อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 44 มือลามกในที่ทำงาน
หลินจือมองไปที่เจเทาวน์ที่อยู่ข้างๆด้วยสายตาสอบถาม เจเทาวน์ทำท่าช่วยอะไรไม่ได้ไปให้เธอ หมายความว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเทาเท่มาได้ไง
ผู้กำกับนามสกุลบรูคส์ ชื่อเนมาเขาได้ตอบสนองได้เร็วกว่าหลินจือกับเจเทาวน์ เห็นเทาเท่เข้ามาแล้วสิ่งแรกก็ยิ้มอย่างต้อนรับ:“ประธานเทาเท่ คิดไม่ถึงว่าคุณจะมางานเลี้ยงเองกับตัว แขกคนสำคัญเลยแขกคน”
เทาเท่จับมือกับผู้กำกับอย่างเรียบง่าย:“ผู้กำกับเนมาจัดแน่นอนว่าต้องมา”
หลังจากพวกผู้กำกับทักทายกับเทาเท่แล้วเจเทาวน์จึงพาหลินจือมาข้างหน้า แม้ว่าครั้งที่แล้วเจเทาวน์กับเทาเท่คุยกันอย่างไม่ราบรื่นนัก แต่ในเมื่อโครงการนี้ร่วมมือต่อไป พวกเขาจึงได้แต่เปลี่ยนสงครามมาเป็นสันติภาพ
เจเทาวน์ทักทายเทาเท่ด้วยรอยยิ้มบางๆ สุดท้ายหลินจือก็ต้องเผชิญหน้ากับเทาเท่
เธอจำต้องเอาความเป็นเด็กใหม่ในที่ทำงานของตัวเองมาทักทายเทาเท่ด้วยความเคารพและระมัดระวังตัวที่สุด:“ประธานเทาเท่ สวัสดีค่ะ”
นอกจากควีนกับเจเทาวน์แล้ว คนอื่นก็ไม่รู้อดีตของหลินจือกับเทาเท่
ผู้กำกับพูดแทรกอยู่ข้างๆ พูดจายิ้มแย้มกับเทาเท่:“ประธานเทาเท่ ครั้งที่แล้วนักเขียนบทหลินจือของเรามีธุระเลยไม่ได้มา วันนี้ได้เจอแล้วคิดไม่ถึงว่าจะสาวและสวยขนาดนี้ ต่อไประหว่างที่พวกเราทำงานก็จะมีสาวสวยให้ชื่นชม ก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว”
ผู้กำกับคิดว่าประโยคของตัวเองนั้นกำลังชมหลินจือ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รับสายตาอันเย็นชาจากเทาเท่
ที่เทาเท่จ้องผู้กำกับ เพราะเขารู้สึกว่าผู้กำกับคนนี้พูดอะไรว่าต่อไประหว่างที่ทำงานก็จะมีสาวสวยให้ชื่นชมแล้วมันดูลามก
เขายื่นมือไปกุมมือเรียวยาวที่หลินจือยื่นออกมาก่อน แล้วพูดกับหลินจืออย่างสบายๆ:“ได้ยินว่านามปากกาของนักเขียนบทหลินจือคือฟิลคูล มือนี้ก็เย็นจริงๆเลย หรือว่าสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นไป?”
หลินจือคิดว่าเทาเท่นั้นโรคจิต เขากระแนะกระแหนที่เธอสวมชุดทำไม?เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยเหรอ?
