อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 43 เจอกันงานเลี้ยง
หลินจือเปลี่ยนเป็นชุดบางสบาย จะไปซื้อของที่ซูเปอร์ เพื่อเตรียมพร้อมให้เธอที่จะเก็บตัวเขียนบท
แต่ตอนเธอจะออกไปก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง คนที่โทรมาคือควีน
ควีนเป็นผู้ช่วยพิเศษของเทาเท่อีกคน กับคิงแล้วเขาสองคนเป็นมือซ้ายมือขวาของเทาเท่
ควีนกับคิงเป็นฝาแฝดชายหญิง ได้ยินว่าทั้งสองคนมาจากครอบครัวยากจนบนเขา เป็นมูลนิธิการกุศลที่อยู่ภายใต้ฟอเรนากรุ๊ปให้ทุนสนับสนุนพวกเขาสองคนจนเรียนจบและไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อเป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยม
ทั้งสองเรียนจบก็เข้าร่วมฟอเรนากรุ๊ป ทั้งคู่ตั้งใจทำงานเพื่อฟอเรนากรุ๊ป
นิสัยของควีนเป็นคนเงียบและเก็บตัว และบ้างานสุดๆ เทาเท่มีงานสำคัญมากมายที่มอบให้ควีนจัดการ
ในสายควีนชวนหลินจืออย่างแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัว:“คุณหลินจือ พวกเรามาเจอกันแล้วคุยเรื่องโครงการนี้หน่อยดีกว่า วันนี้ฉันเพิ่งรับงานมา มีหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจค่ะ”
หลินจือตอบอย่างดีใจ:“ได้สิ”
เมื่อก่อนตอนที่เธอยังเป็นสะใภ้ตระกูลฟอเรนาก็คบค้าสมาคมกับควีนบ่อยๆ ความสัมพันธ์กับควีนนั้นไม่เลวเลย
ควีนพูดอีกว่า:“งั้นคุณกำหนดเวลากับสถานที่เลยค่ะ”
หลินจือกำลังจะไปห้างพอดี ดังนั้นเลยบอกร้านกาแฟที่ห้างนั้นไป ทั้งสองนัดเจอกันอีกยี่สิบนาที
ควีนเรียบร้อยเหมือนเคย หลินจือนั่งแล้วก็ทักทายเธอเบาๆด้วยรอยยิ้ม:“ไม่เจอกันนานเลยนะ เธอสวยขึ้นเยอะเลย”
ควีนกลับมองเธออย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงพูดจากความรู้สึก:“แต่คุณกลับมั่นใจมากขึ้น”
คำพูดของควีนทำให้หลินจือตะลึงเล็กน้อย ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปชัดขนาดนี้เลยเหรอ?
แค่คิดก็จะรู้ว่าเมื่อก่อนเธอน่าอับอายและต่ำต้อยมากแค่ไหนที่อยู่ภายใต้ความรังเกียจของเทาเท่
นึกถึงตรงนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ไปจากคนที่มีความผิดพลาด จบสิ้นความสัมพันธ์ที่ผิดพลาด ก็เท่ากับใช้ชีวิตใหม่”
ควีนขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนเธอมาเจ้านายของตัวเองกำชับแล้วว่า ต้องรายงานทุกคำพูดของพวกเธอให้เขา
คำพูดพวกนี้ที่หลินจือเพิ่งพูดไป เธอไม่รู้ว่าต้องรายงานไหม
หลังจากทั้งสองคุยกันและเข้าสู่สถานการณ์ทำงาน ก็มองออกว่าต่อไปควีนจะต้องรับโครงการนี้ทั้งหมดจริงๆ หินก้อนใหญ่ในใจหลินจือก็วางลง
