อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 74 แต่กลับถูกหลินจือทำให้โมโหจนสลบไป
“ใครคะ?”
ข้างในมีคนอยู่จริงๆ อีกทั้งเสียงนี้ก็คือเสียงหลินจือ วีนากับพินอินมองสบตากันแล้วยิ้ม
หลังจากที่หลินจือเปิดประตูและเห็นวีนากับพินอินยืนอยู่หน้าประตูนั้น ก็มีอาการตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็นิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าด้วยท่าทางที่สุภาพเรียบร้อย เธอเอ่ยถามขึ้นอย่างมีมารยาท : “พวกคุณสองคนมีธุระอะไรหรือคะ?”
พินอินจ้องมองเธอพลางเอ่ยขึ้น : “หลินจือ ตอนนี้เธอจะอวดดีมากไปแล้วนะ กล้าวางสายแม่ฉันแบบนี้”
หลินจือมีสีหน้าเรียบเฉย : “แล้วทำไมฉันจะวางไม่ได้ล่ะคะ? หรือว่าจะต้องรอโดนด่าอย่างนั้นเหรอคะ?”
วีนาหัวเราะเยาะ : “ด่าเธอแล้วจะทำไม? ใครให้เธอหน้าไม่อายมายั่วเทาเท่อีก!”
หลังจากที่หลินจือได้ยินคำกล่าวหาของวีนาแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างโมโห เธอกอดอกมองวีนากับพินอิน น้ำเสียงไม่ดีเท่าไรนัก : “คุณหลินจือ คุณพินอิน พวกคุณฟังให้ดีนะคะ”
“ข้อแรก หลังจากที่หย่ากันไปแล้ว ฉันไม่เคยเป็นฝ่ายไปเข้าใกล้เทาเท่ก่อนเลย เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณพูดว่าเป็นการยั่วยวน”
“ข้อสอง ฉันกับพวกคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นพวกคุณไม่มีสิทธิจะมาด่าว่าฉัน แน่นอนว่าฉันก็ต้องวางสายใส่อยู่แล้ว”
“เธอ–”วีนาคิดไม่ถึงว่าหลินจือจะมีวาทศิลป์ในคำพูดแบบนี้ อีกทั้งยังดูมีความแข็งแกร่งแบบนี้อีกด้วย เหมือนกับคนละคนกับหลินจือที่เมื่อก่อนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเชื่อฟังอย่างสิ้นเชิง
เธอรู้สึกโมโหขึ้นมา ยกมือขึ้นจะตบหลินจือหนึ่งที
แต่ใครจะรู้ว่ามือของเธอที่เพิ่งจะยื่นออกไปนั้น หลินจือก็หันกล้องโทรศัพท์มือถือไปที่เธอ
หลินจือถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเอ่ยพูดขึ้นกับเธอด้วยความเย็นชา : “คุณหลินจือ ให้อภัยฉันด้วยนะคะที่ฉันต้องพูดออกมาตรงๆ ตอนนี้อินเตอร์เน็ตพัฒนาแบบนี้ คุณลงมือตบตีฉันเมื่อคลิปวีดิโอนี่ส่งออกไป คุณก็จะไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ในทันทีเลยนะคะ”
มือของวีนาเก็บลงไปเพราะคำพูดนี้ของเธอ เป็นการโดนข่มขู่จริงๆ
คนที่แข็งแกร่งอย่างวีนา คิดไม่ถึงเลยว่าหลินจือที่อ่อนแอเป็นที่รังแกได้จะมาไม้นี้
ตอนนี้เธอจะเดินหน้ากลั่นแกล้งหลินจือต่อไปก็ไม่ใช่ ถอยกลับไปกับพินอินด้วยความเศร้าหมองก็ไม่ใช่
ซักพักหนึ่ง ความโมโหโจมตีเข้ามาเธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าอก และมีเสียง“อูย”ส่งออกมา จากนั้นภาพตรงหน้าก็ดับมืดลงไป
“แม่! แม่–”พินอินตะโกนร้องไห้ออกมาใจแทบขาด
เธอเข้าไปประคองวีนา เอาตัววีนามาพิงตรงกำแพงแล้วก็พยายามตะโกนเรียกชื่อของวีนา แต่วีนาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
พินอินเช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นพุ่งตัวเข้ามาที่หลินจือ : “หลินจือ เธอมันคนสารเลว ทำให้แม่ฉันต้องโมโหจนสลบไปแบบนี้ เธอกับฉันมาสู้กันเลยดีกว่า!”
