่างกาย จึงทำให้เธอกลับไปไม่ทันเวลาที่นัดหมายเอาไว้