แค่ไม่เจอเทาเท่ เธอก็สามารถอยู่ห่างถูกผิดทุกอย่างได้แล้ว
หลังจากคุยเสร็จควีนก็หยิบครีมสองกล่องออกมาจากในกระเป๋าให้หลินจือ:“ได้ยินว่าแขนคุณบาดเจ็บ ฉันมีครีมอยู่สองสามอันที่ใช้ดีมาก เป็นยาที่รักษาผิวได้ดีหมดเลย”
หลินจือคิดไม่ถึงว่าควีนจะใส่ใจเอายาให้เธออย่างนี้ ถึงแม้โจมอนก็ให้เธอมาสองกล่องแล้ว แต่เธอไม่อยากทำลายความปรารถนาดีของควีน ดังนั้นจึงรับมา:“ขอบคุณนะ”
ควีนส่ายหน้า:“ไม่เป็นไรค่ะ”
หลินจือพูดอีกว่า:“มีอีกเรื่อง ต่อไปพวกเราเป็นพันธมิตรกัน เธออย่าเรียกฉันว่าคุณอะไรเลย แบบนี้ไม่เหมาะสม”
เมื่อก่อนเธอคือสะใภ้ตระกูลฟอเรนาดังนั้นควีนเรียกเธอว่าคุณด้วยความสุภาพเสมอ แต่ตอนนี้พวกเธอเป็นเพียงพันธมิตรกันเฉยๆ ควีนใช้คุณกับเธอ เลยไม่เหมาะสักนิด
ควีนคิด แล้วก็พยักหน้าตอบไป:“ได้ค่ะ”
เพราะว่าหลินจือยังต้องไปซื้อของ ดังนั้นเลยลุกขึ้นแล้วบอกลา
หลินจือไปแล้ว ควีนจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความ:“ประธานเทาเท่ เอายาให้แล้วค่ะ”
จากนั้นควีนก็รายงานผลที่คุยกับหลินจือให้เทาเท่ฟัง ทุกอย่างราบรื่นเป็นอย่างดี
สุดท้ายควีนไม่ได้เอาคำที่หลินจือบอกว่าเทาเท่เป็นคนที่ผิดพลาดบอกเทาเท่ เพราะคิงบอกเธอว่า เขาคิดว่าเจ้านายพวกเขาดูเหมือนจะยังไม่ลืมหลินจือที่เป็นภรรยาเก่าเท่าไหร่นัก รวมกับก่อนที่เธอมาเทาเท่ให้เธอเอาครีมให้หลินจือในนามของเธอ เธอจึงคิดว่าที่คิงวิเคราะห์ก็มีเหตุผล ดังนั้นเธอจึงระวังเล็กน้อยดีกว่า
หลินจือซื้อของเสร็จกลับไปแล้วจึงเริ่มเขียนบทอย่างตั้งใจ โครงร่างได้แล้วก็ต้องให้รายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทพูดของตัวละครที่ต้องใช้ความคิดอย่างรอบคอบมากขึ้น
เธอหมกตัวอยู่ในบ้านประมาณสามวัน จากนั้นได้รับสายของเจเทาวน์ ว่าคืนนี้ผู้กำกับจัดงานเลี้ยงกินข้าวร่วมกัน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของทุกคน
และก็ไม่รู้ว่าเจเทาวน์จงใจหรือว่าไม่ตั้งใจ ยังบอกอีกว่าเทาเท่จะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ เพราะว่ามอบงานให้ควีนแล้ว งั้นก็ต้องเป็นควีนที่เข้าร่วมงานนี้
หลินจือได้ยินก็ตกลง ผู้กำกับเรื่องนี้มีชื่อเสียงมาก เก่งเรื่องละครพีเรียดเป็นพิเศษ ผู้กำกับอยู่ด้วยก็สามารถคุยกับผู้กำกับเกี่ยวกับพล็อตด้วยพอดี
ที่จริงหลินจืออยากเรียกรถไป สุดท้ายเจเทาวน์บอกว่าเขาผ่านมาพอดีเลยจะมารับเธอไปด้วยกัน เธอปลีกตัวไม่ได้จึงตกลงไป
เนื่องจากไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นทางการ ดังนั้นหลินจือจึงสวมชุดชิลๆ