เอามือของตัวเองคืนมาเธอก็พูดยิ้มๆไปว่า:“ประธานเทาเท่ล้อเล่นเก่งจังนะคะ”
ผู้กำกับพูดเสริมอยู่ข้างอีกว่า:“ประธานเทาเท่นี่ไม่เข้าใจอะไรเลยนะครับ ตอนนี้สาวๆก็ชอบสวมแบบนี้กันทั้งนั้น ดูเอวเล็กๆนี้สิ”
ผู้กำกับคนนั้นพูดก็พยายามเอื้อมมือไปแตะเอวของหลินจือ จากนั้นสีหน้าหลินจือก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถอยไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ
แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการในที่ทำงาน แต่ก็เคยได้ยินและเคยเห็นเรื่องมือลามกในที่ทำงานหลายๆคน นานิก็เคยบ่นกับเธอว่าผู้ชายน่ารังเกียจอย่างผู้กำกับผู้ช่วยผู้กำกับหลายๆคนและนักแสดงชายบางคนชอบเอาเปรียบนักแสดงสาวกัน
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองที่เป็นแค่คนเขียนบทตัวเล็กๆจะมาเจอเรื่องแบบนี้ในวันนี้ได้ เธอเลยตกใจ และก็โกรธมากด้วย
ยังดีที่เธอหลบไว ไม่งั้นก็คงถูกผู้กำกับคนนั้นแตะไปแล้วจริงๆ เธอต้องขยะแขยงแน่
แต่ขยะแขยงหรือโกรธไปก็ทำอะไรไม่ได้ สถานการณ์นี้เธอต้องอยู่ต่อไป
ที่สำคัญที่สุดคือมือของผู้กำกับพวกนั้นสัมผัสเธอไม่ได้ ถึงเธออยากสู้กลับก็ไม่ค่อยเหมาะสม
ผู้กำกับคนนั้นเห็นเธอหลบ ก็อายเล็กน้อย ยังไม่ทันพูดอะไรอีก จู่ๆด้านบนศีรษะก็มีสายตาอาฆาตส่องมาที่เขา เขาเงยมองไป ก็สบตาเข้ากับใบหน้าอันร้ายกาจของเทาเท่ เขาตกใจจนต้องหัวเราะเหอะเหอะออกมา
เจเทาวน์ก็ผ่อนคลายบรรยากาศได้ประจวบเหมาะ:“ในเมื่อมากันครบแล้ว งั้นพวกเรานั่งกันเถอะครับ”
แน่นอนว่าเจเทาวน์ก็รู้สึกโมโหและหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเนมาคนนี้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ใครก็ทำอะไรไม่ได้
ตอนจัดที่นั่งหลินจือนั่งกับควีน เว้นระยะกับเนมา
หลังจากงานเลี้ยงเริ่มขึ้นก็เป็นช่วงที่พวกผู้ชายชนแก้ว หลินจือก้มหน้ากินอาหารเงียบๆ
เดิมทีเธอมีความชื่นชมในตัวผู้กำกับคนนี้มาก และคืนนี้ยังอยากขอให้เขาช่วยสอนหลายๆอย่างด้วย การสื่อสารของผู้กำกับกับคนเขียนบทนั้นสำคัญมาก เพราะว่าตอนที่คนเขียนบทเขียนบางฉากจำเป็นต้องถามผู้กำกับว่ามันจะได้ไหมตอนถ่ายทำจริง
แต่เพราะผู้กำกับคนนั้นปรากฏมือลามกออกมา ตอนนี้เธอเลยหมดอารมณ์
ยิ่งไปกว่านั้นยังปวดหัวหน่อยๆ ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำงานกับผู้กำกับคนนี้อย่างไร
แต่หลินจือที่นั่งกินเงียบๆพบว่าเหมือนว่าทุกครั้งที่มีอาหารเกี่ยวกับเนื้อวัววเนื้อแกะหมุนมาตรงหน้าเธอ มักจะมีคนหมุนไปทันก่อนเสมอ
หลินจือเงยมองไปที่เทาเท่ ก็เห็นว่านิ้วเรียวยาวของเขากำลังกดหมุนไปที่โต๊ะกลม
ตอนที่เธอมองไปเทาเท่ก็ยกเปลือกตาขึ้นอย่างเกียจคร้านแล้วมองไปที่เธอ หลินจือกัดริมฝีปากแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อไป
ดูเหมือนว่าครั้งที่แล้วที่เธอกระแนะกระแหนเขาจะได้ผลดี เขาก็จำได้ว่าเธอกินเนื้อวัวเนื้อแกะไม่ได้