หลินจือสะบัดฝ่ามือลงบนหน้าของพินอิน เสียงสูงขึ้นมาทันที : “พินอิน ตอนนี้สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือรีบเรียกรถพยาบาล ช่วยแม่คุณสิ!”
พินอินถูกฝ่ามือของเธอนั้นทำให้ดึงสติกลับมาได้ และถึงได้รีบคลำหาโทรศัพท์มือถือออกมาโทรเรียกรถพยาบาล
ระหว่างที่กำลังรอรถพยาบาลมาถึงนั้น พินอินก็โทรหาเทาเท่อีกครั้ง
พินอินตะโกนเสียงดังออกมาอย่างกำลังเป็นโรคประสาท : “เทาเท่ หลินจือทำให้แม่โมโหจนสลบไปแล้ว ฉันจะดูว่าพี่จะปกป้องเธออยู่อีกไหม!”
เมื่อเทียบกับการสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์ของพินอินแล้ว หลินจือก็ยังคงนิ่งและมีสติอยู่ตลอด โทรศัพท์มือถือของเธอก็บันทึกถ่ายอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน
มิเช่นนั้นแล้วจากความสามารถในการบิดเบือนความจริงของพินอิน เธอจะถอดถอนตัวเองออกมาได้ไม่หมด
เนื่องจากอยู่ใกล้ ดังนั้นเทาเท่ก็แทบจะมาพร้อมกับรถพยาบาล
หลังจากที่คุณหมอยกร่างของวีนาขึ้นเปลไปแล้วนั้น เทาเท่ก็ขมวดคิ้วเอ่ยถามหลินจือที่อยู่ข้างๆ : “เกิดอะไรขึ้น?”
หลินจือยกมือชี้ไปทางด้านบนศีรษะ : “กล้องวงจรปิดกับคลิปในโทรศัพท์มือถือจะอธิบายทุกอย่างได้ ส่วนเรื่องอื่นฉันไม่มีอะไรจะพูดค่ะ”
เนื่องจากวีนากับพินอินมาก่อความวุ่นวายแบบนี้ หลินจือก็ยิ่งจะขับไล่เทาเท่ ดังนั้นหลังจากที่เธอพูดจบแล้วก็เดินอ้อมเขาไป
เทาเท่สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าความรังเกียจที่เธอมีต่อเขาเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ควีนที่รีบตามกลับมาด้วยนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องนี้จะดูอธิบายยากอยู่เช่นกัน จึงเอ่ยขึ้นกับเทาเท่ : “ประธานเทาเท่ ไปดูที่โรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ”
เทาเท่เองก็ทำได้เพียงต้องขับรถพาคนไปก่อน
หลังจากที่เทาเท่ออกไปแล้ว ควีนกลับบ้านไปดูหลินจือ
หลินจือนั่งขดอยู่บนโซฟา มือทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้ ควีนไม่แน่ใจว่าเธอร้องไห้หรือเปล่า
ควีนหันกลับไปรินน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว แล้วนั่งลงข้างๆเธอเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง : “เธอโอเคไหม?”
หลินจือเงยหน้าขึ้นมา หลังจากรับน้ำมาแล้วก็เอ่ยพูดขึ้นเบาๆ : “ขอบคุณนะ”
ควีนเห็นดวงตาของเธอแดงๆ อีกทั้งมือก็เย็นอีกด้วย ในใจก็อดที่จะรู้สึกแย่ขึ้นมาไม่ได้
หลินจือดื่มน้ำลงไป แล้วถึงได้รู้สึกอุณหภูมิร่างกายอุ่นขึ้นมา
เมื่อครู่ที่วีนาเป็นลมสลบไป เธอดูเหมือนจะสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน แต่ความจริงแล้วก็รู้สึกกลัวเสียจนมือเท้าเย็นไปหมดเช่นกัน
ถ้าหากวีนาไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่ถ้าหากเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เธอ—
ควีนปลอบใจเธอ : “คงไม่มีอะไรหรอก ได้ยินมาว่าช่วงสองสามปีมานี้สุขภาพของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก อีกทั้งหลังจากที่เกิดเรื่องพ่อของประธานเทาเท่ขึ้น นิสัยและอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปมากเลย”
สามีนอกลู่นอกทาง ผู้หญิงที่ไหนจะรับกับการสะเทือนอารมณ์นี้ได้?