กางเกงยีนเอวสูงกับเสื้อตัวสั่นสีดำที่เป็นที่นิยม เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก ทั้งสวยและเท่
เจเทาวน์มารับเธอแล้วจึงชมเธอด้วยรอยยิ้ม:“สวมแบบนี้สวยมาก ดูสาวและสวย”
ถูกเจเทาวน์ชมแบบนี้ หลินจือจึงเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อก่อนตอนเธอคบกับเทาเท่ จะแต่งตัวอย่างสุภาพเรียบร้อย มีเลียนแบบซูซีบ้าง
ตอนนั้นเธอคิดว่าเทาเท่ชอบผู้หญิงสไตล์ซูซี ดังนั้นสัญชาตญาณการแต่งตัวจึงเป็นตามนั้น
ที่จริงเธอไม่ชอบสวมรองเท้าส้นสูงสักนิด ไม่ชอบสวมกระโปรง เธอชอบรองเท้าผ้าใบ และชอบใส่เสื้อผ้าสบายๆ
พอทั้งสองไปถึงร้านอาหารก็เข้าไป ข้างในรถที่ขับเข้าไปในลานจอดรถด้านหลังพวกเขา ดวงตาของเทาเท่จ้องร่างผอมเพรียวและเอวขาวๆที่เผยออกมาครึ่งหนึ่งตรงหน้าอย่างหม่นหมองเล็กน้อย แล้วความโกรธก็ปกคลุมตัวเขาอย่างไม่รู้ตัว
พอหย่าเธอก็มีอิสระลองสิ่งใหม่ๆเลยเหรอ?
สวมชุดเผยเอวครึ่งหนึ่งแบบนั้น ในห้องเย็นๆ ไม่กลัวแข็งจนปวดเอวเหรอ?
และก็ หุ่นที่เอวเป็นเอวสะโพกเป็นสะโพกของเธอนั้น มองจนเขารู้สึกคอแห้ง จนต้องนึกถึงความบ้าคลั่งและรุนแรงของพวกเขาสองคนก่อนที่จะหย่ากันอย่างไม่ตั้งใจ
เธอที่เป็นฝ่ายรุกอย่างกระตือรือร้นสุดๆ และเป็นข้อห้ามและความลึกลับที่บ้านหลังเก่า
เทาเท่ยกมือขึ้นและปลดกระดุมที่คอ บรรเทาอารมณ์อันหงุดหงิด นี่เขาน่าจะไม่มีปัญหาในชีวิตด้านไหนๆเลยในหนึ่งปีนี้ ดังนั้นจึงคิดเพ้อเจ้อกับภรรยาเก่า
ควีนที่อยู่ข้างๆก็เตือนเขาได้ประจวบเหมาะ:“ประธานเทาเท่ พวกเราถึงแล้วค่ะ”
เทาเท่ได้สติคืนมา ปลดเข็มขัดนิรภัยและลงจากรถพร้อมกับควีนเข้าไปร้านอาหารด้วยกัน
หลินจือกับเจเทาวน์ถึงห้องส่วนตัวแล้วผู้กำกับที่เป็นเจ้าภาพก็ถึงแล้ว และยังมีผู้ช่วยผู้กำกับสองคนรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ
เพราะครั้งที่แล้วเธอไม่ได้เข้าร่วมประชุม ดังนั้นเจเทาวน์จึงพาเธอไปรู้จักคนสองสามคน
เพิ่งทักทายจบลง ก็เห็นประตูห้องส่วนตัวถูกคนเปิดออก หลินจือหันไปก็เห็นเทาเท่ก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา
คิ้วชายหนุ่มดูเคร่งขรึม มีออร่าที่แข็งแกร่ง
เขาสวมเชิ้ตขาวกางเกงสีดำธรรมดา ร่างสูงเพรียว
เนื่องจากไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นทางการ ดังนั้นคอเสื้อเขาจึงปลดกระดุมเล็กน้อย พอมองก็เห็นลูกกระเดือกแสนเซ็กซี่ของเขา ทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นที่อยากครอบครองเขาต่างคิดเพ้อเจ้อ
แต่ว่าหลินจือไม่รู้สึกเคลิบเคลิ้มใดๆ เธอแค่คิดว่าอารมณ์ดีๆของเธอหายไปทันที