หลังจากดื่มไปสามรอบ ผู้กำกับคนนั้นก็ยกแก้วมาพูดกับหลินจือ:“นี่หลินครั้งที่แล้วพวกเราประชุมกันคุณก็ขาดไป ถึงจะบอกว่าคุณมีเหตุผล แต่วันนี้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วยังไงคุณก็ต้องถูกทำโทษด้วยเหล้าสักแก้วนะ”
หลังจากผู้กำกับพูดจบเทาเท่กับเจเทาวน์ก็มองไปที่เขาพร้อมกัน สายตาของทั้งสองมีความตักเตือนเบาๆและไม่ยินดีนัก
เหมือนผู้กำกับคนนั้นจะสังเกตอะไรได้ จึงเก็บอารมณ์ในดวงตาและจะปล่อยหลินจือไป แต่ใครจะรู้ว่าหลินจือดันยืนขึ้นมาแล้วตอบกลับอย่างมีความสุข:“โอเคค่ะ”
“ควรลงโทษหนึ่งแก้วจริงๆ”เธอมองไปที่คนพวกนั้นอย่างใจกว้างแล้วพูด“เป็นเกียรติมากที่ครั้งนี้ได้ทำงานกับทุกคนในฐานะคนเขียนบทค่ะ ได้โปรดดูแลฉันด้วยนะคะ”
เธอพูดจบก็เงยหน้าดื่มเหล้าในแก้วจนเกลี้ยง และยังนั่งลงไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าด้วย
คนบนโต๊ะต่างตกใจ ต้องรู้ว่าภายนอกเธอให้ความรู้สึกเหมือนสาวอ่อนโยนนุ่มนวลที่ใจเย็นสุดๆ ดูแล้วจะดื่มไม่เป็นเลย
คิดไม่ถึงว่าจะชนไปแก้วหนึ่งทันที ใจกว้างเสียจริง
เจเทาวน์มองหลินจือด้วยสายตาลึกซึ้ง เทาเท่กลับหน้าหม่นลงทันที
เธอดื่มเหล้าเป็นเมื่อไหร่?
สามปีที่อยู่กับเขาเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใกล้เหล้าเลย ตอนวันรวมญาติเธอก็ปลีกตัวไปด้วยข้ออ้างว่าดื่มไม่ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ปลีกตัวไป?
และก็ เธอไม่รู้หรือไง ถ้าผู้หญิงเปิดเผยกำลังดื่มเหล้าบนวงเหล้าออกมา พวกผู้ชายที่ชอบยั่วยวนก็จะไม่ปล่อยเธอ
เทาเท่พูดเรื่องพวกนี้แน่นอนว่าหลินจือก็รู้ แต่สถานการณ์แบบนี้เธอไม่ดื่มได้เหรอ?
ตอนนี้เธอเป็นเด็กใหม่ในที่ทำงาน ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่ค่อนข้างมีประสบการณ์มากกว่าเธอในวงการนี้ เธอเทียบไม่ได้เลยสักคน
บางทีครั้งนี้เธออาจจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเจเทาวน์ที่เป็นเจ้านายมาช่วยตัวเองหยุดเหล้านี้ลงหรือปลีกตัวออกไปได้ แต่ครั้งต่อไปล่ะ?ครั้งต่อต่อไปอีกล่ะ?
เธอไม่สามารถให้คนอื่นมาช่วยตัวเองได้ทุกครั้ง ดังนั้นเธอได้แต่ช่วยตัวเอง
ดื่มก็ดื่มสิ เธอไม่กลัวสักหน่อย
อาจเพราะว่าทุกคนไม่สามารถเชื่อมโยงหลินจือที่ภาพลักษณ์ดูอ่อนโยนแบบนี้จะดื่มเหล้าได้ แต่ที่จริงแล้วเธอดื่มเก่งมาก
หลินจือกับนานิเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่มอปลาย ตอนนั้นนานิเป็นเด็กเกเรที่สวยงามอย่างเดียว หลินจือกลับเป็นเด็กเรียนที่มีคุณธรรม สติปัญญา ร่างกาย ความงามและทักษะยอดเยี่ยมรอบด้าน
จากเธอที่เป็นเด็กเรียนสามารถเป็นเพื่อนรักกับนานิได้ก็มองออกว่า เธอมีความบ้าคลั่งอยู่ในเลือดเนื้อของเธอ
ดื่มเหล้าก็เรียนรู้จากนานิในตอนนั้น ต่อมายิ่งดื่มคอก็ยิ่งแข็ง ขนาดว่าเกือบพันแก้วก็ยังไม่เมา
คืนนี้เธอจะเอาผู้กำกับกับทีมของเขาเมาให้เละเลย ดูว่าต่อไปพวกเขายังจะกล้าลากเธอไปดื่มอีกไหม