ควีนเอ่ยถามหลินจือขึ้นมาอีกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หลินจือเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “เดิมทีฉันก็อยู่เขียนบทละครของฉันอยู่ในบ้านดีๆเนี่ยแหล่ะ ได้รับสายจากวีนา แล้วก็ด่าว่าฉัน ฉันก็เลยวางสายไป”
“หลังจากนั้นเขากับพินอินก็ไม่รู้ว่ามาหาฉันที่นี่ได้ยังไง เราพูดกันเพียงสองสามประโยค พูดจนอารมณ์ไม่ดีแล้วก็จะยกมือขึ้นมาตบฉัน ฉันก็เลยเปิดบันทึกคลิปในโทรศัพท์มือถือเอาไว้”
หลินจือยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองส่งให้ควีน : “หลังจากนั้นก็อยู่ในนี้หมดแล้ว”
หลังจากที่ควีนดูคลิปวิดีโอในโทรศัพท์มือถือเสร็จแล้วนั้น ก็อดที่จะส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้นไม่ได้ : “พฤติกรรมกิริยาท่าทางของคุณหลินจือนี่ ไม่ได้มีบารมีที่ตำแหน่งฐานะของเธอควรจะมีเลยจริงๆ”
โทรศัพท์มาด่าว่าคนอื่น มาตบตีคนอื่นถึงบ้าน มีคุณสมบัติของผู้หญิงที่สูงส่งเสียที่ไหนกัน?
แต่สองสามปีมานี้ควีนที่อยู่ข้างๆเทาเท่ก็ได้สัมผัสกับคุณหญิงคุณนายในสังคมชั้นสูงมากมายเช่นกัน หลายคนที่ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา โดยเฉพาะเผชิญหน้าคนที่ไม่มีมีเบื้องหลังและสถานะอย่างเธอกับหลินจือแบบนี้
วีนากับพินอินทำกับหลินจือแบบนี้ อย่างแรกคือเป็นการรังแกหลินจือที่ไม่มีเบื้องหลังของชีวิต อย่างที่สองคือรู้สึกว่าหลินจือยังคงไม่กล้าต่อต้านเช่นเคย จึงให้พวกเขาได้ทรมานไปแบบนี้
หลินจือเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน : “แปลกใช่ไหมล่ะ? ฉันไม่รู้เลยว่าไปทำให้พวกเขาไม่พอใจได้ยังไงอีก”
ควีนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับเธอ : “ฉันรู้แล้วว่าทำไมพวกเขาถึงได้มาหาเรื่องเธอ”
“เมื่อตอนกลางวันประธานเทาเท่นัดพินอินไปทานข้าวด้วยกัน แล้วบอกเธอว่าจะส่งเธอไปต่างประเทศ”ในฐานะเป็นผู้ช่วยที่ทำงานดีของเทาเท่ เรื่องพวกนี้ควีนรู้ดีอยู่แล้ว
ร้านอาหารที่นัดพินอินเธอเป็นคนช่วยเทาเท่จองเอง ส่วนเรื่องที่พินอินจะไปต่างประเทศนั้นจอนห์เป็นคนจัดการ
หลินจือรู้สึกประหลาดใจ : “ส่งพินอินไปต่างประเทศ?”
ควีนพยักหน้าลง : “อืม”
ควีนอธิบาย : “ครั้งนี้เรื่องที่พี่ชายเธอรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนนั้น ความจริงแล้วพินอินเป็นคนทำ”
หลินจือรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่นานนักก็สงบลงแล้ว จากพฤติกรรมและคุณธรรมของพินอินแล้ว จะทำกับเธอแบบนี้จริงๆ
ควีนมองหลินจือ แล้วหยั่งเชิงพูดถึงเจ้านายของตัวเองในทางที่ดี : “ประธานเทาเท่……คงจะไม่อยากให้เธออยู่ในประเทศแล้วหาเรื่องเธอต่อไปอีก”
ถึงแม้ว่าเทาเท่ไม่เคยพูดว่าตอนนี้เขามีความคิดอย่างไรต่อหลินจือกันแน่ แต่ควีนรู้สึกว่า เจ้านายคงจะอยากแสดงความหวังดีกับหลินจือ มิเช่นนั้นช่วงนี้ก็คงจะไม่ยืนอยู่ทางฝั่งหลินจือทุกครั้งแบบนี้